ตอนที่ 82: ผมจะพาคุณเข้าเมือง โดย Ink Stone_Romance

ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่แล้วเฉินเยี่ยนดีใจมาก อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าพ่อแม่จะตกลงเรื่องงานแต่งโดยที่เธอไม่รู้เรื่องแล้ว ให้เธอแต่งงานกับคนแปลกหน้า ถึงแม้เธอจะคัดค้านได้ แต่เธอไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมีเรื่องขัดแย้ง เธอไม่อยากทำตัวนอกรีต เธออยากมีความรักแบบครอบครัว และเธอก็เห็นค่าความรักนี้

กลับมาที่ห้อง รู้ว่าหลิวอี้ไปแล้ว เรื่องงานแต่งไม่สำเร็จ เฉินหู่และหวางจวนดีใจแทนเฉินเยี่ยน

เฉินหู่ได้ยินเงื่อนไขพวกนั้นที่หลิวอี้พูดกับเฉินเยี่ยนแล้วโกรธจัด เขารู้สึกว่าพี่สาวเขาดีที่สุด คู่ควรกับทุกคน แต่หลิวอี้กลับตำหนิพี่สาวเรื่องนั้นเรื่องนี้ หลิวอี้นี่ตาไม่ถึง คนแบบนี้ พี่ใหญ่ไม่แต่งงานด้วยหรอก

หวางจวนกลับเงียบไป นี่ถึงเป็นพี่เฉินเยี่ยน ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น อย่าว่าแต่คำพูดพวกนั้นที่หลิวอี้พูดเลยให้พูดน่ากลัวกว่านี้ก็ยังยินดีตกลง ไปในเมือง ได้ลูกเขยที่มารักหญิงชาวเกษตรกร นั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนใฝ่ฝัน ไม่ต้องทำนา ไปเป็นคนในเมือง ทำงานบ้าน เลี้ยงลูก นี่เป็นเรื่องที่ควรทำ ถึงแม้แม่สามีจะไม่ชอบ แต่ใครใช้ให้ตัวเองเป็นคนชนบทล่ะ ก็ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับไป

ส่วนเรื่องที่ไม่ไปมาหาสู่กับผู้ชาย แต่งงานแล้ว ในใจก็ต้องคิดแต่สามีและลูก เป็นครอบครัว จะมีเวลาไปรู้จักผู้ชายอื่นได้ยังไง ยังจะมีเวลาไปคิดถึงผู้ชายคนอื่นที่ไหน อีกอย่างคิดถึงผู้ชายคนอื่นเป็นเรื่องน่าขายหน้ามาก แต่จะไม่ให้ไปพูดคุยติดต่อกับผู้ชายเลย นี่ก็เป็นไปไม่ได้ ขอแค่ไม่เกิดเรื่องอะไรก็พอแล้ว

แล้วยังพูดเรื่องผักที่ให้บ้านหลิว เรื่องนี้กูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร แต่ก็ถือว่าได้ยกระดับ ถึงแม้จะเสียสละเล็กน้อยก็สมควร นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าเป็นคนอื่นต้องตกลงแล้วแน่นอน มีลูกเขยมาแต่งงานกับสาวชาวเกษตรกร พูดออกไปยิ่งมีหน้ามีตา นี่เป็นเรื่องมีเกียรติมาก ขนาดคนแบบนั้นพ่อแม่เธอยังตกลงเลย ไม่ต้องพูดถึงหลิวอี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นพ่อแม่เธอ ยังไม่ทันพูดอะไรก็ตกลงแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องมงคลที่เกิดเรื่องดีแบบนี้ ถ้าตัวเองกล้าคัดค้าน เกรงว่าคงโดนด่าจนตาย

ตัวเองจะคัดค้านไหม? หวางจวนแอบส่ายหน้า เธอและเฉินเยี่ยนมีความคิดไม่เหมือนกัน วิธีคิดไม่เหมือนกัน ความต้องการไม่เหมือนกัน เกรงว่าจะไม่คัดค้าน แต่ถ้าพี่เฉินเยี่ยนจะแต่งงานกับคนแบบหลิวอี้ คงต้องเหนื่อยทั้งชีวิต ไม่มีความสุข

