TQF:บทที่ 496 บาดเจ็บกันนับไม่ถ้วน (2)

 

ใบหน้าของหญิงสาวชุดแดงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ พอนึกถึงตัวเองกำลังจะรับผู้สืบทอดคนสำคัญกลับมาวิหารสวรรค์แล้วก็ยากจะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง สั่นเทาไปทั้งตัว

 

ร่างของนางสั่นไหวเล็กน้อยก็มาโผล่เหนือฝูงเขา นางวนเวียนไปรอบๆ ในตอนนี้นางไม่สามารถสัมผัสถึงพลังลมปราณนั้นได้อีก

 

“เป็นตรงนี้ เมื่อกี้มาจากตรงนี้แน่ๆ ทำไงดี ต้องใช้อะไรถึงจะข้ามมิติไปได้”

 

หญิงสาวชุดแดงพึมพำไม่หยุด ถ้าคนที่รู้จักนางมาเห็นเขาคงคิดว่าตัวเองเห็นผีแน่ๆ

 

หญิงงามเย็นยะเยือกอย่างกับภูเขาน้ำแข็งเช่นนาง มีสีหน้าที่แปรปรวนขนาดนี้ได้ด้วย

 

“ด้วยความสามารถของข้าตอนนี้ยังฉีกมิติออกไม่ได้ ท่าทางต้องกลับไปถามอาจารย์ก่อน จะให้ดีต้องหาของวิเศษที่ฉีกมิติออกได้ แบบนั้นจะได้ไม่เปลืองแรง”

 

นึกถึงตรงนี้หญิงสาวชุดแดงมีสีหน้าเบิกบาน นางมองฝูงเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ราวกับจะฝังภาพของฝูงเขาเข้าไปในหัว ก่อนจะจากไปอย่างปิติ

 

พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีก 1 เดือน

 

ทั้งข่าวดีและข่าวร้ายต่างถูกส่งกลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนอย่างไม่หยุดหย่อน

 

ในสงครามครั้งนี้ มีทั้งแพ้บ้างชนะบ้าง แน่นอนว่าครั้งที่ชนะเยอะกว่า ที่แพ้น่ะน้อย แต่ก็ยังต้านการโจมตีแบบไม่คิดชีวิตของผู้ฝึกตนวิถีมารไว้ไม่ได้ พวกเขาตายไปเป็นล้าน แต่ก็สามารถบุกเข้าอาณาจักรเฟิงหลิงได้สำเร็จ และกำลังจะบุกเข้า 3 เมืองที่เหลือ

 

ภายในบ้านใหญ่

 

ฟางซูหยุนยืนอยู่ข้างบ่อบัว สายตาของนางมองไปยังที่ว่างเปล่าราวกับกำลังจ้องบางสิ่งอยู่

 

เมื่อ 2 เดือนก่อนนางได้ทานน้ำวิเศษและเม็ดยาวิเศษที่หยูเฮงผสมขึ้นมา และเพิ่งออกจากการเก็บตัวได้ 2 วันที่ผ่านมา

 

ขณะเดียวกันก็รู้ว่าสงครามระหว่างธรรมมะและอธรรมได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

อากาศด้านหลังนางบิดเบือนเล็กน้อย มีร่างร่างหนึ่งหายตัวออกมา อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์นั่นเอง

 

“อาวุโสมาแล้วหรือ” ฟางซูหยุนทอดสายตากลับมายังคนข้างๆ

 

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์พยักหน้าเบาๆ กล่าวเสียงค่อย “ซูหยุนเจออะไรรึเปล่า”

 

“ท่าทาง อาวุโสก็รู้สึกแล้วเหมือนกันใช่มั้ย” ฟางซูหยุนยิ้ม

 

สายตาของเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า กล่าวเสียงเศร้า “กฏผนึกไม่เสถียรขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี”

 

“เรื่องดีมากกว่าเรื่องไม่ดีล่ะมั้ง” ฟางซูหยุนยังมีท่าทีเรียบเฉยเหมือนปกติ “ไม่ว่ายังไงทรัพยากรที่นี่ก็ไม่ได้ดีนัก ถึงแม้คนจากผืนดินอื่นจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้ตามใจชอบก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเรามาก”

 

“เรื่องนั้นก็ไม่แน่”

 

มีประกายแห่งปัญญาอยู่ในแววตาของอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ “แม้ว่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่นี่จะไม่ได้อยู่ในระดับสูงนัก แต่ที่นี่ก็ถือเป็นผืนดินหนึ่ง ถ้าเกิดมีคนกระหายอำนาจปรากฏตัวขึ้นก็คงเป็นหายนะสำหรับพวกเราผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ”

 

“…..”

