ส่วนที่ 4 ตอนที่ 67 ชัยชนะ

ความลับแห่งจินเหลียน

“ตามที่พี่ต้องการ!” ฉินเฮ่าพยักหน้า 

 

 

ไม่นานผู้ดูแลของคลับระดับสูงชั้นดีก็เข้ามาเพื่อเป็นพยานพิสูจน์ว่าคาสิโนชิปของทั้งสองฝ่ายเพิ่มขึ้นถึงห้าร้อยล้านดอลล่า 

 

 

“การพนันรอบนี้ จะสามารถริบคาสิโนชิบจากฝ่ายที่แพ้ได้ คุณผู้หญิงคุณผู้ชายสามารถวางเดิมพันได้ตลอดระหว่างนั้น และสามารถเพิ่มคาสิโนชิบได้ทุกเมื่อ” เจ้ามือพูดด้วยน้ำเสียงกระจ่างชัด แต่ก็มีความเหมือนหุ่นยนต์ ฟังแล้วราวกับเหมือนโลหะหลอมอยู่ 

 

 

ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น เพิ่มเดิมพัน การพนันแบบนี้ไม่มีใครยอมเพิ่มเดิมพันง่ายๆ หรอก 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่ฉินเฮ่า ถ้าหากเขาแพ้จะเป็นอย่างไร จ่านป๋ายยังคงใบหน้าเรียบเฉย ไม่พูดไม่จาสักคำ เมื่อไม่มีใครคัดค้าน ดังนั้นการพนันก็เริ่มต้นขึ้น 

 

 

เหนือความคาดหมายของซีเหมินจินเหลียน ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงนั้น คิดไม่ถึงว่าเธอจะหยิบไพ่ดีๆ ไม่ได้เลยสักครั้ง โชคของเธอราวกับจำกัดให้แค่ทดลองเล่นกับฉินเฮ่าเมื่อสักครู่เท่านั้น 

 

 

ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง ดวงของจ่านป๋ายและฉินเฮ่าเหมือนไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก พวกเขาแพ้ไปไม่น้อย ส่วนเธอก็คอยจับตามองดูจ่านมู่ฮวากับซาโต้อิจิโร่ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสองคนนี้ไม่ได้ขยับมือขยับไม้อะไร ฉินซินยิ่งไม่ได้เล่นอะไรตุกติก 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ถ้าหากเพียงแค่พึ่งดวงแล้วแพ้ไปห้าร้อยล้านดอลล่า เธอคงร้องไม่ออกแน่ แม้ว่าคนที่แพ้จะไม่ใช่เงินของเธอ… 

 

 

“คุณซีเหมิน ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ คุณก็จะไม่เดิมพันเพิ่มเหรอครับ” ฉินซินเหลือบไปมองจ่านมู่ฮวาแวบหนึ่ง แล้วก็มองไปที่ซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดขึ้น 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกำลังมองไพ่หงายที่ถูกวางลงสามใบ รวมถึงไพ่ต่ำที่อยู่ในมือตัวเองอีกสองใบ ในไพ่หงายสามใบที่เผยให้เห็นนั้น แบ่งเป็นเอซโพแดง เก้าโพดำและเก้าข้าวหลามตัด แต่ไพ่ที่ต่ำสุดในมือเธอกลับเป็นแปดโพดำและแจ็คโพดำ 

 

 

บนโต๊ะพนันถ้าหากยังปรากฏไพ่โพดำอีกสองใบ เธอก็สามารถเก็บเป็นกลุ่มไพ่โพดำได้ แต่ถ้าอยากได้ไพ่โพดำแล้วเรียงกันด้วยความเป็นไปได้คงมีไม่มาก 

 

 

ไม่สนใจในคำท้าทายของฉินซิน ซีเหมินจินเหลียนใช้มือสัมผัสไปที่โต๊ะ แล้วส่งพลังในการมองทะลุผ่านออกไป ไพ่น้อยสุดของจ่านป๋ายเป็นเอซโพดำและเอซดอกจิก ถ้ารวมกับไพ่หงายสามใบสามารถรวมกลุ่มเป็นเอซสามใบ บวกกับแต้มเก้าอีกคู่จะกลายฟูลเฮาส์ ไม่น่าล่ะที่เขาลงเดิมพันเพิ่มไป 

