ตอนที่ 91 คลางแคลงใจ

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

อากาศในวังตะวันตกนั้นร้อนนัก ฤดูหนาวไม่เคยแวะเวียนผ่านมาที่นี่ ในตอนนี้ราวกับว่าที่แห่งนี้ได้ผ่านพ้นฤดูใบไม้ผลิ และกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ห้องบรรทมในตำหนักอบอวลไปด้วยความร้อนรุ่ม และท่ามกลางความร้อนนั้นมีกลิ่นกายลึกล้ำกระตุ้นโพรงจมูก ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นกายผสมกลิ่นเหงื่อที่หอมหวาน กายสองกายสัมผัสกัน ความเร่าร้อนเพิ่มพูนขึ้น ทั้งกลิ่นกายที่ฟุ้งกระจายออก ลมหายใจที่ยังไม่ทันได้กลืนลงไปที่แทรกออกมาตามร่องฟัน ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างสนุกเพลิดเพลิน การเคลื่อนไหวช้าๆ อย่างเอาใจใส เปลี่ยนเป็นเร่งรัดจนลมหายใจหอบถี่ แม้จะมีบางช่วงที่ดื่มด่ำไปกับความรู้สึกอย่างช้าๆ ทว่าก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวลง และถึงแม้สายตาจะพร่ามัวจนไม่อาจมองเห็นสิ่งตรงหน้าได้ชัด แต่ทั้งสองก็ไม่อาจละสายตาออกจากกันได้ ช่วงเวลาที่หลับตาไม่ได้มองกันนั้นคงจะมีแค่ช่วงที่ความสุขพลุ่งพล่านเข้ามา 

 

 

“โอรัน โอรันของข้า” 

 

 

ดึกวอลจับเนื้อกลมกลึงของโอรันแน่น ดูเหมือนว่าเขาจะทนไม่ไหว เขาลูบไล้ กัดเลียนางเพื่อให้ได้สัมผัสเนื้อแน่นนั้น ทั้งคู่ไม่เคยปล่อยให้เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันนั้นสิ้นเปล่า เมื่อร่างกายได้แนบชิดสนิทกัน มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกห่างจากกันได้เลย ถึงจะมัวเมาไปกับแรงอารมณ์อยู่บ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดเข้ากันได้ดีกว่านี้อีกแล้ว 

 

 

“พระชายาเพคะ” 

 

 

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจดจ่ออยู่กับซึ่งกันและกัน ก็มีเสียงเล็กๆ ดังแทรกขึ้นมา แม้จะไม่อาจปกปิดสีหน้าเขินอายไว้ได้ ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นก็เต็มไปด้วยความกลัวเพราะต้องมาขัดเวลาของทั้งคู่ น้ำเสียงที่ร้อนรน ทว่าก็สั่นเทาเป็นดั่งน้ำเย็นที่มาดับความร้อนระอุภายในห้อง แม้ดึกวอลจะยังกอดโอรันอยู่แต่สายตาของเขานั้นเปลี่ยนไปในทันที เขายกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย และมองไปด้านนอกด้วยหางตา 

 

 

“ใครกันที่มารบกวนการนอนของวังตะวันตกเยี่ยงนี้” 

 

 

มือนุ่มๆ ของโอรันลูบไล้ไปทั่วลำคอของดึกวอล ร่างกายของนางแนบชิดกับหลังของเขา ดังนั้นร่างกายของนางจึงลุกขึ้นมาด้วย 

 

 

“ใจเย็นๆ ก่อนเพคะ นางคือคนที่หม่อมฉันมอบหมายให้ไปสอดส่องวังตะวันออกเพคะ” 

 

 

“วังตะวันออกอย่างนั้นหรือ” 

 

 

“เพคะ มีเรื่องชวนสงสัย หม่อมฉันจึงให้นางไปแอบสอดส่องอยู่เงียบๆ เมื่อนางมาหาเช่นนี้ คาดว่าจะเป็นอย่างที่หม่อมฉันคิดเอาไว้เพคะ” 

 

 

