ตอนที่ 758 ไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 758 ไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์

อันหลิงเกอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง บาดแผลบนใบหน้าก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ร่างกายก็ดีขึ้นมาก คงมีเพียงความรู้สึกไม่สบายอย่างเดียวและย่อมมาจากกระเพาะอาหารที่ส่งเสียงคำรามอยู่ขณะนี้

“ตื่นแล้วหรือ ? นายของข้าเตรียมอาหารให้เจ้าแล้ว มา รีบมาทานสิ” สาวใช้เป็นคนฉลาดจึงมิได้เอ่ยชื่อเจ้านายออกมาตามตรง

ตอนนี้อันหลิงเกอก็ไม่สนอันใดมาก ยามมองอาหารบนโต๊ะก็รีบกระโดดลงจากเตียงแล้วตักอาหารทานเสียคำโต ในเวลาเดียวกันก็มีคนผู้หนึ่งเฝ้ามองพฤติกรรมของนางอยู่ ทว่าอันหลิงเกอมิได้สังเกตเห็นแม้แต่น้อย

“ท่านอ๋อง เหตุใดมิบอกฐานะกับนางขอรับ” พ่อบ้านเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ ในเมื่อฐานะของเจ้านายสูงส่งเพียงนี้ เหตุใดมิยอมบอกให้นางรับทราบ

“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่อยากทำให้นางตกใจ” เนื่องจากเสื้อผ้าบนตัวอันหลิงเกอบ่งบอกว่าเป็นสตรีสูงศักดิ์ของแคว้นใดแคว้นหนึ่ง เมื่อนางตกอยู่ในสภาพนี้ เขาก็มิควรเปิดเผยฐานะของตนเพราะอาจทำให้นางตกใจกลัวเอาได้

แท้จริงแล้วบุรุษผู้นี้คือท่านอาของไป๋หลี่เฉินผู้มีนามว่าไป๋หลี่หมิงซาน หากจะบอกว่าเหตุใดเขาจึงยอมช่วยนางก็คงเพราะดวงตาคู่งามของนางนั่นเอง

ยามที่ไป๋หลี่หมิงซานเห็นอันหลิงเกอก็พบว่าดวงตาของนางคล้ายของคนรักที่ตายจากไป นอกจากอายุที่แตกต่างแล้ว ส่วนอื่นก็คล้ายกันมากเหลือเกิน

ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ไป๋หลี่หมิงซานยืนมองเฉย ๆ มิได้ เขาจึงพาอันหลิงเกอกลับจวนเพราะมิอาจทิ้งสตรีผู้น่าสงสารไว้ข้างถนนได้

ไป๋หลี่หมิงซานเป็นหนึ่งในอ๋องของเผ่าพิษหนอนกู่ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่อันหลิงเกอมิเคยรู้มาก่อน

หลังรับประทานอาหารเสร็จ อันหลิงเกอก็ถามหาคนที่ช่วยเหลือตนเอาไว้ สาวใช้ก็เดินนำทางจนมาถึงห้องหนังสือของไป๋หลี่หมิงซาน

ก่อนเดินเข้าไปอันหลิงเกอได้กลิ่นชะมดที่แรงมาก หรือในจวนแห่งนี้จะไม่มีสตรีเรือนหลังอยู่เลยสักคน ? อันหลิงเกอคิดในใจเพราะหากมีสตรีเรือนหลังอยู่ก็คงมิใช้กลิ่นชะมดที่รุนแรงเพียงนี้ เนื่องจากกลิ่นชะมดไม่ดีต่อการตั้งครรภ์ของสตรี

จากนั้นนางก็เข้าไปในห้องหนังสือซึ่งมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งหันหลังให้ราวกับว่ากำลังรอนางอยู่

ตอนนี้เขานั่งมองกระดานหมากล้อมตรงหน้าและจมอยู่กับความคิด แม้ผ่านไปนานมากแล้วก็ยังไม่สังเกตเห็นการมาถึงของอันหลิงเกอที่กำลังมองตามสายตาของเขาและพบว่าหมากบนกระดานมีความซับซ้อนมาก แค่มองก็รู้ว่าแก้ไขยาก