 

นี่ก็จริง ฟางซูหยุนเม้มปากเบาๆ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้น “เรื่องอะไรก็มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี หลายๆเรื่องพวกเราทำได้แค่ปล่อยให้มันเป็นไปเท่านั้น ฝืนอะไรไม่ได้”

 

“ถูกต้อง เราฝืนอะไรไม่ได้”

 

สายตาของอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ยังคงจ้องมองไปในอากาศว่างเปล่า “บางที ที่เราคิดว่าจะทลายขีดจำกัดของที่นี่ได้ก็คงจะไม่ง่ายนัก อาจจะดีใจกันลมๆแล้งๆก็ได้”

 

“อื้ม…”

 

ฟางซูหยุนมองไปยังกฏแห่งฟ้าดินที่ปรากฏให้เห็นลางๆอีกครั้ง ทั้งชั้นบรรยากาศเสมือนถูกแหอันใหญ่ปกคลุมไว้ ตอนนี้แหนั้นกำลังสั่นไหว สภาพเหมือนจะขาดก็ไม่ขาด

 

“เรื่องแบบนี้พูดยาก ตามโอกาสวาสนา”

 

“โอกาสวาสนาสำคัญมาก ใครก็บอกอะไรไม่แน่ ข้าเคยคำนวณดูทิศทางหลังจากนี้ แต่บัญชาสวรรค์ไม่ปรากฏให้เห็นง่ายๆ ข้าเองก็มองไม่ออก”

 

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ขมวดคิ้วนิดหน่อย ถามต่อ “ซูหยุน ผืนดินของเราติดกับผืนดินฉางไห่ใช่มั้ย”

 

“เป็นไปได้ แต่ก็ไม่กล้ารับประกัน”

 

“หยูเฮงสามารถฉีกมิติออกได้ ไม่แน่สักวันพวกเราอาจจะสามารถไปจากผืนดินนี้ก็ได้”

 

“อาจจะ”

 

น้ำเสียงของฟางซูหยุนปวนแปร อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ดึงสายตากลับมา มองคนข้างๆด้วยรอยยิ้ม “ลมปราณเซียนของเจ้ากลับมาแล้ว ยินดีด้วย ไม่รู้ว่าวิทยายุทธ…”

 

“ขอบคุณอาวุโส” มุมปากฟางซูหยุนยกขึ้น “ข้าลำเลียงลมปราณเซียนได้แล้ว แต่ยันต์สะกดยังอยู่ โชคดีที่เริ่มคลายออกบ้างแล้ว วิทยายุทธยังไม่สามารถกลับมาได้ในตอนนี้”

 

“ไม่ว่ายังไง เกิดความเปลี่ยนแปลงก็นับว่าเป็นเรื่องดี”

 

“ขอบคุณอาวุโสที่เป็นห่วง”

 

“จะเกรงใจไปทำไม ไม่แน่วันหลังข้าอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าก็ได้” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์พูดอย่างมีนัยยะ

 

ฟางซูหยุนเข้าใจทันที นางยิ้มเล็กน้อย “อาวุโสไม่ต้องเกรงใจ หากวันหน้าเข้าผืนดินฉางไห่ได้ พวกเราก็คนกันเองทั้งนั้น”

 

“ครั้งนี้ เป็นข้าที่ต้องขอบคุณเจ้า”

 

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ไม่ได้พูดเล่น ถึงแม้เขาจะเป็นคนระดับชั้นยอดอย่างปรากฏราชันย์จักรพรรดิ์ เป็นคนที่ผู้คนในผืนดินนี้เชิดชู แต่สำหรับฟางซูหยุนที่มาจากผืนดินฉางไห่แล้ว ปรากฏราชันย์จักรพรรดิ์ก็ไม่ได้เก่งอะไรนัก ให้พูดแบบไม่รักษาน้ำใจ ก็แค่คนระดับเล็กๆเท่านั้นแหละ

 

ทุกด้านของผืนดินฉางไห่มีระดับที่สูงกว่าที่นี่ ตอนนี้พวกเขามีใจที่อยากจะก้าวเข้าไปในที่แห่งนั้น เป็นไปได้ที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากนางที่อยู่ระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะตั้งแต่อายุ 20 กว่า