โอรันดีใจ ลุกขึ้นยืน ปกติแล้วนางไม่เคยเป็นคนที่แยกตัวออกมาก่อน ทำให้ตอนนี้ดึกวอลแสดงสีหน้าโกรธออกมาอย่างสงสัย โอรันยืนขึ้นในห้องด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า เมื่อเปิดประตูออก นางกำนัลคนนั้นก็รีบก้มหัวและหมอบลงไปกับพื้นทันที 

 

 

“เข้ามาได้” 

 

 

เมื่อนางกำนัลคนนั้นได้รับคำอนุญาตจากเจ้านายตน ก็คลานเข้ามาข้างในอย่างโล่งใจ  

 

 

ปัง ทันทีที่ประตูปิด นางกำนัลที่เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจก็ได้แอบเห็นร่างกายของแทจา นางรู้สึกกลัวจนตัวสั่นเทาจึงรีบเอาหน้าผากแตะพื้นอีกครั้ง 

 

 

“ขออภัยเพคะ” 

 

 

ดึกวอลที่เดินตามหลังโอรันนำผ้าแพรมาคลุมตัวนางไว้ ทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันอยู่แล้ว จึงนั่งลงบนเบาะรองนั่ง 

 

 

“เราได้สั่งเจ้าว่าหากมีเหตุอันใดเกิดขึ้นให้มาแจ้งแก่เราใช่หรือไม่” 

 

 

“เพคะ” 

 

 

“มีเหตุอันใดเกิดขึ้นที่วังตะวันออกอย่างนั้นหรือ” 

 

 

“พระชายาฮวางแทจาทรงเจ็บครรภ์ ร้องโอดครวญแล้วสลบไปเพคะ” 

 

 

นางกำนัลรีบบอกเล่าอย่างไม่รีรอ แม้จะเป็นการรายงานที่สั้นกระชับ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้สีหน้าของดึกวอลเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

*** 

 

 

เพล้ง  

 

 

“โอ้ย โอ้ย” กโยซึลหดตัวจับท้อง ถ้วยที่นางทำหลุดมือหล่นกระแทกไปที่มุมโต๊ะแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ 

 

 

“กโยซึล!” 

 

 

รูแฮตกใจรีบถลาไปทางโต๊ะ เนื่องจากรูแฮได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพ่อทูนหัวของลูกของกโยซึลจึงทำให้เขาเข้าออกตำหนักดงบีได้อย่างเปิดเผยมาสักพักแล้ว ขณะนี้ทั้งคู่กำลังนั่งเปิดหนังสือ แบ่งขนมกินกันโดยใช้คำว่าพ่อทูนหัวเป็นข้ออ้าง รูแฮรีบถลาตัวมาใกล้ และเพราะมีเศษถ้วยแตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น จึก เศษถ้วยจึงทิ่มมือของรูแฮเข้า เขามองไปที่กโยซึลโดยไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดของตัวเอง 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรหรือ” 

 

 

“ท้อง…ท้อง…” 

 

 

อาการปวดท้องนั้นเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ แต่ปัญหาคือตอนนี้กโยซึลกำลังตั้งครรภ์อยู่ สำหรับกโยซึลในตอนนี้นั้นอาการเจ็บปวดที่ท้องเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนยิ่งกว่าอาการปวดในส่วนใด 

 

 

“ยูอนบูอิน!” รูแฮเรียกแม่นมที่ยืนรออยู่ด้านนอก ปกติแล้วแม่นมจะยืนอยู่ด้านในตรงผนังด้านหนึ่ง แต่จะออกไปเฉพาะเวลาที่กโยซึลกับรูแฮอยู่ด้วยกัน 

 

 

“เรียก เรียกหมอหลวงมา” 

 

 

แม่นมรีบไปตามตัวหมอหลวงทันทีโดยไม่ทันคิดว่าเสียงที่พูดอย่างรีบร้อนนั้นคือเสียงของรูแฮ นางเริ่มไว้วางใจในตัวรูแฮมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 

 

 

  

 

 

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี ถวายบังคมพระชายาฮวางแทจา…” 

 

 

“ไม่ต้องทำความเคารพอันใด จงรีบตรวจพระวรกายของพระชายาฮวางแทจาเร็วเข้า” 

 

 

หมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว และรูแฮก็ได้เร่งพวกเขาที่ยังคงทำการคารวะสามพันปีในสถานการณ์แบบนี้ ในระหว่างนั้นกโยซึลก็ยังคงร้องโอดโอยด้วยอาการปวดท้อง ทุกครั้งที่ความปวดพุ่งขึ้นมา กระดูกที่ผอมแห้งของกโยซึลก็จะปูดโปนขึ้น นอกจากจับมือของกโยซึลที่กำแน่นแล้วก็ไม่มีสิ่งใดที่รูแฮทำได้อีกเลย  

 

 

หมอหลวงเริ่มจับชีพจรของกโยซึลที่นอนขดอยู่บนเบาะรองนั่ง เพราะไม่มีแรงที่จะพาตัวเองขึ้นไปบนเตียง หมอหลวงไม่ได้แสดงสีหน้าใดออกมาในตอนที่ใช้นิ้วสองนิ้ววางไปบนข้อมืออันผอมแห้งของนาง หลังจากเขาจับชีพจรอย่างเงียบๆแล้ว หมอหลวงก็ขออนุญาตจากกโยซึลและแม่นม แล้วใช้มือจับไปบนร่างกาย 

 

 

“ก่อนหน้านี้มีอาการปวดบ้างหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“มันไม่รุนแรงเยี่ยงนี้…เริ่มปวดทีละนิดเมื่อไม่นานมานี้…” 

 

 

“รู้สึกปวดแบบไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ ปวดเหมือนมีไม้แหลมๆ มาทิ่ม หรือรู้สึกด้านในบิดเป็นเกลียว หรือรู้สึกเหมือนโดนหยิกดึง” 

 

 

“รู้สึกบิดเป็นเกลียว อย่างแรง มันร้อนเหมือนจะไหม้” 

 

 

กโยซึลจับท้องไปด้วยจับเอวไปด้วย หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ ความปวดที่มาๆ หายๆ นั้นทำให้การตอบคำถามหมอหลวงเป็นเรื่องลำบากนัก นางจึงปิดปากเงียบ หมอหลวงที่สุขุมมาตลอดได้ถามคำถามอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าไม่ดีนัก 

 

 

“หรือว่า ทรงตกเลือดหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ตกเลือด 

 

 

หลังจากคำพูดที่ไม่ระมัดระวังถูกเปล่งออกมา เสียงลมหายใจของหมอหลวงทั้งหมดก็เงียบไป แม้แต่ 

 

 

กโยซึลที่ไม่มีสมาธิกับสิ่งใดเพราะอาการปวดท้อง พลันใบหน้าก็ซีดเผือดลง สายตาที่สั่นเทาของนางมองไปที่แม่นม 

 

 

“ไม่มี… เราไม่เคยตกเลือด” น้ำเสียงของกโยซึลสั่นไหว แม่นมเดินเข้ามาข้างๆ แล้วจับมือของนางไว้ 

 

 

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ พระชายาของหม่อมฉันไม่มีเลือดไหลเลยแม้แต่นิดเดียวเจ้าค่ะ” 

 

 

เมื่อแม่นมตอบกลับโดยทันที ความไม่สบายใจของกโยซึลก็คลายลง แต่ทว่าก็ไม่อาจรู้สึกวางใจได้นัก ภายในครรภ์ที่เด็กทารกต้องเติบโตมาอย่างดีนั้น เหมือนมีพายุพัดผ่าน เหมือนเกิดแผ่นดินไหว และเหมือนกับเป็นสนามรบ 

 

 

เจ็บปวด 

 

 

อาการเจ็บครรภ์นั้นมันทำให้เจ็บใจเสียยิ่งกว่าเจ็บกาย ทุกครั้งที่รู้สึกปวดท้องหัวใจก็เหมือนถูกขยุ้ม 

 

 

ไม่นะ ไม่… 

 

 

กโยซึลภาวนาด้วยใจจริง แม้นางจะไม่รู้ว่ากำลังภาวนาต่อผู้ใด และไม่รู้ว่ากำลังภาวนาเรื่องอะไร แต่นางก็กอดท้องของตนไว้แล้วภาวนาอย่างเลื่อนลอย ร่างกายของนางดูเล็กลง สายตาทุกคู่ที่จ้องมองไหล่ของนางที่สั่นไหวนั้นคลอไปด้วยน้ำตา 