 

 

ฉินเฮ่าน่าเวทนามาก ใบหนึ่งเป็นสี่ดอกจิก ส่วนอีกใบเป็นหกโพดำ สับไพ่อย่างไรก็ไม่เป็นประโยชน์ 

 

 

แต่ในระหว่างใช้ความสามารถในการทองทะลุผ่านกับฉินซิน ซีเหมินจินเหลียนก็อึ้งอยู่นาน คิดไม่ถึงว่ามือของเขาก็มีไพ่ที่แย่ทั้งชุด แต่ยังคงเดิมพันตามไป ใบหนึ่งเป็นห้าโพดำ อีกใบเป็นเอซข้าวหลามตัด… 

 

 

ภายในไพ่หงาย ไม่สามารถปรากฏเอซได้แล้ว ซีเหมินจินเหลียนเหลือบมองจ่านป๋าย ถ้าอย่างนี้เขาไม่สามารถนำเอซมารวมกันได้สี่ใบ 

 

 

ส่วนซาโต้อิจิโร่คนนั้น ทำให้ซีเหมินจินเหลียนเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก ในมือหยิบได้แต้มสิบทั้งสองใบ แบ่งเป็นข้าวหลามตัดกับโพแดง 

 

 

ส่วนจ่านมู่ฮวาคนสวยคนนั้นไพ่ต่ำก็คือไพ่เหมือนกันทั้งสองใบ แบ่งเป็นเก้าดอกจิกและควีนข้าวหลามตัด 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามใช้ความสามารถในการมองทะลุไปที่ไพ่ที่เจ้ามือเก็บไว้อยู่ ถ้าหากไพ่ที่ลงไปมีโพดำเพิ่มสองใบ เธอก็จะฟูลเฮ้าส์ได้ แน่นอนถ้ามีแต้มเก้าโผล่มา จ่านมู่ฮวาคงรวมไพ่แต้มเก้าทั้งสี่ใบ รอบนี้เขาคงชนะไปอย่างสวยงาม 

 

 

ความสามารถในการมองทะลุผ่านไปถึงไพ่ที่เจ้ามือเก็บไว้อยู่ เธอก็เห็นอย่างชัดเจน ซีเหมินจินเหลียนหยุดคิดทบทวนในใจ ก่อนจะโยนคาสิโนชิปจำนวนสามสิบล้านออกไป 

 

 

“ในที่สุดคุณซีเหมินก็วางเดิมพันเพิ่มแล้ว” จ่านมู่ฮวายิ้ม “ถ้าอย่างนั้นพวกเราเพิ่มอย่างอื่นอีกไหมครับ” 

 

 

“เพิ่มเป็น sm อีกสักรอบดีไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อน “คุณจ่านสวยขนาดนี้ น่าจะโชว์ทุนอะไรสักหน่อย” 

 

 

จ่านมู่ฮวาเองก็ไม่ได้โกรธอะไร “พวกเราเดิมพันอย่างอื่นกันเถอะครับ” 

 

 

“คุณอยากจะเดิมพันอะไรล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น “ฉันคิดไม่ออก หรือคุณยังมีอะไรที่คุ้มค่าในการวางเดิมพันอีก?” 

 

 

“เดิมพันตัวผมเป็นอย่างไร” จ่านมู่ฮวายังกล้าพูดอย่างไม่อายปาก “ดูน่าสนุกไหมล่ะครับ ผู้หญิงผู้ชายเหมือนกัน ในเมื่อคุณซีเหมินเมื่อสักครู่ชมผม แสดงว่ายังพอสนใจตัวผมอยู่บ้าง ถ้าอย่างนั้นคุณอยากจะเดิมพันดูสักตั้งไหม” 

 

 

จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกว่า ตระกูลจ่านนั้นมีแต่คนที่สติไม่สมประกอบ จ่านมู่ฮวาคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร 

