ซีเหมินจินเหลียนมองไปยังจ่านป๋ายแล้วยิ้ม “ได้ยินมาว่าลูกเต๋าของคุณเป็นผู้ชาย”
“หา?” จ่านป๋ายและฉินเฮ่าต่างตกตะลึง แต่ไม่ทันไรก็หัวเราะออกมา ลูกเต๋านี้มีการแบ่งแยกหญิงชายด้วยหรือ
“จากนั้นพวกเขาวิ่งไปหาลูกเต๋าผู้หญิงที่สวยๆ แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนยังคงพยายามพูดจาไร้สาระต่อไป
หลังจากที่จ่านป๋ายและฉินเฮ่าสับสนอยู่สักพัก พวกเขาก็ยิ้มกว้างออกมา ในเมื่อเธอพูดออกมาอย่างนี้ นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ได้เตรียมตัวที่จะพูดความจริง แต่จ่านป๋ายกลับคิดถึงคำถามอีกอย่างออก คำถามนี้เขาอดไม่ได้ที่อยากจะรู้ “จินเหลียน คุณเคยฝึกวิทยายุทธ์มาก่อนหรือครับ”
เหรียญเมื่อสักครู่นี้ เล็งเป้าไม่ได้แม่นธรรมดา แต่มันยังทำให้ผู้ชายคนหนึ่งร้องออกมาอย่างโหยหวนในทันใด ดูแล้วพลังน่าจะเต็มเปี่ยม
“คุณคงอ่านนิยายกำลังภายในจนเสพติดไปแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างหมดอารมณ์
“ถ้าอย่างนั้นที่เหรียญของคุณมาอย่างรวดเร็ว มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน” ดวงตาของฉินเฮ่าเบิกกว้าง พร้อมถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ตอนเด็กๆ ฉันเคยเล่นสงครามปาโคลนกับคนอื่น ทุกครั้งฉันมักจะแพ้ ความแม่นของฉันมักจะไม่ดีเท่าไหร่” ซีเหมินจินเหลียนกลับรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ความแม่นยำของเธอไม่ได้นับว่าดีมากนัก เพราะว่าตั้งแต่เด็กเธอมักจะถูกเพื่อนปาโคลนใส่หัวของตน ลับหลังพวกเขาเธอก็มาฝึกความแม่นยำจนดีขึ้น นับแต่เล็กเรียนเทคนิคการแกะสลัก ข้อมือเลยมีแรงกว่าผู้หญิงทั่วไปเป็นธรรมดา ข้อนี้เธอยอมรับ แต่ถ้าพูดว่าเธอเคยฝึกวิทยายุทธ์มา มันคงจะดูเกินจริงไปสักนิด
“ไม่ใช่การแสดงที่ดีเท่าไหร่ มันน่าหวาดกลัวจริงๆ!” จ่านป๋ายยิ้ม ถ้าหากงูตัวนั้นไม่ได้ถูกเธอเสียบคาพื้น แต่ถูกแค่มีดปักคาเฉยๆ ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะแม่นยำหรือทักษะพลัง นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าข่มขวัญคนเหลือเกิน รวมถึงความรวดเร็ว แม้แต่เขายังสามารถรับรองว่า ถึงจะเป็นคน ถ้าเจอมีดเล่มนั้นของซีเหมินจินเหลียนเข้าไป ก็อาจคร่าชีวิตคนได้เช่นกัน…
“เสี่ยวป๋าย อะไรคือ sm เหรอ” แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะรู้ว่า sm ไม่ใช่สิ่งของ และสามารถคาดเดาได้คร่าวๆ ว่าเป็นอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เมื่อฉินเฮ่าได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกลนลานหันไปมองจ่านป๋าย จ่านป๋ายไม่ได้สนใจ เขาเข้าไปใกล้ตัวเธอแล้วกระซิบข้างหูหลายประโยค
ซีเหมินจินเหลียนเดิมทีที่หน้าขาวอยู่แล้ว ใบหูทั้งสองข้างก็มีสีแดงระเรื่อทันใด พร้อมกระทืบเท้าไปทางจ่านป๋ายแล้วด่าออกมาว่า “โรคจิต!”