 

 

“แน่นอนว่าสำรับทุกอย่าง เครื่องดื่ม ชา ทุกอย่างนั้นฝ่ายหมอหลวงดูแลอยู่ และกระหม่อมก็เป็นคนสุดท้ายที่ตรวจสอบอีกทีอย่างละเอียดถี่ถ้วน…” หมอหลวงที่กำลังพูดอยู่หยุดชะงัก สายตาของเขาหันไปมองโต๊ะสำรับที่เก็บจานไปแล้วข้างๆ เบาะรองนั่ง 

 

 

“หรือว่าจะเป็นหนึ่งในขนมพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“นั่นน่ะสิ” รูแฮตอบแทนกโยซึลที่ไร้เรี่ยวแรง 

 

 

“กระหม่อมมั่นใจว่าได้ตรวจสอบน้ำชาอย่างดีแล้ว แต่ว่าขนมที่วางอยู่ข้างๆ นั้น กระหม่อมไม่เคยเห็นมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงผายมือออกไปอย่างข้องใจ บนจานขนมเล็กๆ นั้นมีต๊อกชิ้นพอดีคำวางรวมกันอยู่ 

 

 

“นี่คือต๊อกที่พระชายาทรงได้รับมาเป็นของขวัญ ช่วงนี้ทรงโปรดมันมากเจ้าค่ะ” 

 

 

ในคราวนี้แม่นมตอบให้แทน บรรยากาศช่างแปลกประหลาด กโยซึลหายใจออกมาเบาๆ แล้วมองไปที่หมอหลวง หมอหลวงถามนางกลับอย่างสุภาพ 

 

 

“กระหม่อมขอตรวจดูหน่อยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

สายตาของกโยซึลสั่นระริก ตอนนี้พอจะคาดเดาความสงสัยของหมอหลวงได้แล้วว่าต๊อกนั้นอันตราย แต่นั่นเป็นความสงสัยที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะต๊อกนี้คือของขวัญที่กโยยองเพิ่งนำมาให้เมื่อไม่นานนี้ด้วยตนเอง 

 

 

“สิ่งนั้น สิ่งนั้น ชา…” 

 

 

“จงพิจารณาดูเถิด” 

 

 

ขณะที่กโยซึลกำลังจะพูดออกมาอย่างร้อนรน รูแฮก็รีบพูดตัดบทออกไปก่อน สายตาที่สั่นไหวของ 

 

 

กโยซึลสบกับสายตาที่แข็งทื่อของรูแฮ กโยซึลส่ายหน้า 

 

 

ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่ 

 

 

รูแฮพยักหน้า 

 

 

ไม่เป็นไร หากไม่มีปัญหาอันใด ก็จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น 

 

 

แม้การพยักหน้านั้นจะไม่สามารถส่งสารในใจมาได้ทั้งหมด ทว่ารูแฮนั้นเชื่อถือได้ 

 

 

หมอหลวงนั่งตรวจดูต๊อกอยู่ตรงนั้น พวกเขาพลิกดูต๊อกแต่ก็ไม่เจออะไร ผงแป้งที่ติดต๊อกอยู่ก็ดูปกติ และหมอหลวงก็ได้หยิบเข็มที่พกมาด้วยขึ้นมา พร้อมกับเครื่องมือไม่กี่อันนำขึ้นมาตรวจ รูแฮที่กำลังมองอยู่ถามขึ้นว่า 

 

 

“มีปัญหาอะไรบ้างหรือไม่” 

 

 

“…แม้จะมิอาจรู้ได้ในตอนนี้ แต่กระหม่อมขอนำต๊อกไปตรวจสอบอีกทีได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

หมอหลวงก้มศีรษะลงถามกโยซึล แล้วกโยซึลก็พยักหน้าตอบกลับอย่างไม่มีทางเลือก 

 

 

เมื่อการตรวจสอบจบลง หมอหลวงก็ออกไปจากตำหนักดงบี ส่วนรูแฮที่มองพวกเขาอยู่ก็เดินตามไปอย่างเงียบๆ  

 

 

“จะไปไหนหรือ” 

 

 

“ฝ่าบาทฮวางเซจา” 

 

 