 

 

“เดิมพันอย่างไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มถาม 

 

 

“ถ้าหากผมชนะในรอบนี้ คุณซีเหมินต้องสละตัวเองมาแต่งงานกับผม แต่ถ้าผมแพ้ ผมก็เป็นคนของคุณแล้ว คุณจะทำอย่างไรกับผมก็ได้” จ่านมู่ฮวาพูด “แต่ไม่รู้ว่าคุณซีเหมินกล้าเดิมพันหรือเปล่าครับ?” 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเบิกตากว้างมองเขา คนคนนี้เธอก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี ถ้าเธอชนะ จ่านมู่ฮวาคงคอยหนีบัญชีที่ค้างไว้แน่ แต่ถ้าเธอแพ้เธอต้องแต่งกับเขา? แน่นอนเธอสามารถคิดทบทวนได้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นหาทางออกไม่ได้ จ่านมู่ฮวาคงหาข้ออ้างที่ชาญฉลาดมาหาเรื่องเธอ 

 

 

จ่านป๋ายเงยหน้ามองจ่านมู่ฮวา ในสายตามีแววพิฆาตเกิดขึ้น 

 

 

ส่วนซีเหมินจินเหลียนได้แต่คิดวุ่นวายไปมา ถึงค่อยพูดขึ้นว่า “ดูแล้วฉันเหมือนจะหมดหนทางเลือกสินะคะ ถ้าแพ้ก็ยังต้องแต่งงานกับสามีคนสวยอย่างคุณ? ยังมีอำนาจและเงิน? ถ้าชนะฉันก็ยังขายคุณได้ แต่เมื่อสักครู่เหมือนคุณจ่านจะบอกว่า การเดิมพันคนบางครั้งก็มีความเสี่ยงไม่ใช่เหรอคะ” 

 

 

“นี่ก็ไม่นับว่าเป็นการเดิมพันคนครับ” จ่านมู่ฮวายิ้มจนดูน่าหลงใหล 

 

 

“ตกลงค่ะ ฉันเห็นว่าคุณสวยหรอกนะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า 

 

 

เพราะว่าพวกเขามีการวางเดิมพันที่พิเศษ ยิ่งทำให้ผู้คนที่เหลือสนใจ จ่านป๋ายเลยวางเดิมเพิ่มพันอีกครั้ง ฉินซินก็เพิ่มตามเข้าไป ส่วนซาโต้อิจิโร่ไม่ต้องพูดถึงต่างวางเดิมพันกันอย่างต่อเนื่อง 

 

 

เจ้ามือเริ่มแจกไพ่ ไพ่หงายใบที่สี่ถูกวางลงไว้บนโต๊ะ ซีเหมินจินเหลียนยกมุมปากยิ้มอย่างพอใจ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิบโพดำ 

 

 

ตาขวาของซาโต้อิจิโร่กระตุกขึ้น แต่สติไม่ได้แตกกระเจิง 

 

 

ในใจของซีเหมินจินเหลียนรู้สึกกดดันอยู่บ้าง ไพ่ใบสุดท้าย แม้ว่าเธอจะเห็นแล้ว แต่การพนันบนโต๊ะวันนี้ ช่างฝีมือระดับเซียนทั้งนั้น ถ้าหากจ่านมู่ฮวานำไพ่ใบนั้นเปลี่ยนเป็นเก้า เขาก็เป็นผู้ชนะที่มีไพ่สูงสุด ในขณะนั้นถ้าไพ่ต่ำมีเลขสิบ ผู้ที่จะชนะก็คือซาโต้อิจิโร่… 

 

 

“คุณผู้หญิงคุณผู้ชาย เชิญวางเดิมพันได้” เจ้ามือป่าวประกาศด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก 

 

 