“คุณถามผมเองนะครับ” จ่านป๋ายกระโดดหลบหลีก
ซีเหมินจินเหลียนเอียงคอ พลางคิดว่า “เขาช่างสวยเหลือเกิน! ถ้าหากเล่น sm คงจะดูดีไม่เบา แต่ว่า…เขาจะเล่นหรือเปล่านะ แม้ว่าเธอยังไม่รู้ว่าตระกูลจ่านทำอะไร แต่ว่าจ่านมู่ฮวาก็เป็นคนมีชื่อเสียง มีหน้าตา ถ้าให้เขาเล่นสิ่งที่น่าละอายแบบนี้ เรียกได้ว่ายังแรงกว่าการฆ่าเขาทั้งเป็น
หรือว่าการที่เขาเสนอของเดิมพันแบบนี้ จิตสำนึกของคนคนนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาที่ดีอะไร
“ผมคิดว่าโอกาสเป็นไปได้ที่เขาจะทำตาสัญญาในการวางเดิมพันมีน้อย!” ฉินเฮ่ายิ้มออกมาเบาบาง รอบนี้เขาเรียกได้ว่าชนะ แต่มันเป็นแค่การเริ่มต้นของรอบใหญ่เท่านั้น ซึ่งก็คือไพ่โป๊กเกอร์…
“หรือว่าฉันจะเสียเวลาเปล่าๆ?” ซีเหมินจินเหลียนแบะปาก สีหน้าลำบากใจ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยากจะชนะจ่านมู่ฮวา เธอคงไม่ต้องลงทุนลงแรงขนาดนี้หรอก การนำความสามารถออกมาใช้ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเลย…
“ถึงตอนนี้จะไม่ทำตามสัญญา แต่ในอนาคตคงมีสักวัน ผมจะทำให้เขาเล่น sm สักครั้ง!” จ่านป๋ายยิ้มปลอบใจซีเหมินจินเหลียน “ไม่ต้องร้อนใจไป พวกเราค่อยๆ เล่น”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรต่อไป “ไพ่โป๊กเกอร์คืออะไรเหรอคะ”
“คุณเคยเล่นไฟฟ์ การ์ด สตัด ไหมครับ” จ่านป๋ายถาม
ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมาแล้วพยักหน้า “เมื่อก่อนที่โรงเรียนเคยเดิมพันอาหารเช้า ฉันแพ้ทุกครั้ง…” ความจริง เธอพอจะรู้กติกาในการเล่นเกมอยู่บ้าง เพราะเคยเห็นพวกรุ่นน้องที่หอเคยเล่นกัน
“อันนี้ก็คล้ายๆ กับกัน กฎกติกาการเล่นคล้ายๆ กัน สำคัญก็คือไพ่ที่ต่ำสองใบ” จ่านป๋ายอธิบาย
ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าหากอันนี้เหมือนกับไฟฟ์-การ์ด สตัด สิ่งที่สำคัญก็คือไพ่ต่ำ ถ้าอย่างนั้นถ้าใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่าน เธอก็น่าจะเป็นผู้ชนะได้ แต่เธอจำเป็นต้องรู้กฎกติกาขั้นพื้นฐาน…
“เล่นไพ่โป๊กเกอร์สักสำรับ แล้วคุณก็อธิบายกติกาให้จินเหลียนฟังสักหน่อยเถอะ” ฉินเฮ่าพูด
“อืม ก็ได้” จ่านป๋ายพยักหน้า พร้อมกำชับสั่งให้พนักงานนำไพ่โป๊กเกอร์มาหนึ่งสำรับ ก่อนจะนำไพ่โป๊กเกอร์ออกมาแล้วพูด “ความจริงง่ายมาก ผมบอกเพียงนิดเดียว คุณก็เข้าใจแล้ว”
แต่เดิมการเล่นการพนันหลายชนิดมักจะไม่ยากมาก แถมยังเล่นง่ายจนติดมือ เพราะฉะนั้นซีเหมินจินเหลียนได้แต่ฟังจ่านป๋ายพูดอธิบายอีกรอบก็พอจะเข้าใจเค้าโครงการเล่น จากนั้นจ่านป๋ายเป็นเจ้ามือแจกไพ่ ซีเหมินจินเหลียนและฉินเฮ่าเล่นกันหลายรอบ