เหนื่อยไหม? คนเราทำงานมีไม่เหนื่อยที่ไหนกัน ดูแม่เธอสิ ตั้งแต่วันที่แต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน ยุ่งทั้งงานบ้านงานสวนไม่หยุด คลอดลูกออกมานอกจากอยู่ไฟแล้วก็ไม่เคยได้พักเลย กว่าจะเลี้ยงดูลูกหลายคนให้โตมา ต่อมาต้องสร้างบ้าน หาสะใภ้ เรื่องยากทั้งนั้น ไม่ง่ายกว่าจะได้สะใภ้มา คิดว่าจะได้พักผ่อนแล้ว แต่ตอนนี้สะใภ้แต่ละคนเทียบกันแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน กล้าต่อกรกับแม่สามี

เดิมทีมีหลานก็ดีใจมาก พอหลานคลอดออกมา ยิ่งรู้สึกว่าลูกสะใภ้ปีกกล้าขาแข็ง นอกจากงานบ้านงานสวนที่แม่ยุ่งแล้ว ยังมีอีกภาระหนึ่งเพิ่มขึ้นมา คือเลี้ยงดูหลาน ตอนนี้ที่บ้านนั้น คำพูดเธอไม่สำคัญ เป็นพี่สะใภ้ที่มีอำนาจ ส่วนพี่รองก็ฟังพี่สะใภ้ แม่เธอไม่เคยมีความสุขสักวันเลย เธอก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ชีวิตของคนก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ? ผู้หญิงต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อครอบครัว จะมีกี่คนที่คิดแบบพี่เฉินเยี่ยน? ถ้ามีคนรู้ความคิดพี่เฉินเยี่ยน ต้องคิดว่าพี่เฉินเยี่ยนเสแสร้ง แต่ทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง ขอแค่ตัวเองคิดว่าดีก็พอแล้ว

เรื่องหลิวอี้ถือว่าผ่านไปแล้ว เฉินเยี่ยนจะไม่ไปคิดแล้ว วันต่อมาเธอตื่นแต่เช้าตรู่ บอกที่บ้านว่าจะไปสหกรณ์

เฉินจงก็ไม่ได้ห้ามเธอ ครั้งที่แล้วเฉินเยี่ยนไปเอง และก็กลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็วางใจ อีกอย่างที่บ้านยังมีงานให้ทำ เขาไม่สามารถไปเป็นเพื่อนเฉินเยี่ยนได้ตลอด แค่บอกให้เฉินเยี่ยนรีบกลับมาหน่อย

เฉินเยี่ยนออกจากหมู่บ้าน ไม่ได้เดินไปทางสหกรณ์เลย เธอเดินไปทางถนนอีกเส้น จนเธอเดินมาถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง ในใจเฉินเยี่ยนเต้นตึกตักขึ้นมา นี่เป็นหมู่บ้านของปู่ซินห้าว เธอเดินใจลอยไม่มีสติมาถึงที่นี่ได้ยังไง? เดิมทีเธอคิดจะเดินมาทางนี้ไม่กี่ก้าวดูว่าจะบังเอิญเจอซินห้าวไหม คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาจะเดินมาถึงหมู่บ้านของปู่ซินห้าว จะกลับหลังดีไหม? แต่มาถึงหมู่บ้านแล้ว สู้ไปดูว่าซินห้าวอยู่หรือเปล่า? แต่เธอก็ไม่รู้ว่าบ้านของปู่ซินห้าวอยู่ตรงไหน?

เฉินเยี่ยนเดินไปรอบหมู่บ้านปู่ซินห้าวอยู่ครึ่งหนึ่งอย่างลังเล เธอไม่เห็นซินห้าว และไม่ได้ปรึกษาและถามกับคนในหมู่บ้านเธอว่าบ้านปู่ซินห้าวอยู่ตรงไหน

ไม่เจอซินห้าวอาจจะไม่อยู่ที่นี่ ตัวเองเดินไปดีกว่า ถ้าถามคนอื่น ตัวเองเป็นผู้หญิงไปหาที่บ้าน คนอื่นต้องนินทาแน่นอน เดิมทีเธอกับซินห้าวไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าพูดออกไปต้องไม่ดีแน่