เมื่อถึงตาฉินซิน ซีเหมินจินเหลียนที่เดิมทีคิดว่าเขาจะเปิดไพ่ไม่เล่นด้วยแล้ว แต่เหนือคาดหมายเขากลับลงคาสิโนชิปทั้งหมดลงไป จากนั้นก็กระแอมไอออกมาอย่างเกียจคร้าน “เวลาดึกแล้ว ผู้แพ้กลับบ้านไปนอน” ประโยคนี้ ช่างกระแทกใจนักพนันเป็นอย่างยิ่ง 

 

 

ซาโต้อิจิโร่เมื่อได้ยินคำพูดไร้สาระเมื่อครู่ก็นำคาสิโนชิบขึ้นมาด้านบน 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนหยิบกระจกและลิปสติกออกมาจากในกระเป๋า เริ่มมองกระจกและทาลิปอย่างตั้งใจ 

 

 

“คุณซีเหมิน ถึงตาคุณแล้วครับ” ฉินซินยิ้ม 

 

 

“อ่อ…” ซีเหมินจินเหลียนรีบพูด “พวกคุณต่างก็ลงเดิมพันใหญ่เลยนะคะ จะเล่นเดิมพันทรัพย์สินในบ้านจริงๆ เหรอคะ” เธอพูดพลางนิ้วมือแกว่งลิปสติกโยนไปมา แท่งลิปสติกสีแดงก็ล่องลอยออกไป มันเกือบตกไปอยู่ยังไพ่ที่ถูกเก็บไว้ที่ด้านหน้าเจ้ามือ… 

 

 

“ขอโทษค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนทำเป็นหลุดมือ ก่อนจะแกล้งทำเป็นขอโทษ 

 

 

เจ้ามือที่เดิมทีหน้าตายราวกับหุ่นยนต์ เพียงไม่นานก็ได้เปลี่ยนสีหน้า ส่วนซาโต้อิจิโร่และจ่านมู่ฮวาก็เช่นกัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู 

 

 

ลิปสติกสีที่ซีเหมินจินเหลียนเลือกเป็นสีแดงสด ราวกับกลีบดอกท้อ เมื่อตกไปอยู่ยังไพ่ที่ถูกเก็บไว้ด้านบน… 

 

 

ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะมีความสามารถในการเปลี่ยนสลับของ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนไพ่ใบนั้นออกไปได้ นี่เป็นไพ่โรคจิตใบหนึ่ง ที่ถูกทำสัญลักษณ์ไว้บนไพ่ 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรก่อนจะรีบเก็บลิปสติกเข้าไปในกระเป๋าแล้วยิ้มออกมา “ในเมื่อทุกคนต่างทุ่มเทขนาดนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ลงให้หมดเถอะ!” พูดพลางนำคาสิโนชิปของตัวเองผลักออกไปตรงกลาง 

 

 

จ่านป๋ายแม้กระทั่งวาจาก็คร้านที่จะพูดขึ้น นำคาสิโนชิปทั้งหมดผลักไปตรงกลาง 

 

 

เจ้ามือที่เดิมทีสีหน้าตายด้าน จนถึงตอนนี้ยิ่งเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกที ไพ่หงายใบสุดท้ายก็เปิดเผยอยู่บนโต๊ะ เจ็ดโพดำหนึ่งใบทิ่มแทงสายตา 

 

 

เมื่อสักครู่ทุกคนต่างนำคาสิโนชิปขึ้นไปบนโต๊ะ แต่ตอนนี้เหมือนไม่มีอะไรให้พูด 

 

 

ไพ่หงายห้าใบบนโต๊ะ  แบ่งเป็นเจ็ดโพดำ เก้าโพดำ เก้าข้าวหลามตัด สิบโพดำ เอซโพแดง 

 

 

“คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย ถ้าไม่เพิ่มเดิมพัน อย่างนั้นก็ลงไพ่กันมาเลยครับ” เจ้ามือหุ่นยนต์พูด 

 

 

ฉินซินพูดถอนหายใจและนำไพ่แจกลงไปบนโต๊ะ เอซสองใบ ไม่ต่ำแล้ว 

 

 

