นายน้อยจวินใช้เคล็ดอิสระหยินหยาง และแอบเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า ขโมยชุดมาใส่ แทนที่บนไม้แขวนนั้นด้วยชุดที่ทำจากเศษผ้าของเขา และหาทางกลับไปยังที่พำนักสกุลจวิน

นายน้อยจวินยังไม่มีผีมือมากพอที่จะใช้เคล็ดอิสระหยินหยางและกลับไปยังที่พักสกุลจวินภายในคราวเดียว ซึ่งเป็นเหตุให้การเดินทางกลับไปของเขานั้นจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง !

ในตอนนี้ ที่พำนักสกุลจวินอึกกระทึกไปด้วยความตื่นเต้น !

มันเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะอธิบาย ไม่เพียงแต่เหล่าพ่อบ้านวิ่งไปมาด้วยความตื่นเต้น แม้แต่ผู้อาวุโสจวินก็ยังวิ่งไปมาด้วย !

หนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมายังที่พำนักสกุลจวินอย่างกระทันหัน ซึ่งมันเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับพวกเขา !

นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถพบได้ทั่วไป แม้แต่กับสกุลที่ทรงอิทธิพลเช่นนี้ !

ในตอนที่มาถึงสกุลจวิน เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้เผยนามจริงของเขาในทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการปิดบังประสงค์ที่แท้จริงของการมาถึงของเขา และเลือกที่จะใช้ประสงค์ที่จะรักษาไฮเฉินเฟิงเพื่อเป็นจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเขาอย่างชาญฉลาด

แม้แต่แปดยอดปรมาจารย์ยังไม่อับอายที่จะขอคำชี้แนะ และมุ่งมั่นที่จะมองหาความช่วยเหลือ แต่มันค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกสำหรับเขาที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากเด็กต่อหน้าผู้คนมากมาย

การมาถึงของเขานั้นทำให้ที่พำนักสกุลจวินวุ่นวาย มากจนจวินจ้านเทียนและจวินวูอี้ต้องพุ่งออกมาพบและต้อนรับ ตัวเขาและไฮเฉินเฟิงที่ใกล้ตาย ด้วยตัวเอง พวกเขาละทิ้งงานของตัวเองและเชิญให้ทั้งสองเข้ามายังห้องทานอาหารอย่างจริงใจ

หลังจากที่ได้ยินว่า นายน้อยสามจวินยังไม่กลับมาจากการเดินทาง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกล่าวออกมาอย่างใจกว้างว่า ไม่เป็นไร และ ลิ้มรสชาติของน้ำชาพื้นบ้านของสกุลจวิน ในขณะที่ฟังเรื่องราวเรื่อยเปื่อยจากจวินวูอี้และจวินจ้านเทียน

จวินจ้านเทียนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ผ่านศึกสงครามมาอย่างมากมาย มีชื่อเสียงว่าเป็นยอดขุนพลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่กลับสงบเสงี่ยมเจียมตัวลงอย่างรวดเร็วเนื่องด้วยตกตะลึง และต้อนรับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวด้วยท่าทางที่สงบและเป็นปกติ ทำให้เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ

ผู้อาโสจวินเจตนาที่จะยอมรับความไว้วางในของสกุลต่อหน้าของแขกผู้นี้อย่างรวดเร็ว

“ วูอี้ เจ้าไปดูว่าโม่เซี่ยกลับมาแล้วยัง เมื่อเขากลับมา เจ้าจะต้องรีบพาเขากลับมาที่นี่ การช่วยชีวิตนั้นเป็นดั่งการต่อสู้กับกองเพลิง ไม่สามารถรอได้แม้แต่น้อย ”

