บทที่ 568 เจ้าเป็นผู้หญิงจริงหรือ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 568 เจ้าเป็นผู้หญิงจริงหรือ
“เช่นนั้นจอมมารกับฮองเฮาฉู่จะทำอย่างไร?” ผู้อาวุโสสวีถาม

ดวงตาอันสดใสเป็นประกายของกู้ชูหน่วนกะพริบเล็กน้อย แบกเวินเส้าหยีหันหลังแล้วจากไป

“ตอนนี้พวกเขาจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต พวกเราถอยไปก่อนเถอะ”

หากถูกพวกผู้เฒ่าอมตะเหล่านั้นของเผ่าเทียนเฟิ่นหาเจอ กลัวว่าจอมมารกับฮองเฮาฉู่ยังไม่ตาย พวกเขาก็จะตายก่อนแล้ว

“ขอรับ”

ผู้อาวุโสสวีนำทางอยู่ด้านหน้า พากู้ชูหน่วนออกไป ทั้งสองสามคนนั้นมีความเร็วมาก

ในความเลือนราง พวกเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังติดตามพวกเขาอยู่ตลอด

“เจ้าสำนัก ท่านเดินต่อไปข้างหน้า ข้าน้อยจะสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง”

“จะไปก็ไปด้วยกัน นี่เป็นคำสั่ง”

น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนไม่อนุญาตให้สงสัย ผู้อาวุโสสวีไม่กล้าขัด เขาทำได้เพียงเพิ่มความเร็วและไปด้านหน้าต่อ

“กึก…..”

ใต้เท้าของกู้ชูหน่วนเหยียบโดนสิ่งของนูนๆอย่างหนึ่งอย่างกะทันหัน ได้ยินเสียงกึกเสียงหนึ่ง

ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างวาบทันที คลื่นวังวนปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ม้วนพัดนางและเวินเส้าหยีจากไปด้วยความเร็วเป็นที่สุด

เชี้ย……

นี่เป็นสถานที่เฮงซวยอะไรกัน?

หรือว่าเป็นค่ายกลขนส่งงั้นหรือ?

ก่อนที่จะหายตัวไป นางเห็นม่านตาผู้อาวุโสสวีเบิกกว้างขึ้น พูดอะไรบางอย่างกับนางด้วยความร้อนใจ ทั้งยังจะพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะคว้ามือนางไว้อีก

น่าเสียดาย คว้าไว้ไม่ได้

ชั่วขณะหนึ่งที่ฟ้าดินหมุนกลับตาลปัตร กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าถูกม้วนหมุนวนไปอยู่ที่ไหน ร่างกายล้มลงพื้นอย่างรุนแรง ส่งเสียงดังตุบ เจ็บปวดจนทำให้นางสูดหายใจด้วยความตกใจ

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เวินเส้าหยีที่ถูกนางแบกอยู่บนไหล่ในเดิมทีนั้นล้มลงบนตัวของนาง ทับถูกนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง

นางล้วนสงสัยแล้วว่ากระดูกซี่โครงจะถูกทับจนหักไปแล้วหรือไม่

กู้ชูหน่วนผลักเวินเส้าหยีที่หมดสติอยู่ออกไปด้วยความลำบาก ลุกขึ้นนั่งอย่างโซเซ มองไปรอบๆ ที่นี่คือภูเขาป่าไม้ที่แห้งแล้งรกร้าง ไร้กลิ่นอายของผู้คน และไม่รู้ว่ายังอยู่ในเผ่าเทียนเฟิ่นอีกหรือไม่

ชำเลืองมองภูเขาที่อยู่ไกลๆหุบเขาสูงต่ำทอดยาวต่อเนื่องกันที่ไม่มีที่สิ้นสุด กู้ชูหน่วนปวดหัวทันที ไม่รู้ว่าต้องเดินนานกี่วัน จึงจะสามารถออกจากภูเขาลูกใหญ่นี้ไปได้

หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีอันตราย นางจึงหยิบเข็มทิศเปิดฟ้าและกุญแจรูปดาวสามดอกออกมา วางกุญแจลงบนเข็มทิศเปิดฟ้าที่ตรงกับแต่ละอัน

เข็มทิศเปิดฟ้าเปล่งประกาย สาดแสงสีเหลืองทองแวววับสว่างโชติช่วงรวมทั้งยันต์เฉียนคุนหยินหยางออกมา

แผนที่สัญลักษณ์หยินหยางปรากฏขึ้นมาแผ่นหนึ่ง กู้ชูหน่วนหยิบกระดาษและพู่กันออกมาด้วยความรวดเร็ว วาดแผนที่ออกมาอย่างสมบูรณ์ไร้จุดบกพร่อง

แผนที่ของนางเพิ่งจะวาดเสร็จ เข็มทิศเปิดฟ้าระเบิดดังปังเสียงหนึ่งอย่างฉับพลัน แตกละเอียดเป็นผง แม้แต่เศษซากก็หาไม่เจอ

“ที่แท้ที่เจ้าไปเผ่าปีศาจ หุบเขาตันหุย และเผ่าเทียนเฟิ่น ก็เพื่อรวบรวมกุญแจรูปดาวให้ครบทั้งสาม เสาะหามุกมังกร ข้าควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว”

สิ่งที่ควรคิดได้ยิ่งกว่านั้นคือ กุญแจรูปดาวในเผ่าดอกนั้น น่าจะมีความข้องเกี่ยวกับมุกมังกร ด้วยเหตุนี้จึงได้ดูแลถนอมไว้เป็นสมบัติสุดล้ำค่าจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดต่อไป

แต่พวกเขาศึกษามาหลายปีขนาดนั้น กลับศึกษาออกมาไม่ได้ว่ากุญแจดอกนั้นมีประโยชน์อะไร

เสียงอ่อนแอของเวินเส้าหยีดังขึ้นในเวลาที่ไม่เหมาะสม กู้ชูหน่วนหันหน้าไปมองแล้วพูดอย่างเย็นชา “ฟื้นแล้วเป็นดีที่สุด กินยาเม็ดนี้ซะ”

“อืม……”

เวินเส้าหยียังไม่ได้สติ ก็ถูกบีบคางไว้ แล้วถูกบังคับป้อนยาไปเม็ดหนึ่ง

“แหะแหะแหะ…..เจ้าอ่อนโยนหน่อยไม่ได้เหรอ”

“เจ้ารู้จักข้าวันแรกหรือ?”

“…….”

“จะเดินอย่างไรให้ไปถึงที่นี่ได้ในเวลาที่เร็วที่สุด” กู้ชูหน่วนชี้ไปตรงเครื่องหมายสามเหลี่ยมบนแผนที่และเอ่ยถาม

เวินเส้าหยีหันหน้าหนี ปฏิเสธที่จะตอบ

กู้ชูหน่วนเอาราชางูเก้าหัวมรกตออกมาจากบนข้อมือของตัวเองช้าๆ โบกไปมาเบื้องหน้าของเวินเส้าหยี

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชอบกินเนื้อเป็นที่สุด โดยเฉพาะเนื้อของขาที่สาม เจ้าว่า หากว่าข้าวางมันบนตัวของเจ้า มันมุดจะเข้าไปในกางเกงของเจ้าด้วยความเร็วเป็นที่สุดหรือไม่ แล้วค่อยกินขาที่สามของเจ้าให้เกลี้ยงไปทีละคำทีละคำทีละคำทีละคำ”

มองดูรอยยิ้มอันชั่วร้ายของนาง รวมถึงการปุ้ยปากเป็นสัญญาณไปทางช่วงล่างอยู่บ่อยๆของนาง

เวินเส้าหยีจึงตระหนักได้ทันทีว่า ขาที่สามที่นางพูดหมายถึงอะไร

“เจ้าเป็นผู้หญิงจริงๆหรือไม่?”

“ทำไม หรือว่าอยากลอง?”