ตาขวาของซาโต้อิจิโร่กระตุกขึ้นอีกครั้ง นำไพ่ที่อยู่ในมือสาดลงไป รอบนี้เขาไม่มีความจำเป็นที่จะแพ้ สิบสองใบเสริมกับไพ่สิบโพดำหนึ่งใบและเก้าสองใบ เขาสามารถทำเป็นฟูลเฮ้าส์ได้เหมือนกัน… 

 

 

“ผมเหมือนจะแพ้แล้ว แต่ขอแค่ชนะคุณซีเหมินก็พอ!” จ่านมู่ฮวาเปิดไพ่ตัวเองทั้งสองใบออกมา เก้าสองคู่ บนโต๊ะยังมีไพ่เก้าอีกใบ 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ยิ้ม ฉินเฮ่ามองจ่านป๋าย รอบนี้มีผลต่อทรัพย์สินที่บ้านเขา ถ้าหากจ่านป๋ายแพ้ คืนนี้เขาก็ไม่เหลืออะไร 

 

 

จ่านป๋ายนวดขมับของตัวเองแล้ววางไพ่สองใบลงไป เอซสองคู่ บวกกับบนโต๊ะที่มีไพ่เอซอีกหนึ่งใบและเก้าอีกสองใบ เขาก็สามารถทำเป็นฟูลเฮ้าส์ได้เหมือนกัน เพียงแต่แค่สูงกว่าซาโต้อิจิโร่หน่อย 

 

 

“น้องรัก คืนนี้แกก็ดวงดีเหลือเกินนะ” จ่านมู่ฮวาปรบมือ สายตาลอบไปมองที่ซีเหมินจินเหลียน 

 

 

ขอแค่เขาชนะเธอ รอบนี้ เขาถึงจะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เหลือไม่สำคัญอะไรแล้ว 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเปิดไพ่สองใบออกแล้วส่งไป แปดโพดำแจ็คโพดำ มองแล้วเหมือนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับไพ่ที่อยู่บนโต๊ะ แต่สามารถเรียงเลขได้… 

 

 

จ่านมู่ฮวาที่เดิมทีใบหน้าขาวอยู่แล้วก็ยิ่งขาวซีดเข้าไปใหญ่ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน? ส่วนฉินเฮ่าได้แต่หัวเราะออกมา คืนนี้เขาก็ได้รับมาไม่น้อยเลย 

 

 

ฉินซินใช้แรงในการบีบกำปั้น ควบคุมตัวที่สั่นระริก ซาโต้อิจิโร่มองไปที่ซีเหมินจินเหลียน เป็นไปได้อย่างไร ก่อนที่ไม่ได้เปิดไพ่กัน พวกเขาได้วางเดิมพัน ความจริงฉินซินใช้ให้เจ้ามือพยายามเปลี่ยนไพ่หงายใบสุดท้าย 

 

 

ไม่ว่าจะเป็นเก้าหรือสิบ พวกเขาทางนี้ต่างเป็นผู้ชนะ แต่ซีเหมินจินเหลียนเอาลิปสติกลอยไปติด เพื่อทำสัญลักษณ์ไว้ ถึงจะมีความสามารถก็ไม่สามารถขยับได้ 

 

 

เจ้ามือไม่ได้โง่ เพียงแค่แจกไพ่ด้วยความซื่อสัตย์ จ่านมู่ฮวาและซาโต้อิจิโร่ก็ไม่สามารถเล่นโกงอะไร เพียงแค่นั่งมองอย่างนิ่งๆ… 

 

 

“เหมือนว่าฉันจะชนะแล้วนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนหมุนตัวไปมองฉินเฮ่าแล้วยิ้ม “พี่ฉินคะ คุณต้องเลี้ยงนะ!” 

 

 

“แน่นอนๆ” ฉินเฮ่ายิ้มอย่างดีใจแล้วพยักหน้า “เมื่อไหร่คุณว่าง ผมจะเลี้ยงเองเป็นอย่างไรครับ” 

 

 

“ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้เลยค่ะ รบกวนพี่ฉินเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมาที่นี่เลย พวกเรามาชม sm กันสักรอบให้ประจักษ์ตา!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกระตุกมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วมองไปที่จ่านมู่ฮวา