เฉินเยี่ยนคิดแล้วก็เดินออกจากหมู่บ้านของปู่ซินห้าว แล้วเดินกลับไป

ระหว่างทางฝีเท้าเฉินเยี่ยนว่องไวมาก เธอไม่ได้ผิดหวัง เดิมทีก็ไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องบังเอิญเจอซินห้าว แต่เฉินเยี่ยนคิดว่าเทียบกับหลิวอี้แล้ว เธอชอบติดต่อกับซินห้าวมากกว่า ถึงแม้ซินห้าวจะเย็นชา พูดน้อย แต่เขาไม่เรื่องมาก อยู่กับเขา เธอรู้สึกสบายกว่า

เฉินเยี่ยนเดินไปคิดไป จนหูได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นมา เฉินเยี่ยนถึงค่อยรู้สึกตัว มองไปเห็นจักรยานและคนบนจักรยานจอดอยู่ข้างตัวเธอ

“เอ๋ ทำไมคุณอยู่ที่นี่?”

พอเห็นคนเฉินเยี่ยนดีใจมาก คนนี้คือซินห้าวคนที่เมื่อกี้เฉินเยี่ยนหาไม่เจอ เห็นทิศทางของจักรยานแล้วเจาขี่ตามหลังเธอมา แปลว่าเมื่อกี้เขาอยู่ในหมู่บ้าน เพียงแต่ตัวเองมองไม่เห็น ทำไมเขาถึงตามมานะ?

ซินห้าวยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร ชี้ไปที่เบาะหลังรถของเขา

เฉินเยี่ยนเข้าใจความหมายเขา เธอไม่เกรงใจ ขึ้นไปนั่ง นั่งครั้งที่สองก็ถือว่าคุ้นเคยแล้ว

ถ้าบอกว่าทำไมซินห้าวถึงตามเฉินเยี่ยนมา พูดไปก็ถือว่าบังเอิญ เมื่อวานซืนซินห้าวกลับมาที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหน เดิมทีตอนเช้าเขาเตรียมจะไป ปรากฏว่าเกิดเรื่องทำให้ล่าช้า ตอนที่เขาออกมา ก็ได้ยินคนพูดกันว่าในหมู่บ้านมีหญิงแปลกหน้าเข้ามา เดินไปมาอยู่ที่นี่สักพัก และไม่รู้ว่ามาหาบ้านไหน

ซินห้าวก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอะใจ เขานึกถึงเฉินเยี่ยน และก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังขี่ตามออกไปด้วยความหวังริบหรี่ ไม่คิดว่าจะเป็นเฉินเยี่ยนจริงๆ แต่เรื่องพวกนี้เขาไม่บอกเฉินเยี่ยนหรอก แค่บอกว่าบังเอิญ เพราะเขากลัวว่าเฉินเยี่ยนจะรู้สึกขัดเขิน

ระหว่างทางเฉินเยี่ยนเล่าความคิดที่จะพันบุหรี่ให้ซินห้าวฟัง บอกว่าเธอจะไปซื้อกระดาษที่สหกรณ์ แล้วยังเล่าให้ซินห้าวฟังเรื่องที่เธอทำยาเส้นและรสชาติของยาเส้น

ซินห้าวไม่ค่อยพูดแทรกขึ้นมา ฟังเฉินเยี่ยนพูดมาตลอด เขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยนเหมือนนกตัวจิ๋วที่สนุกสนานอยู่ พูดจิบจิบจิบ เสียงฟังดูเสนาะหู

“เฮ้ เลยแล้ว เมื่อกี้ควรจะเลี้ยว หยุดเร็ว พวกเราเลยมาแล้ว”

เฉินเยี่ยนที่กำลังพูดอยู่ร้องบอกซินห้าว เธอทนไม่ไหวกระโดดลงจากเบาะหลังจักรยาน เพราะเธอพบว่าซินห้าวขี่เลยทางที่จะไปสหกรณ์แล้ว

“นั่งดีๆ พวกเราไม่ไปสหกรณ์ ผมจะพาคุณเข้าเมือง”

เสียงเย็นชาของซินห้าวดังขึ้นมา คิดว่าเขาน่าจะวางแผนไว้แล้วแต่แรก

—————–