ซูจิ่นซีแก้มแดงก่ำและไม่พูดอันใด เยี่ยโยวเหยานั่งโอบกอดซูจิ่นซีที่ข้างเตียงอยู่นาน จากนั้นจึงอุ้มซูจิ่นซีขึ้นไปบนเตียง และเช็ดหน้าเช็ดตาให้ซูจิ่นซีด้วยตนเอง ทั้งแก้ม แขน นิ้วมือของซูจิ่นซี และผิวหนังทุกกระเบียดนิ้ว เยี่ยโยวเหยาล้วนตั้งใจเช็ดอย่างละเอียด
หลังจากนั้นก็ให้ลวี่หลียกอาหารเข้ามาในตำหนัก
ซูจิ่นซีต้องการลงจากเตียงมารับประทานด้วยตนเอง ทว่าทันทีที่นางขยับตัว ก็ถูกเยี่ยโยวเหยาดันกลับไป
ท่ามกลางใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยายกอาหารมาด้วยตนเองและป้อนนาง
พูดตามตรง นางเองก็มีมือมีเท้า นางไม่ชินกับเรื่องเช่นนี้จริงๆ
“เยี่ยโยวเหยา ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ มือของหม่อมฉันไม่ได้หัก หม่อมฉันทำเองได้”
เยี่ยโยวเหยาไม่พูดอันใด และยืนยันจะป้อนโจ๊กให้ซูจิ่นซีต่อ รอจนซูจิ่นซีหยุดดื้อรั้นและยอมรับประทาน เยี่ยโยวเหยาจึงพูดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีคาดไม่ถึงว่า สิ่งที่เยี่ยโยวเหยาพูดเป็นประโยคแรกคือ “จิ่นซี ข้าขอโทษ! ”
ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ผู้สูงศักดิ์และหยิ่งผยองอย่างเยี่ยโยวเหยาจะกล่าวคำขอโทษ ทันใดนั้น ความแค้นและความโกรธในก้นบึ้งของหัวใจก็สลายหายไป นางยกยิ้มมุมปากและมองไปทางเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาป้อนโจ๊กช้อนที่สองเข้าไปในปากซูจิ่นซี
“ข้าเคยพูดไว้ว่า ต้องการมอบความสุขและความอบอุ่นเช่นคนธรรมดาทั่วไปให้เจ้า แม้ข้าจะไม่รู้วิธีปฏิบัติ ก็จะค่อยๆ เรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยเพื่อเจ้า ทว่าจิ่นซี ครั้งนี้ดูเหมือนข้าจะผิดคำสัญญาอีกแล้ว ข้าปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญหน้ากับคมหอกคมดาบที่อันตราย และไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า”
ในใจของซูจิ่นซีพลันรู้สึกเจ็บปวด นางอ้าปากทานโจ๊กพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
“หากต้องการเป็นนกอินทรีที่บินทะยานสู่ที่สูง ก็ต้องกล้าเผชิญกับลมหนาวและน้ำค้างแข็ง ดังนั้น เยี่ยโยวเหยา ครั้งนี้เป็นการเลือกของหม่อมฉัน ท่านอย่าได้โทษตนเอง อันที่จริง… ท่านทำได้ดีมาก”
เยี่ยโยวเหยาไม่พูดสิ่งใดอีก เขาป้อนโจ๊กให้ซูจิ่นซีอย่างเงียบงัน การเคลื่อนไหวดูสง่างามเป็นธรรมชาติ ชำนาญเหมือนฝึกมาหลายครั้งแล้ว
แม้ซูจิ่นซีจะไม่คุ้นชิน ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ และรับประทานทีละคำ ทีละคำ อย่างชื่อฟัง
เดิมทีซูจิ่นซีวางแผนจะแยกจากเยี่ยโยวเหยา เพราะเมื่อวานฉินเทียนเข้ามาที่นี่ หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ของแคว้นซีอวิ๋นและแคว้นจงหนิงมีความเร่งด่วน เมื่อคืนเยี่ยโยวเหยาคงไม่พูดกับนาง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ซูจิ่นซีรับประทานอาหารเสร็จ เยี่ยโยวเหยาไม่ได้กล่าวอำลานางในทันที ทว่าเขาบังคับให้นางนอนอยู่บนเตียง และบอกให้นางพักผ่อนดูแลร่างกายให้ดี
ส่วนตัวเขากลับก้มหน้าสะสางงานเอกสารราชสำนัก
ดูเหมือนวันนี้จะมีเอกสารมากกว่าวันก่อนหลายเท่า เยี่ยโยวเหยาเพิ่งจัดการเอกสารกองหนาจนหมด เอกสารอีกกองหนึ่งก็ถูกส่งเข้ามาอีกครั้ง
ด้านนอกหน้าต่าง ฉินเทียนเดินวนไปมาอยู่หลายรอบด้วยความวิตกกังวล ทั้งยังมีเงาของผู้ที่ไม่คุ้นเคยอีกหลายคน คงเป็นผู้ที่รับผิดชอบและเป็นคนสำคัญข้างกายเยี่ยโยวเหยา ทว่าเยี่ยโยวเหยายังคงอยู่ในห้อง จัดการเอกสารราชสำนักและอยู่เป็นเพื่อนซูจิ่นซีโดยไม่สนใจสิ่งอื่น
กระทั่งเยี่ยโยวเหยายังไม่สนใจ แน่นอนว่าซูจิ่นซีก็ไม่อยากยุ่งเรื่องอื่น
ทว่าตอนนี้นางรู้สึกเบื่อมาก นางต้องการลงจากเตียง ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่อนุญาต จึงทำได้เพียงเข้าไปในระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้น
ซูจิ่นซีจัดระเบียบยาสมุนไพรและยาพิษทั้งหมดในระบบถอนพิษอีกครั้ง นางพบว่ายาสมุนไพรถูกสัตว์เทพกิเลนกินไปกว่าร้อยชนิด
เจ้าสัตว์เทพบ้า ทำลงไปได้อย่างไร?
เห็นอยู่ว่ามันอยู่ในอาคมกำไลปี่ เหตุใดจึงเข้าไปในระบบถอนพิษ ทั้งยังแอบกินสมุนไพรมากมายโดยที่นางไม่ทันสังเกต?
ต้องทราบว่า ระบบถอนพิษเป็นสิ่งของที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในอีกสามพันปีข้างหน้า ทั้งอาคมกำไลปี่อั้นยังเป็นสมบัติวิเศษของอาณาจักรเทียนเหอ เมื่อดูจากโครงสร้างและรูปร่างแล้ว แม้อาคมกำไลปี่อั้นจะอยู่ในอีกมิติเวลาหนึ่ง ทว่าความแตกต่างระหว่างสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้คือเวลาที่ห่างกันถึงสามพันปี!
นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่?
หรือว่าสัตว์เทพกิเลนจะมีความสามารถพิเศษ หรือว่าอาคมกำไลปี่อั้นจะเกิดปัญหาอันใดขึ้น?
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงดึงสัตว์เทพกิเลนออกมาจากระบบถอนพิษ และสอบถามเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเต็ม ทว่าสุดท้ายกลับไม่มีประโยชน์อันใด
สัตว์เทพกิเลนไม่รู้อันใดเลย มันสับสนยิ่งกว่าซูจิ่นซีเสียอีก ซูจิ่นซีเสียเวลาไปหนึ่งชั่วยามเต็ม ทว่าไม่ได้ประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย
ซูจิ่นซีไม่รู้จะทำอย่างไร นางจับสัตว์เทพกิเลนโยนกลับเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นอย่างดุดัน
สัตว์เทพกิเลนถูกโยนไปบนแท่นบูชาอย่างรุนแรง มันร้อง ‘โอ๊ย โอ๊ย’ ออกมาอย่างน่าสมเพช และใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะลุกขึ้นมาได้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและน่าสงสารพลันเงยขึ้นมองท้องฟ้า
ทั้งยังบ่นพึมพำเลียนแบบซูจิ่นซี นายน้อยเป็นอันใด? หรือว่าจะกินยาบำรุงสมรรถภาพทางเพศอีกแล้ว? หรือว่า… ถูกพวกมนุษย์ป้าโจมตี?