เวลาผ่านไปไม่นาน ฉินเฮ่าก็มีสีหน้าบอกบุญไม่รับ “นี่ยังจะเล่นอีกเหรอ ดวงของผมก็กุดขนาดนี้แล้ว จ่านมู่หรง นายคงไม่ได้ตั้งใจที่จะส่งไพ่ให้กับจินเหลียนใช่ไหม”
“ผมไม่ได้ทำอะไรกับไพ่เลย!” จ่านป๋ายส่ายหน้า
“จินเหลียน ฝั่งพวกเรามีแค่สามคน อีกเดี๋ยวคงต้องเล่นจริงแล้ว คุณต้องจำกติกาขั้นพื้นฐานให้ดี ถ้าไม่ได้ก็เพิ่มไพ่!” จ่านป๋ายกำชับอีกรอบ
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
ฉินเฮ่าถอนหายใจออกมา ไพ่โป๊กเกอร์ เขาเล่นไม่ได้ดีมาก แต่ได้ยินว่าจ่านป๋ายเก่งกาจ ครั้งนี้ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่เขาแล้ว ไม่เช่นนั้นฉินซินตอนที่เสนอการพนันครั้งนี้ คงไม่โทรเรียกจ่านป๋ายให้มาหาอย่างเร่งด่วนแบบนี้
ครึ่งชั่วโมงในการพัก ไม่นานก็ผ่านไป พวกเขากลับไปยังห้องเมื่อสักครู่อีกครั้ง
เกินกว่าที่ซีเหมินจินเหลียนคาดหมายไว้ คิดไม่ถึงว่าจงขุยคนนั้นไปแล้ว เขาไม่ได้อยู่ต่อ นี่ทำให้เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เป็นอย่างที่ฉินเฮ่าคาดเดาไว้ ทั้งสองฝ่ายต่างมีสองถึงสามคน ใครที่คาสิโนชิบหมดถือว่าการพนันรอบนี้สิ้นสุดลง
ฝ่ายตรงข้ามสามคน แน่นอนว่าเป็นซาโต้อิจิโร่ ฉินซินและจ่านมู่ฮวา
ซีเหมินจินเหลียน จ่านป๋ายและฉินเฮ่าต่างนับจำนวนคน อย่างน้อยจำนวนคนไม่ได้แพ้กับฝ่ายตรงข้าม
“น้องรัก พวกเราจะวางเดิมพันเพิ่มไหม” ฉินซินยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยน
“พี่น่าจะรู้ว่าผมไม่ออกเงินแล้ว พี่คงจะไม่อยากได้เดิมพันด้วยชีวิตหรอกใช่ไหม” ฉินเฮ่าพูดอย่างเยือกเย็น “พี่น่าจะหาเงินสดไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ” ถ้าหากให้เวลาพวกเขา พวกเขาอาจจะมีเวลาหาเงินสดมาเล่น แต่เวลานี้ถ้าอยากจะหาเงินสดก้อนใหญ่ออกมา เกรงว่าน่าจะยาก
“ไม่ๆๆ จะเดิมพันชีวิตทำไมล่ะ” ฉินซินส่ายหัวยิ้ม “พวกเราเดิมพันเป็นทรัพย์สินในบ้าน ใช้รายชื่อสมบัติในบ้านมาเล่น แกก็น่าจะรู้ว่าการเล่นครั้งนี้เป็นการตัดสินดวงชะตาระหว่างพวกเราสองคน ถ้าใครแพ้ ต่อจากนี้ก็ออกจากตระกูลนี้ไปเถอะ!”
ฉินเฮ่าประเมินสถานการณ์คร่าวๆ ในตอนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอยู่ไม่คลาย โอกาสในการแพ้มีถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากไม่พนัน เขาก็อาจจะแพ้เหมือนกัน
ฉินซินอยู่ตระกูลฉินทำธุรกิจมานาน ทรัพย์สมบัติของตัวเองคงมีเป็นสองเท่าหรือมากกว่านั้น ถ้าจะชนะการพนันครั้งนี้ก็คงหมดหนทางที่จะขยับรากเหง้าของเขา แต่ถ้าตนแพ้ ก็คงเป็นอย่างที่เขาพูด ทำได้แค่ออกจากตระกูลนี้ไป และตระกูลฉินก็คงไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไป…
คนที่ชอบโจมตีไม่มีที่สิ้นสุดอย่างฉินซินใช้โอกาสนี้ในการรวบรัดเอาชีวิตเขา ถอยหลังก็ไม่มีหนทาง แน่นอนได้แต่ก้าวเท้ามาในวงพนัน!