“เล่นหมากล้อมเป็นหรือไม่ ? ” มิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงแหบพร่าของบุรุษคนนั้นก็ดังขึ้น อันหลิงเกอพยักหน้าและนั่งลงฝั่งตรงข้ามทันที

เมื่อครู่นางเริ่มเข้าใจหมากกระดานนี้คร่าว ๆ แล้ว นางคิดว่าน่าจะแก้ไขมันได้ บุรุษตรงหน้ามองมือของอันหลิงเกอที่วางหมากบนกระดานจากนั้นก็ตกตะลึงทันที

เพราะเดิมทีเขาคิดจะเปลี่ยนการเดินหมากใหม่ให้อันหลิงเกอเพราะหมากตานี้ยากเกินไป แต่ยังมิได้ทำอันใดนางก็วางหมากลงไปแล้ว หมากตานี้ก็ถูกแก้ไขในที่สุด

ไป๋หลี่หมิงซานตกตะลึงไปชั่วขณะ เขามิคิดว่าสตรีนางนี้จะมีฝีมือเดินหมากที่เก่งกาจเพราะเขาแก้หมากกระดานนี้ไม่ได้มาหลายปีแล้ว คาดมิถึงว่าวันนี้จะถูกแก้ไขโดยสตรีตรงหน้า

อันหลิงเกอมองสีหน้าของไป๋หลี่หมิงซานที่ตกตะลึงอยู่ นางรู้ว่าได้แสดงความสามารถมากเกินไปเพราะเดิมทีมิคิดจะทำเช่นนี้ แต่นางเองก็หลงใหลในการเดินหมาก พอเห็นหมากตานี้น่าสนใจจึงทำให้ควบคุมตนเองมิได้

“เจ้าเดินหมากเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่ ? ” เมื่อเห็นอันหลิงเกอสามารถแก้หมากตานี้ได้อย่างสบาย ไป๋หลี่หมิงซานก็อธิบายมิถูกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร เพราะเขามิได้เห็นเหตุการณ์เยี่ยงนี้มานานแล้ว ทว่าหลังได้พบอันหลิงเกอก็อยากเดินหมากต่อทันที

ตอนนี้อันหลิงเกออาศัยอยู่กับเขาจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นอันหลิงเกอยังชอบเล่นหมากล้อมมาก จากนั้นทั้งคู่ก็เดินหมากกันอีกหลายตา เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าใกล้มืดแล้ว ไป๋หลี่หมิงซานก็ให้สาวใช้เตรียมอาหารไว้ ดูเหมือนเขาต้องการให้อันหลิงเกออยู่ร่วมรับประทานด้วยกัน

บนโต๊ะอาหารทั้งคู่ได้สนทนากันจึงทำให้ตอนนี้อันหลิงเกอทราบชื่อของเขาแล้ว นางรู้สึกแปลกใจกับแซ่ของเขา เนื่องจากเป็นแซ่ของราชวงศ์ที่ปกครองชนเผ่านี้อยู่

ทว่าไป๋หลี่หมิงซานก็อธิบายให้อันหลิงเกอฟังว่ามิใช่ตัวอักษรเดียวกัน

“บรรพบุรุษหลายชั่วอายุคนของข้าเป็นพ่อค้าจึงมิได้มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เลย” ขณะมองสีหน้าของอันหลิงเกอแล้ว ไป๋หลี่หมิงซานก็รู้ว่านางกำลังสงสัยจึงอธิบายออกมา

อันหลิงเกอไม่อยากเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเชื้อพระวงศ์อีก ดังนั้นพอได้ยินแซ่ไป๋หลี่ของเขาแล้วก็ค่อนข้างตกตะลึง

เมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ อันหลิงเกอก็พยักหน้าเข้าใจและมิได้สงสัยในตัวเขาอีก เนื่องจากเขาช่วยชีวิตนางไว้จึงไม่จำเป็นต้องโกหก แต่อันหลิงเกอมิรู้ว่าสำหรับไป๋หลี่หมิงซานแล้วเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างต่อนางและเริ่มกลัวว่าอันหลิงเกอจะหนีไปจากตน