หมอหลวงหันไปหารูแฮพร้อมกับโค้งคำนับ ในตอนนี้ผู้ช่วยหมอหลวงเดินกลับไปแล้ว ส่วนหมอหลวงนั้นกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในวังตะวันออก และในมือของเขาก็ถือต๊อกที่ได้มาจากกโยซึลอยู่ 

 

 

“อย่างไรก็ตามกระหม่อมคิดว่าควรจะต้องยื่นอุทธรณ์ไปที่วังตะวันออกนะพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงพูดออกมาอย่างลังเล สายตาของรูแฮหม่นลง เขาหันไปหาหมอหลวงและเดินเข้าไปใกล้ 

 

 

“มีปัญหาอย่างอื่นใช่หรือไม่ มันคืออะไร ปัญหาที่ไม่สามารถบอกพระชายาฮวางแทจาได้นั้นมันคืออะไรกันแน่” 

 

 

สายตาที่แข็งกร้าวของรูแฮบีบคั้นหมอหลวง 

 

 

*** 

 

 

หลังจากผ่านวันที่กโยซึลปวดครรภ์ไปได้ไม่กี่วัน กโยยองก็กลับมาที่ตำหนักดงบีอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกันนางไม่ได้อยู่นาน หลังจากที่นางเดินออกจากตำหนักดงบีก็ได้มีคนเดินตามหลังนางไป 

 

 

“พระชายารองฮวางแทจา กโยยอง” 

 

 

“ฝ่าบาทฮวางเซจา” กโยยองทักทายด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง นางมักจะกล่าวทักทายกับรูแฮอยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าท่าที่ของนาง และสีหน้าของรูแฮในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ 

 

 

“วันนี้ก็นำต๊อกมาถวายพระชายาฮวางแทจาหรือ” 

 

 

“…เพคะ?” 

 

 

กโยยองเงยหน้าขึ้นเพราะคำถามของรูแฮที่มาถึงก็พูดอย่างไม่เกริ่นนำ ในมือของรูแฮถือกล่องที่ใส่ต๊อกที่กโยยองนำมาให้กโยซึลเมื่อคราวก่อนอยู่ 

 

 

“นี่คือของที่พระชายารองฮวางแทจาทรงเตรียมมาใช่หรือไม่” 

 

 

“ฝ่าบาทฮวางเซจาทรงมีสิ่งนี้อยู่ได้อย่างไรเพคะ” 

 

 

“พระชายารองฮวางแทจาทรงเตรียมสิ่งนี้เองใช่หรือไม่” 

 

 

“…” 

 

 

“ตอบเรามา” 

 

 

กโยยองไม่ตอบอะไร นางกัดริมฝีปากที่แห้งผากของตนแล้วมองลงไปที่กล่องใส่ตอกที่อยู่ในมือของรูแฮ 

 

 

“สิ่งที่พระชายารองฮวางแทจาทรงเตรียมให้กับพระชายาฮวางแทจานั้นคือต๊อกนี้ใช่หรือไม่” 

 

 

รูแฮถามจี้ มือที่สั่นเทาของกโยยองยกขึ้นไปบนอากาศ 

 

 

“พอได้แล้วเพคะ” และในขณะที่กโยยองกำลังจะเอามือลงนั้น ก็มีอีกเสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้น รูแฮมองขึ้นไปด้านบนด้วยความงงงวย กโยองก็มองไปด้านหลังเช่นเดียวกัน กโยซึลออกมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ 

 

 

“…พระชายาฮวางแทจา” 

 

 

“พวกท่าน เข้ามาด้านในก่อนเถิด” 

 

 

“เราขอสั่งอย่างสุภาพในฐานะพระชายาฮวางแทจา ฮวางเซจาและชายารองฮวางแทจา กรุณาเข้ามาข้างใน” น้ำเสียงของกโยซึลที่สั่งรูแฮกับกโยยองนั้นเป็นน้ำเสียงที่เบาและเคร่งครัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

 

 

“และโปรดเอาต๊อกกับกล่องที่ใส่มาด้วย” 

 

 

มือของรูแฮและกโยยองสั่นพร้อมกัน ทั้งคู่กำลังถือกล่องเล็กๆ อยู่คนละกล่อง