องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 617 รอด้วยความเป็นห่วง
ผู้ป่วยหลับไปมากพอสมควรแล้ว และยังมีผู้ป่วยหนักอยู่อีกหลายคน ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมจะผ่าตัดให้พวกเขาในเช้าวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถกินข้าวได้
ผู้ป่วยไม่กล้าที่จะทำการผ่าตัด ฉีเฟยอวิ๋นจึงนั่งลงและปรับเปลี่ยนความคิดของพวกเขา
นางกล่าวกับชายชราคนหนึ่งว่า:“ท่านมีติ่งเนื้อที่รูจมูก หากไม่ผ่าตัดก็จะหายใจไม่ลำบาก แม้ว่าการผ่าตัดจะเจ็บปวดมาก แต่ก็จะหายเป็นปกติในเวลาครึ่งเดือน ในช่วงเวลาที่ท่านอยู่ที่นี่ จะมีคนดูแลท่าน ไม่ต้องกังวล”
“หมออัน ข้าอยากกินอะไรสักหน่อย พวกเขาล้วนแต่กินแล้ว ทำไมท่านถึงไม่ให้ข้ากินบ้าง สิ่งนี้อยู่ในรูจมูกของข้ามาหลายปีแล้ว ข้าไม่ผ่าตัด ข้ากลัว!”
ชายชราปฏิเสธและฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงปรับเปลี่ยนความคิดของคนอื่นต่อไป
หลังจากพูดคุยไปสี่ห้าคนก็ไม่มีใครยอมผ่าตัด พวกเขายอมตายดีกว่ายอมผ่าตัด และพวกเขาก็อยากจะกินอะไรนิดหน่อย ดังนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงต้องให้เขากิน
เมื่อมาถึงเด็กอายุสิบเอ็ดขวบคนหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่อยากพูดแล้ว
เด็กผู้ชายคนนั้นผอมมาก เมื่อถามว่าเขาอายุเท่าไหร่ เขาบอกว่าเขาอายุสิบเอ็ดขวบ แต่ดูเหมือนเขาอายุแค่แปดเก้าขวบ
บนขาของเด็กคนนี้มีก้อนซีสต์ที่เกิดจากพยาธิตัวตืด จากประสบการณ์หลายปีของฉีเฟยอวิ๋น ในนั้นมีรังของพยาธิตัวตืด
อันที่จริงพยาธิชนิดนี้มีสาเหตุมาจากตัวอ่อนของพยาธิตัวตืดที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ แล้วก่อตัวเป็นก้อนซีสต์ในอวัยวะบางส่วน ก้อนซีสต์นี้เหมือนถุงใบใหญ่ ข้างในเป็นเหมือนเมล็ดบัวและเมล็ดถั่วที่เชื่อมต่อกันจนรวมกันเป็นก้อน
โรคนี้เกี่ยวข้องกับน้ำดื่มที่ไม่ถูกสุขลักษณะ น้ำดิบ เนื้อดิบ และอาหารดิบทั้งหลาย
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ขาของเด็กผู้ชายและกล่าวว่า:“หากข้าบอกกับเจ้าว่ามีไข่ของพยาธิอยู่ในขาของเจ้า เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
เด็กผู้ชายคนนั้นจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋นหวาดกลัว:“ข้าเชื่อ”
ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ:“เพราะเหตุใด?”
เด็กผู้ชายคนนั้นก้มหน้าลง:“ครอบครัวของข้าอยู่ห่างไกลออกไป พ่อของข้าเป็นคนเลี้ยงวัว ท้องของพ่อข้าใหญ่ขนาดนี้”
เด็กผู้ชายคนนั้นทำท่าทีเท่ากับขนาดแตงโมลูกใหญ่และพูดต่อว่า:“ต่อมาเขาก็ตาย ตอนที่เขาตาย สายตาของเขาจ้องมองไปที่ท้องมมันใหญ่โตนั่น ต่อมาข้าก็ได้ยินปู่ของพวกเราบอกว่ามีพยาธิอยู่ในท้องของพ่อข้า พยาธิมันเหมือนเมล็ดถั่ว มันมาจากวัวแล้วเข้าไปอยู่ในท้องของพ่อข้า
แม่ของข้าหนีไปกับผู้อื่น หลังจากที่แม่ของข้าจากไปแล้ว ขาของข้าก็ปูดขึ้นมา ข้าได้ยินปู่บอกว่าข้าเป็นเช่นเดียวกับพ่อ และไม่ช้าก็เร็วต้องตายเหมือนพ่อ
ข้ากลัว ข้าเจ็บ!”
เด็กผู้ชายคนนั้นเริ่มร้องไห้ ใบหน้าสีเข้มและดวงตาที่มืดมน ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นทุกข์ใจ
“ที่ที่พวกเจ้าอยู่มีวัวเยอะมากเลยหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นสงสัย
เด็กผู้ชายคนนั้นส่ายหัว:“ข้ามาจากพื้นที่ราบสูง บ้านของข้าอยู่ในที่ราบสูง หลังจากที่พ่อของข้าตาย ข้าก็กลัวที่จะอยู่บ้าน จึงหนีออกมาขออาหารที่นี่”
“เช่นนั้นที่ราบสูงของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ บ้านของเจ้าอยู่ที่แคว้นอู๋โยวหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งสงสัยมากขึ้น เด็กผู้ชายคนนั้นส่ายหัวและเช็ดน้ำตา
“ข้ามาจากแคว้นอู๋โยวและขออาหารกินที่นั่น ตอนที่ข้ามาถึงแคว้นอู๋โยว ข้าอายุเพียงหกขวบ และข้ามาอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าอยู่ที่แคว้นอู๋โยวเป็นเวลาสี่ปีงั้นหรือ?”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า:“ข้าเข้าใจแล้ว หากเจ้าเชื่อข้า เช่นนั้นเจ้ายอมที่จะให้ข้าเอาพยาธิออกจากขาของเจ้าหรือไม่?”
เด็กผู้ชายคนนั้นจ้องมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอยู่นาน:“เจ็บหรือไม่?”
“จะว่าเจ็บก็เจ็บ แต่เจ้าทนได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะเจ็บแต่ก็ยังดีกว่าตาย ตอนที่พ่อของเจ้าตายเช่นนั้น เจ้าคงจะกลัวมาก!”
“อืม”
เด็กผู้ชายคนนั้นอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ใบหน้าของเขาซีดมาก ฉีเฟยอวิ๋นดูออกว่าเขากลัวมาก
“เช่นนั้นข้าต้องอดข้าวหรือไม่?”
“เจ้าสามารถกินได้นิดหน่อย แต่คืนนี้เจ้าต้องนอนหลับพักผ่อนให้ดี แล้วพรุ่งนี้ข้าจะผ่าตัดให้เจ้า”
“เช่นนั้นข้าจะทำ”
เด็กผู้ชายคนนั้นตอบตกลง อันที่จริงแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกประหลาดใจมาก
แต่เมื่อคิดว่าความกล้าหาญของเด็กผู้ชายคนนั้นแล้ว นางก็ไม่แปลกใจ
ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวพยัคฆ์ และนี่คือเหตุผล
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมของกินให้เด็กผู้ชายคนนั้น เขากินซาลาเปาและเนื้อสองชิ้น ฉีเฟยอวิ๋นให้เขาดื่มน้ำแกงนิดหน่อย เขาอยากจะกินอีก แต่ฉีเฟยอวิ๋นบอกว่าพรุ่งนี้ต้องผ่าตัด จึงไม่สามารถกินได้มากนัก
เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้กินซาลาเปามานานแล้ว และรีบพยักหน้า
ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มพูดคุยเป็นเพื่อนเขา หลังจากที่พูดไปพูดมาเขาก็หลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบกล่องยามาในทันที แล้วทำการผ่าตัดต่อหน้าผู้คนเหล่านั้น นางฉีดยาชาก่อน และจากนั้นก็เริ่มทำการผ่าตัด
ฉีเฟยอวิ๋นทำการกับให้เด็กผู้ชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง นางโชคดี พยาธิขอเติบโตในกล้ามเนื้อขาของเขา หากมันไปเติบโตที่ตับหรืออวัยวะอื่น คงหมดหนทางที่จะช่วย
ไม่ต้องพูดถึงที่นี่เลย แม้แต่ในยุคปัจจุบันก็ยังยากที่จะจัดการ และบางคนก็จัดการไม่ได้ด้วยซ้ำ และทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น
ไม่มีใครรู้ว่าหากพยาธิสีขาวที่ออกมาจากหัวใจและตับจะรู้สึกอย่างไร
หลังจากที่จัดการเรียบร้อยแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ตัดก้อนขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากด้านในของขาของเด็กผู้ชายคนนั้น และก้อนนั้นก็ดูน่ากลัวมาก
ฉีเฟยอวิ๋นวางมันลงอย่างระมัดระวัง คนอื่น ๆ ล้วนแต่หวาดกลัว ฉีเฟยอวิ๋นตรวจร่างกายของเด็กผู้ชายคนนั้นอย่างละเอียด จากนั้นก็เย็บแผล ใช้ยา และพันแผล……
หลังจากผ่าตัดเสร็จสิ้น ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปล้างมือและฆ่าเชื้อในทันที จากนั้นก็กลับมาฉีดยาแก้อักเสบให้เขา
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตกอยู่ในความงุนงง และฉีเฟยอวิ๋นก็นั่งพักผ่อนอยู่ข้าง ๆ
หลังจากสามชั่วยามผ่านไป เด็กผู้ชายคนนั้นก็ฟื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เขาลืมตาและจะลุกจากเตียง เขาเห็นว่าขาของเขามีผ้าพันแผลอยู่ แต่ไม่มีก้อนนั้นแล้ว
“ข้าของข้า?”
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้น:“ตอนที่เจ้าหลับ ข้าเอาพยาธิที่อยู่ในขาของเจ้าออกไปแล้ว ขาของเจ้าไม่มีพยาธิแล้ว ต่อไปอย่ากินน้ำที่ยังไม่ได้ต้ม และอย่ากินเนื้อดิบ”
“แล้วข้าจะเดินได้หรือไม่?”
“อีกไม่กี่วันเจ้าก็เดินได้แล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นได้ใช้สมาธิตรวจดูแล้ว ร่างกายของเขาไม่เป็นไร และไม่มีก้อนซีสต์อื่น ๆ
เด็กผู้ชายคนนั้นยิ้ม แม้ว่าจะเจ็บมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ฉีเฟยอวิ๋นเองก็ยิ้ม นางลุกขึ้นเดินไปข้าง ๆ แล้วชี้ไปที่ก้อนซีสต์ที่ถูกตัดออกมา
“นี่คือสิ่งที่อยู่ในขาของเจ้า ข้าจะให้เจ้าดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน”
โชคดีที่ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมถุงมือผ่าตัดไว้ ครั้งนี้นางนำถุงมือมามากเพียงพอแล้ว นางสวมถุงมือ แล้วใช้มีดผ่าก้อนซีสต์ หลังจากที่ผ่าออก มีพยาธิอยู่ข้างใน มันคล้ายกับเมล็ดบัว มีลักษณะเป็นเม็ดสีขาวเหมือนเม็ดข้าวกระจายไปทั่ว
เด็กผู้ชายคนนั้นตกใจมาก ฉีเฟยอวิ๋นจึงเก็บมันใส่ถุงพลาสติกแล้วเอาไปเผาไฟ
“เอาล่ะ พวกเจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน ข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน ตอนบ่ายยังต้องนั่งตรวจผู้ป่วยอีก”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไป แล้วให้คนสองสามคอยดูแล
ส่วนคนที่เหลือก็เฝ้าดูเด็กผู้ชายคนนั้น และเมื่อนอนไม่หลับก็เริ่มพูดคุยกัน
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมา ทุกคนก็ล้วนแต่ต้องการผ่าตัด ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่คนแปลกหน้าคนหนึ่งจะให้อาหารและเสื้อผ้า จะสามารถทำให้พวกเขาเชื่อใจได้
แต่เมื่อเห็นด้วยตาของตนเองแล้ว พวกเขาจึงเชื่อ
“ข้าสามารถทำการผ่าตัดได้เพียงวันละคนเท่านั้น เมื่อคืนข้าเหนื่อยมาก ดังนั้นจึงสามารถทำการผ่าตัดได้ในวันพรุ่งนี้ แล้วข้าจะพิจารณาว่าจะให้ใครทำก่อน พวกเจ้าก็หารือกันเรื่องนี้เถอะ”
หลังจากที่อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปดูเด็กผู้ชายคนนั้น เขาแข็งแกร่งมาก เขาไม่ร้องไห้ และบอกว่าว่าไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย
ฉีเฟยอวิ๋นปลอบเขาอยู่สักพัก และในตอนบ่ายก็ไปตรวจดูอาการให้คนอื่น ๆ วันนี้มีผู้คนมาเป็นจำนวนมาก ฉีเฟยอวิ๋นตรวจดูอาการให้ผู้ป่วยจนดึกดื่น เมื่อตรวจไม่ไหวแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงปิดประตู
หลังจากที่ตรวจดูอาการป่วยให้แล้ว ก็ยังให้ซาลาเปาและโจ๊กด้วย มีคนมาที่หน้าร้านข้าวสารเป็นมากมาย
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจดูให้ไม่หมด จึงให้ซาลาเปา และหลังจากที่ได้รับซาลาเปาแล้วก็จากไป
เมื่อเทียบกับการตรวจรักษาโรคแล้ว บางครั้งการกินให้อิ่มก็สำคัญมากกว่า
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหนื่อยจนแทบหมดแรง สถานที่ไม่พร้อม ไม่มีที่ให้นางอาบน้ำ และฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่กลัวว่าจะสกปรก ดังนั้นนางจึงหลับไป
แต่ในขณะนี้ หนานกงเย่กำลังรอนางด้วยความเป็นห่วง!