อันหลิงเกอใช้ชีวิตอยู่ในจวนแห่งนี้เป็นเวลากว่าครึ่งเดือน ร่างกายก็ฟื้นตัวได้มากแต่แผลบนใบหน้ามิอาจเลือนหายได้อีกจึงทิ้งรอยแผลเป็นแสนน่ากลัวเอาไว้

กระทั่งวันนี้มาเยือน เดิมทีอันหลิงเกอมิเคยคาดเดาอะไรเกี่ยวกับไป๋หลี่หมิงซานมาก่อน แต่นางกลับได้ยินบทสนทนาของพวกสาวใช้ในจวน

“สตรีที่ท่านอ๋องพากลับมาเป็นอย่างไรบ้าง ? ท่านอ๋องมิได้ทำตัวสนิทสนมกับสตรีมาหลายปีแล้ว ท่านจะรู้สึกอันใดกับสตรีนางนั้นหรือไม่…”

“พอแล้ว เจ้าเลิกคิดเหลวไหลดีกว่าเพราะเหมือนสตรีนางนั้นแค่มารักษาตัวที่จวน ส่วนท่านอ๋องมิยอมเปิดเผยฐานะ คิดแล้วก็น่าแปลกเสียจริง”

“ใช่ใช่ใช่ ท่านอ๋องของพวกเรามีฐานะสูงส่งเพียงนี้ ท่านอยู่เหนือคนนับหมื่นแต่มิกล้าเปิดเผยตัวตนต่อหน้านาง นี่คือเรื่องบ้าอันใดกัน ? ”

“แต่ข้าได้ยินมาว่าดวงตาของสตรีผู้นี้เหมือนกับอดีตคู่หมั้นของท่านอ๋อง”

“อืม พอได้ยินเจ้าพูดแล้วข้าก็คิดว่าเหมือนอยู่บ้าง”

อันหลิงเกอยืนฟังสาวใช้สนทนากันอยู่อย่างนั้น ขณะเดียวกันก็สับสนขึ้นมาทันที มิได้เป็นเพราะที่อีกฝ่ายพูดว่านางเหมือนใคร แต่เพราะฐานะแท้จริงของไป๋หลี่หมิงซานซึ่งเป็นอ๋องของเผ่าพิษหนอนกู่ต่างหาก

ตอนนี้อันหลิงเกอคิดแค่ว่าไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ แต่นางได้มารู้จักกับท่านอ๋องแห่งเผ่าพิษหนอนกู่โดยบังเอิญแล้วนางควรทำอย่างไรต่อไป

ตอนอยู่ต้าโจวหรือเผ่าปิงชวน นางก็เจ็บปวดเพราะราชวงศ์มามากพอแล้ว นางมิอยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้อีก ด้วยเหตุนี้นางจึงตัดสินใจไปจากที่นี่

จากนั้นอันหลิงเกอก็ใช้โอกาสตอนที่ไป๋หลี่หมิงซานยังมิกลับมาเพื่อเตรียมออกจากจวน และนางมิได้นำเงินในจวนติดตัวไปสักอีแปะเดียวเพราะออกไปแต่ตัวเท่านั้น

นางทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้ไป๋หลี่หมิงซาน เนื้อความประมาณว่านางทราบฐานะแท้จริงของเขาแล้ว ขอโทษที่นางออกไปโดยมิบอกลาพร้อมขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตและดูแลนางเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็เดินออกไปทางประตูหน้าจวนและมิได้มีผู้ใดขวางเอาไว้ เนื่องจากช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาต่างก็รู้ว่าอันหลิงเกอเป็นแขกของท่านอ๋องจึงเป็นธรรมดาที่จะมิกล้าเข้ามาขวางทาง

อันหลิงเกอเดินบนถนนสายหลักอีกครั้ง นางมิรู้ด้วยซ้ำว่าควรเดินไปทางไหนจึงเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ทันใดนั้นนางก็ถูกกลิ่นหอมบางอย่างดึงดูดให้เดินไปยังโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง