นายน้อยจวินงุนงงเล็กน้อย
สำหรับสิ่งที่เขาคิด
ข้าดูน่ากลัวเช่นนั้นจริงๆหรือ ? ข้าหมายถึงข้าแค่มองไปยังหญิงผู้นี้ แล้วนางมองมาราวกับว่านางจะร้องตลอดเวลา !
ทั้งสองห่างกันไม่มากนัก และเพียงแค่ก้าวสั้นๆของนายน้อยจวินก็ทำให้พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้น !
“ หยานเมิง อย่าได้กังวลไป ข้าจะตัดหัวเจ้าชั่วไร้ยางอายนี่ด้วยกระบี่ของข้า ! ”
ชายหนุ่มยิ้มขณะที่เขากล่าวออกมาอย่างมั่นใจ จากนั้นค่อยๆเข้าไปใกล้จวินโม่เซี่ย พร้อมที่จะชักกระบี่ออกมา และตะโกน
“ เจ้าชั่วไร้ยางอาย หากก้าวไปอีกเจ้าจะต้องตาย ! ”
ขณะที่มองไปยังกระบี่ที่เปล่งประกายของเขามันทำให้จวินโม่เซี่ยหม่นหมอง และด้วยคำพูดของเขานั้นทำให้เขาโมโหมากขึ้น
และข้าไร้ยางอายอย่างไรกัน ? เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้กลั่นแกล้งข้ามิใช่หรือ ?
เจ้าอาจจะชอบกลั่นแกล้งผู้คน แต่วันนี้เจ้านั้นกลั่นแกล้งผิดคนแล้ว !
เจ้าไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้เลย ! และเจ้ายังจะบอกหญิงผู้นั้นว่าเจ้าจะสังหารคนแปลกหน้าสวมหน้ากากเพื่อนาง ? แม่ของเจ้าให้กำเนิดคนเลวระยำจริงๆ ! แม่งเอ้ย ข้าจะแสดงให้เจ้าดู เจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต !
ความรู้สึกตื่นเต้นที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโมโห ดังนั้นเขาจึงก้าวยาวๆไปสองก้าว รู้สึกว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อสั่งสอนเด็กหนุ่มที่หยิ่งทะนงนี้
ขณะที่เขาเดินตรงไป เขาก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นๆที่พัดผ่านร่างกายของขาาในทันที และก้มลงไปมองพร้อมกับตกอยู่ในช่วงเวลาที่ประหลาดใจ !
“ เจ้านี่มันชั่วจริงๆ ! ”
นายน้อยจวินตะโกนกลับไป ขณะที่เขาปิดโม่เซี่ยน้อยเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
ในที่สุดเขาจึงรู้ว่าเขานั้นกำลังเปลือยเปล่า !
เห็นได้ชัดว่ามันช่างน่าอายมากกว่าการวิ่งแก้ผ้ากลับบ้านไปโดยไม่รู้เรื่องอะไร !
ก่อนหน้านี้ ร่างของเขานั้นเกิดการเผาไหม้ ในขณะที่เขาได้รับการขัดเกลาด้วยเปลวแห่งปฐมภูมิ และแม้ว่าร่างของเขาจะได้รับผลดีมากมายโดยไม่ได้มีบาดแผลพุพองใดๆ แต่ในตอนนี้เสื้อผ้าของเขาได้กลายเป็นเถ้าถ่านไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ร่างของจวินโม่เซี่ยนั้นอยู่ใต้ดิน ในขณะที่จิตของเขาอยู่ในเจดีย์หงษ์จวิน ซึ่งเป็นเหตุให้เขาไม่รู้ถึงสิ่งนี้ เขาไม่รู้ว่าในตอนที่เขาหยิกร่างตัวเองเนื่องจากงุงงงอยู่กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และลืมทุกอย่างไปเลยเพราะเรื่องนี้
หลังจากที่ออกมาจากเจดีย์หงษ์จวิน นายน้อยจวินยังคงตื่นเต้นเมื่อได้รู้ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นได้ก้าวหน้าไปไกลจนทำให้เขาไม่ได้สังเกตุมันเลย และไม่นานเขาก็พบว่าตัวเองถูกสาปแช่ง และรังแกโดยคนแปลกหน้า …
ระหว่างนี้ มันก็เปลี่ยนจากความรู้สึกของ วีรบุรุษเป็นคนชั่วไปในทันที จวินโม่เซี่ยไม่รู้เลยว่าเขานั้นยืนอยู่อย่างเปลือยเปล่า …
“ เจ้า เจ้า เจ้า เจ้ามันคนไร้ยางอายที่ล้อเลียนคำพูดของผู้อื่น ! ”
หญิงสาวยังคงกระทืบเท้าต่อไปในขณะที่นางปิดตา
“ เจ้ามันคนชั่ว และเจ้ายังกล้ามากล่าวหาผู้อื่นว่าชั่ว … เจ้ามันไร้ยางอายที่สุด ! ”
แม้ว่านายน้อยจวินจะปิดปังโม่เซี่ยน้อยด้วยมือข้างหนึ่ง แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงถึงสัญญาณแห่งความลำบากใจขณะที่เขาโต้เถียงกลับไปด้วยถ้อยคำเสียดสี
“ ไม่มีเรื่องเลวทรามสำหรับคนที่วิ่งไปทั่วพร้อมกับเปลือยเปล่า พวกเราเกิดมาอย่างเปลือยเปล่า และพวกเราตายไปอย่างเปลือยเปล่า พ่อแม่พวกเราเปลือยในตอนที่พวกเขาทำเราขึ้นมา แล้วเหตุใดผู้คนถึงเรียกมันว่าเลวทราม ? อย่างไรก็ตาม ดวงตาที่มองสิ่งเช่นนี้จากระหว่างช่องว่างของนิ้วและตะโกนออกมาว่าชั่วช้า นั้นละคือความต่ำช้าที่น่ารำคาญที่สุดในโลกนี้ ! ”
“ ข้าไม่ได้ขอให้เจ้ามาดูข้า แล้วเหตุใดเจ้าถึงจ้องมองมาที่ข้า ? เจ้าดูหมิ่นความสริสุทธิ์ของข้า ! เจ้ามันเป็นขโมยที่ตะโกนว่าขโมย และเจ้ายังกล้ามาเรียกข้าว่าเป็นคนชั่วช้าอีกงั้นหรือ ? เจ้านี่ช่างไร้เหตุผลเสียจริง ! ”
จวินโม่เซี่ยเปลี่ยนคำพูดของเขาเพื่อเปลี่ยนความถูกผิดอย่างไร้สาระที่สุดด้วยความไร้ยางอาย
“ เจ้าหญิงสาว ที่ชั่วช้าจริงๆ ! ”
นายน้อยจวินสนับสนุนเหตุผลที่แปลกประหลาดของ้ขาด้วยน้ำเสียงเดียวกับหญิงสาว ดูเหมือนจะล้อเลียนนาง และยกระดับมาตรฐานของเขาใหม่และไร้ยางอายอย่างเทียบไม่ได้ !
“ เจ้า เจ้า เจ้า …. เซี่ยวเฟิงวู เร็วเข้า สังหารคนชั่วช้าผู้นี้ซะ เขาดูถูกข้า ! ”
หญิงสาวตะโกนออกไปขณะที่นางกระทืบเท้าลงไปบนพื้นอีกครั้ง
“ เขากล้ามาสั่งสอนข้า และกล้าที่จะมาเรียกข้าว่าคนชั่วช้า หลังจาก …. ”
“ ชื่อสกุลของเจ้าคือ เซี่ยว ? ”
จวินโม่เซี่ยกรอกตา
“ ข้าเกลียดชื่อสกุลเซี่ยว ! จากประสบการณ์ข้า ไม่มีอะไรดีเลยที่มาจากชื่อสกุลนั้น ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่เด็กผู้หยิ่งทะนงจากสกุลที่น่าเกลียดนี้กระทำตัวชั่วช้าเช่นนี้ ! ”
ขณะที่คิดถึงความเจ็บปวดและความทุกข์ยากที่เมืองพายุหิมะขาวทำกับน้าของเขา มันจึงชัดเจนว่าจวินโม่เซี่ยจึงอ่อนไหวอย่างมากกับชื่อสกุลนั้น !
ชายหนุ่มนามว่าเซี่ยวเฟิงวูโมโหขึ้นมาในทันที และตะโกน
“ เจ้าชั่วไร้ยางอาย เจ้ากล้าหยาบคายต่อสุกลของข้า ? ข้าจะเอาชีวิตเจ้า ! ”
เขายกกระบี่ขึ้น ขณะที่แสงสีทองเปล่งประกายขึ้นมาจากร่างของเขา !
นายน้อยผู้นี้ได้บรรลุไปถึงขั้นเชวียนทองแล้ว ! ด้วยอายุของเขา ความสามารถเช่นนี้เทียบได้กับลี่โย่วหลานเป็นอย่างน้อย !
ความแข็งแกร่งเช่นนี้อาจจะเป็นเหตุของปัญหาเล็กๆสำหรับนายน้อยจวินเมื่อเดือนก่อน แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาไปมาก เขาจึงไม่สนใจในการคุกคามของฝ่ายตรงข้าม !
ในตอนที่เซี่ยวเฟิงวูยกกระบี่ขึ้น ร่างที่เปลือยเปล่าตรงหน้าของเขาหายไปในทันที และตามมาด้วยเสียงลมเย็นๆ และไม่นานเขาก็พบว่ามีมือเย็นๆมาตบหน้าของเขา ในขณะเดียวกันกับที่ระหว่างขาของเขาสัมผัสถึงเท้าที่ทรงพลัง ส่วนบนของร่างกายของชายผู้นั้นโค้งลง ราวกับก้อง ในขณะที่กระบี่ร่วงลงมาด้านข้างของเขา
แควก แควก เสียงที่ดังขึ้นมา ในขณะที่เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ แม้ว่าเซี่ยวเฟิงวูจะไม่ได้อ่อนแอ แต่เขาก็ยัง ขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ และการเตะของนายจวินทำให้ตับและกระเพราะปัสสาวะของเขาได้รับบาดเจ็บ ชายผู้นั้นตีลังกาสามตลบก่อนที่จะร่วงลงไปบนพื้น แต่ใบหน้าของเขายังคงมองไปยังร่างเปลือยเปล่าที่อยู่ตรงหน้า
เขามองไปยังชายที่เปลื่อนเปล่าและไร้ยางอายกำเศษเสื้อผ้าที่ฉีกไปจากชุดของเขา และมัดเป็นปมๆอย่างไม่รีบร้อน และจากนั้นเขากระโดดไปมาสองครั้งในขณะที่บิดก้นเพื่อมองหาว่ามีส่วนใหนของร่างกายที่ยังคงมองเห็นอยู่หรือไม่ จากนั้นเขาหันหน้ากลับมาอีกครั้ง
ส่วนบนของเขายังคงเปลือยเปล่า ในขณะที่ขาเรียวยาวของเขายังคงเผยให้เห็นได้ ขณะที่ผ้านั้นปกคลุมอยู่แค่ไหล่ และยาวลงมาถึงเอว ทำให้ชุดของเขาดูหลวม และยังคงมีเสน่ห์ชวนมอง ตามมาตรฐานของโลกใบนี้ !
ภาพลักษณ์ของชายผู้นี้เปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้ แม้ว่าริมฝีปากบางๆ และคิ้วที่ลาดเอียงของเขา และรอยยิ้มจางๆก็มากพอที่จะสร้างความกลัวในหัวใจของทุกคนได้ ผู้คนอดที่จะหลงไหลในสไตล์ของเขาไม่ได้
เขาเผยตัวออกมาในช่วงที่น่าอับอายเช่นนี้ แต่นายน้อยจวินก็ไม่มีสีหน้าที่เขินอายเลยแม้แต่น้อย ! นี่พิสูจน์ให้เห็นว่า ความไร้ยางอายของเขานั้นล้ำหน้าเกินไปกว่าเมื่อก่อนมาก !
หญิงสาว ผู้ที่ยืนอยู่ห่างออกไปลืมที่จะเอามือปิดตาตัวเองในตอนที่เหตุกรณ์เปลี่ยนไป และตอนนี้กำลังมองจวินโม่เซี่ยพร้อมกับปากสีชมพูของนางที่เปิดกว้าง ไม่เคยคิดฝันว่าเพื่อนของนาง ยอดฝีมือเชีวยนทอง ผู้ที่มีความสามารถที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ในรุ่นเดียวกันถูกพิชิดด้วยชายผู้ที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !
แม้ว่าใบหน้าของชายผู้นี้จะปกคลุมไปด้วยโคลน ซึ่งทำให้ยากที่จะระบุตัวตนของเขา แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขานั้นยังเด็ก และในความจริงที่ว่าอาจจะเด็กกว่าเพื่อนของนาง
เหตุใดเขาถึงทรงพลังเช่นนี้ ?
“ เจ้าชื่ออะไร และเจ้ามาจากใหน ? เจ้ามาถึงเมืองเทียนเชียง และยังกล้าที่จะมาราวีข้า เจ้าพยายามท่จะขุดหลุมศพตัวเองหรือ ? ”
จวินโม่เซี่ยก้าวสั้นๆไปข้างหน้าเนื่องจาชุดของเขานั้นทำให้เขาก้าวๆยาวๆไม่ได้
“ เจ้าต้องการจะสั่งสอนข้า และสังหารข้าจริงๆหรือ ? ดีละ เข้าใจนี่ด้วย ที่เจ้ายังมีชีวิตรอดนั้นต้องขอบคุณความดีของข้า มิเช่นนั้นข้าจะตัดเจ้าเป็นชิ้นๆและส่งไปให้ยายของเจ้าถึงหน้าบ้าน ? ”
จวินโม่เซี่ยสถบ และจากนั้นเขาหันหลังและจากไปเรื่องจากเขาไม่ต้องการจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“ ทำไมเจ้าช่างกล้า ? อย่าให้ข้าเห็นเจ้าในเมืองพายุหิมะขาว มิเช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้ ! ”
เซี่ยวเฟิงวูร้องออกมา พร้อมกับแววตาที่มุ่งร้ายและจิตที่อาฆาตร
“ เด็กน้อย เจ้าจงภาวนาว่าข้าจะไม่ต้องเจอเจ้าอีก ! ข้าจะสังหารหมู่สกุลของเจ้า ! หากข้าไม่ทำให้พวกเขาหนีออกจากบ้าน และจ้าจะสังหารพวกเขาดั่งเช่นหมา แล้วข้าก็มิใช่เซี่ยว ! ”
จวินโม่เซี่ยกำลังจะจากไปในขณะที่เท้าของเขาหยุดกลางคัน แววตาของเขาเยือกเย็นราวกับเหล็ก และเขาหันมองไปยังเซี่ยวเฟิงวู
“ เมืองพายุหิมะขาว ? เจ้ามาจากสกุลเซี่ยวแห่งเมืองพายุหิมะขาว ? ”
น้ำเสียงของเขาเยือกเย็น และหม่นหมองอย่างมาก
“ ใช่ ถูกแล้ว !”
เซี่ยวเฟิงวูตะเกียจตะกายขณะที่เขาพยายามที่จะยืนขึ้น และยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ ตอนนี้เจ้ากลัวแล้วหรือ ? ดีละ มันสายไปแล้ว ! ไม่มีประโยชน์ที่เจ้าและสกุลของเจ้าจะคุกเข่าและอ้อนวอนขออภัยข้า ข้าจะสังหารหมู่สกุลของเจ้าต่องหน้าเจ้า ! ”
“ ดีมาก ! นั่นดีมาก ! ”
จวินโม่เซี่ยพยักหน้าอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขาบึ้งตึงแต่ไม่ได้โกรธ
เนื่องจากนั่นคือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความหยิ่งยะโสของเจ้า และข้าก็ไม่ได้เป็นหลานของน้าหากข้าไม่ลงโทษเจ้า !
เจ้าจะต้องไม่อะไรพูดเช่นนั้น !
“ คุกเข่าต่อหน้าข้า ! ”
เซี่ยวเฟิงวูนั้นคิดว่าชายผู้นี้จะอ่อนข้อลง และเขาจะได้มีโอกาสที่จะรักษาหน้าตัวเอง ดังนั้นเขาถึงสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของเขาไม่ได้ !
“ คุกเข่าต่อหน้าข้า พ่องสิ ! ”
จวินโม่เซี่ยเดินไปข้างหน้าและตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรุนแรงในทันที มันส่งให้เขาลอยไปข้างหลังสองสามก้าว และมีเลือดกระจายออกมาจากปาก
จวินโม่เซี่ยเดินตามเขาไป และต่อยเข้าไปที่ตาอของเขาสองครั้ง ทำให้มีรอยคล่ำเหมือนกับหมีแพนด้า
“ ข้าจะแสดงให้เจ้าดู ! ข้าจะแสดงให้เจ้าดู ! ข้าจะทำให้เจ้าพิการไร้ประโยชน์ ! เจ้าคิดว่าเมืองพายุหิมะขาวนั้นเป็นที่หนึ่งอย่างนั้นหรือ ? ”
“ เจ้าคุกคามข้า ! ”
ต่อย !
“ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถรังแกข้าได้เพราะ แซ่ของเจ้าหรือ ! ”
เตะ !
“ เจ้าต้องการจะทำลายสกุลของข้า ! ”
ตุบ ตุบ ตุบ …
“ ข้าจะทำลายเจ้า ! ข้าแม่งจะทำลายเจ้า ! ข้าจะไม่แค่ทำร้ายเจ้า ! ข้าจะทำลายเจ้า ! ”
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ …
“ เจ้าต้องการให้ข้าคุกเข่าและขออภัย ! ไม่ แม้ว่าจะเป็นย่าของเจ้า ! ”
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ….
“ เจ้าชั่ว ! เจ้าชั่ว ! เจ้าชั่ว ! …. ”
จวินโม่เซี่ยคว้าผมของเขา และยกร่างอันสั่นเทาของเขาขึ้นแลสาปแช่ง
“ เจ้าชั่ว ! ”
และจากนั้นก็โยนเขาลงไปที่พื้นอีกครั้ง และทำเช่นนี้ซ้ำไปอีกหลายครั้ง และกระชากผมของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งมันยังคงทำให้หนังศรีษะของเขาเจ็บปวด และจากนั้นมองไปที่ใบหน้าของเขา และส่งร่างของเขาให้ลอยขึ้นไป และชายผู้นั้นร่วงลงมาบนพื้อีกหลายเมตรถัดไป อย่าสิ้นสติ และไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
จวินโม่เซี่ยยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น และเหาะตามชายผู้นั้นไปอีกครั้ง และเริ่มโจมตีไปยังร่างกายของเขาอีก แแม้ในขณะที่ร่างของชายผู้นั้นยังคงมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
ชายรู้สึกตัวขึ้นมาหลายครั้ง แต่เขานั้นไม่สามารถที่จะตอบโต้กลับไปได้ เนื่องจากร่างกายของเขาไม่รับคำสั่งแล้ว เนื่องจากความเจ็บปวด …
ชายผู้นั้นนอนแผ่อยู่บนพื้น และชายผู้ที่เกือบจะเปลือยเปล่ายืนอยู่เหนือตัวของเขา และโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง ….
“ อ่าา ….. ”
หญิงสาวไม่สามารถที่จะกระพริบตาหรือเข้าใจได้เลยในตอนนี้ว่าทำไมเพื่อนของนางถึงกลายมาเป็นกระสอบทรายไปได้ตอนนี้ …
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มันทำให้นางเวียนหัว สมองของญิงสาวนั้นไม่สามารถที่จะคิดทบทวน หรือเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ หรือนางไม่สามารถที่จะติดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไปได้
“ เจ้าชื่ออะไร ! ”
จวินโม่เซี่ยมองไปที่นางอย่างดุร้าย ขณะที่หอบหายใจ และชี้ไปที่นางอย่างฉุนเฉียวพร้อมกับตะโกนด้วยเสียงที่แหบห้าว
“ แม่ง บอกข้ามา หรือไม่เจ้าก็ตาย ! ”
หญิงสาวเกือบจะร้องไห้ขณะที่นางพยายามที่จะอ้าปากที่สั่นเทา ในขณะที่สีหน้าของนางซีดเผือกลงด้วยความกลัว
“ …. ข้า ? ”
Translate by iHaveNoName