เห็นได้ชัดว่าความหมายของจวินจ้านเทียนนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมายังสกุลของเราเพื่อมองหาการช่วยเหลือทาการรักษา แต่หลานชายของเขานั้นมีความสามารถจะรักษาเพื่อนของเขาหรือ ? หลานรักของเขาอาจจะสามารถรักษาการบาดเจ็บที่ฝังลึกของลูกชายของข้าได้ แต่พวกเราก็ไม่ได้เห็นความสามารถทางการรักษาที่แท้จริงของเขาอีกเลยนับแต่นั้น และมันจะเป็นอันตรายกับพวกเราหากเขาไม่สามารถที่จะทำตามความต้องการของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้ …

เนื่องด้วยที่เข้าใจสิ่งนี้ จวินวูอี้จึงรอหลานชายของเขาอยู่ที่ประตูอย่างเต็มใจ เนื่องจากเขาต้องการที่จะรู้เรื่องราวเหล่านั้น และจะไม่ปล่อยให้หลานชายของเขารีบร้อนเริ่มการรักษาหากเขาไม่สามารถที่จะรับมือกับมันได้

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่แท้จริงของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวที่ไม่ได้สนใจถึงความล่าช้านี้ เพราะเขาต้องการที่จะรู้เรื่องของจวินโม่เซี่ยให้มากกว่านี้ก่อนที่จะได้พบเขาเป็นการส่วนตัว เพราะว่าเขานั้นรู้เรื่องของเห็นหนุ่มผู้นั้นเพียงแค่หยิบมือ และหวังว่าจะสามารถประเมินความหุนหันของเด็กหนุ่มผู้นั้นได้จากสกุลของเขา

“ ข้าได้รับการขอให้มาที่นี่และถามหานายน้อยจวิน ”

คำพูดของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นมากพอที่จะทำให้จวินวูอี้และจวินจ้านเทียนรู้ว่านี่ไม่ใช้เหตุบังเอิญและพวกเขาทั้งสองครุ่นคิด 

 เช่นนั้น มันเกิดอะไรขึ้น !

พวกเขาคาดว่า ทายาทของพวกเขานั้นจะต้องมีความลับอะไรบางอย่าง เนื่องจากเด็กหนุ่มผู้นั้นทรงพลังอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงไม่พูดถึงที่อยู่ของเขาเมื่อเร็วๆนี้ เหตุการณ์นี้มากพอที่จะทำให้พวกเขาคาดการณ์ได้ว่า ทายาทหนุ่มของเขานั้นจะต้องมีตัวตนที่ทรงพลังอย่างมาก

ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่เกรงกลัวการเผชิญหน้ากับคฤหัสน์ฉือฮั่น … และนี่คือเหตุผลนั้น !

ผู้เฒ่าจวินได้ประเมินก้าวข้ามไปอีกขั้นหนึ่ง และคาดเดาเอาว่าหลานชายของเขานั้นจะมีอิทธิพลมากกว่าสิ่งที่เขาได้คาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ได้รับการขอให้มาและถามหา …. หลานชายของเขา  !

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้รับการยอดมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้น ผู้ใดที่ทรงพลังพอที่จะบอกให้เขา มาและถามหา หลานชายของข้ากัน ? ผู้ใดกันที่ชี้ทางให้เขามาหาพวกเรา ?

และในอนาคต คนผู้นี้จะเปิดเผยตัวเองออกมาหรือ ?

ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทางของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวในตอนที่เอ่ยชื่อจวินโม่เซี่ยนั้นสุภาพและมีความเคารพอย่างมาก นี่เป็นธรรมชาติมากพอที่จะกลั่นกรองจินตนาการของเขาให้ดีขึ้น

เป็นที่รู้กันว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นมีความกบฏ และข้าเชื่อว่าคนอย่างลี่จื้อเทียนด็ไม่สามารถได้รับความเคารพมากมายเช่นนี้จากชายผู้นี้ได้ !

เอาละ และผู้ใดกันในโลกนี้ที่ทรงพลังมากกว่าลี่จื้อเทียน ? ใครกันที่ทรงพลังมากพอจนทำให้ชายผู้นี้เคารพและนับถือเขา ?