ซูจิ่นซีที่อยู่ด้านนอกอาคมกำไลปี่อั้นไม่อาจรู้ได้ว่าสัตว์เทพกิเลนกำลังพูดสิ่งใด ไม่เช่นนั้นนางอาจดึงมันออกมาสอบถามอีกหลายชั่วยาม
ยามนี้ ซูจิ่นซีจมอยู่กับความสับสนอีกครั้ง
เนื่องจากท้องฟ้ามืดแล้ว ได้เวลาเข้านอน อีกทั้งเยี่ยโยวเหยาที่เพิ่งทำงานเสร็จก็กำลังเดินมาหานาง
หัวใจของซูจิ่นซีตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ขาของนางที่อยู่ใต้ผ้าห่มสั่นไหว นางกำลังครุ่นคิดหาข้ออ้างเพื่อหลบหนีจากการย่ำยีและการกลั่นแกล้งของเยี่ยโยวเหยาในคืนนี้
แกล้งตาย? ไม่สมจริง!
บอกว่าปวดท้อง? ก็ยังไม่สมจริง!
คืนนี้เยี่ยโยวเหยาสั่งลวี่หลีเป็นพิเศษว่าให้เสริมอาหารทั้งสามมื้อ และห้ามใช้ส่วนผสมที่มีฤทธิ์เย็น
พูดว่านางถูกบำรุงมากเกินไปแล้ว?
ทว่าเมื่อดูแขนและขาที่ผอมบาง ใบหน้าซีดขาว ท่าทางเหมือนธาตุหยางไม่พอ ก็ดูไม่เหมือนคนที่ได้รับการบำรุงเป็นอย่างดี!
จะทำอย่างไร!
จะทำอย่างไร!
เยี่ยโยวเหยาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ใกล้เข้ามาทุกที เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ทำอย่างไรดี?
หัวใจของซูจิ่นซีเต้นแรง ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ ในหัวปรากฏภาพที่ถูกเยี่ยโยวเหยาย่ำยีเมื่อคืน เมื่อคืนก่อน เมื่อสองคืนก่อน
สุดท้าย ร่างของเยี่ยโยวเหยาผู้สูงศักดิ์ก็มายืนอยู่ข้างเตียง ทว่าซูจิ่นซียังคิดสิ่งใดไม่ออก
เมื่อมองดูท่าทางของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาค่อยๆ โน้มตัวลงมาจ้องตาของซูจิ่นซี “ชายาที่รักเป็นอย่างไรบ้าง? ”
ซูจิ่นซีเห็นร่างของเยี่ยโยวเหยากดทับลงมา นางตกใจอย่างมาก จึงค่อยๆ เคลื่อนตัวไปด้านหลังด้วยท่าทางตื่นตัว ทว่าใบหน้ากลับแย้มยิ้ม
“ไม่… ไม่มีอันใดเพคะ? ”
เยี่ยโยวเหยาโน้มตัวเข้าหาซูจิ่นซีอีกเล็กน้อย
“ไม่มีอันใดจริงหรือ? ”
“ไม่มีอันใดจริงๆ เพคะ! หนึ่งวันมานี้ หม่อมฉันได้รับการดูแลอย่างดี จะมีเรื่องอันใดได้เพคะ? ”
“ไม่มีก็ดี! ”
เยี่ยโยวเหยายืดตัวตรง ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าและรองเท้าด้วยใบหน้าสงบ
ซูจิ่นซีเห็นเช่นนั้น แม้ในใจจะตื่นเต้น ทว่าโชคดีที่ตอนนี้นางยังปลอดภัยดี จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่
อย่างไรก็ตาม คาดไม่ถึงว่ายามนี้เยี่ยโยวเหยาจะส่งเสียงขึ้นมาอย่างสบายใจ
“ดูท่าทาง ชายารักจะเฝ้ารอความโปรดปราน ข้าคิดว่าชายารักคงรอด้วยความปรารถนา! ”
“บัดซบ! ”
มือของซูจิ่นซีที่พยุงร่างตนเองพลันลื่นไถลและล้มลงบนเตียงอย่างแรง นางมองแผ่นหลังของเยี่ยโยวเหยาด้วยใบหน้าของผู้บริสุทธิ์ พลางกัดฟันกรอด
ท่านต่างหากที่รอความโปรดปรานด้วยความปรารถนา!
ผู้ใดรอด้วยความปรารถนากัน?