สิ่งนี้กำลังบอกอะไร ? เห็นได้ชัดว่านี่ต้องเป็นการกระทำของยุ่นเบ้ยเฉิน !

กับการมียุ่นเบ้ยเฉินหนุนหลัง มันไม่น่าแปลกใจเลยที่จวินโม่เซี่ยจะไม่เกรงกลัวลี่จื้อเทียน ! ลีจื้อเทียนนั้นไร้ความสามารถหากเปรียบกับยุ่นเบ้ยเฉิน …

เด็กผู้นี้มีความลับมากมาย และอาจจะกำลังเอาชนะความชมเชยของยุ่นเบ้ยเฉิน แต่หากยุ่นเบ้ยเฉินพบว่าเขาไม่สามารถที่จะรักษาคนที่กำลังจะตายได้ และสิ่งที่จะย้อนกลับมาหาพวกเรา …

ผู้เฒ่าจวินและผู้เฒ่าวูอี้ ยินดีที่ได้ยินว่าหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยอมรับว่าตัวเขาไม่ได้แข็งแกร่งเช่นยุ่นเบ้ยเฉิน แต่เมื่อมันมาถึงเรื่องความเคารพ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนั้นก็ยังไม่ได้รับการเคารพนับถือจากเขา พวกเขาถือว่าส่วนที่สองในคำพูดที่ยิ่งทะนงและอาจหาญของเขานั้นเป็นธรรมชาติของเขา มากกว่าความทะเยอทยานในการแข่งขันกับยุ่นเบ้ยเฉิน เมื่อเขาพร้อมที่จะต่อสู้ !

ดังนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและผู้เฒ่าจวินจึงยิ้มให้กันอยู่ตลอดเวลาด้วยความเข้าใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าความคิดของพวกเขานั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง !

ในเวลานี้ กวนดุงหลิวได้ยินถึงการมาถึงนี้ ในขณะที่ได้รู้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมายังที่พำนักสกุลจวินด้วยตัวเอง กวนดุงหลิวปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก

สกุลจวินมีอำนาจเช่นนี้หนุนหลัง ไม่แปลกใจเลย คฤหัสน์ฉือฮั่นเป็นเพียงแค่สมาคม และลีจื้อเทียนก็ไม่เคยช่วยเหลือพวกเขาเลยจริงๆ …. พวกเขาใช่ชื่อของเขาเพราะว่าพวกเขานั้นเกี่ยวข้องกัน แต่กระนั้น สกุลจวินสามารถร้องขอให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมายังที่พำนักของพวกเขาด้วยตัวเอง มันก็เทียบกันได้ใช่ไหม ?

โชคดี ที่ข้าเลือกตัวเลือกที่มีน้อยนิดด้วยอารมร์ของข้าในตอนนี้ มิเช่นนั้นข้าคงจะหลงทางไปอยู่ข้างเดียวกับคฤหัสน์ฉือฮั่น และจบลงด้วยการยั่วยุความโกรธของสกุลจวินและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวที่แข็งแกร่ง !

ดูเหมือนว่าสกุลจวินนั้นมีสติปัญญาอย่างมาก และความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังคงหนักแน่น …

เขาเหงื่อออกอยู่เป็นเวลานาน และจากนั้นจึงเข้าไปร่วมวง …

พวกเขาแต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่พวกเขาแต่ละคนหวังว่าพวกเขาได้รับการปกป้องจากกลยุทธ์ที่ประหลาดและแผนการที่น่าอัศจรรย์ และมั่นใจในศัทธาที่ว่าพวกเขาจะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี

ดังนั้น เจ้าของบ้านและแขกจึงอยู่ในอารมณ์ที่สนุกสนาน

ในเวลาที่จวินโม่เซี่ยมาถึง ทุกคนต่างง่วนอยู่กับการพูดคุยอยู่ในห้องทานอาหาร ทุกคนรวมถึงเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวดูเหมือนจะมีอารมณ์ที่ดี

จวินวูอี้คว้าตัวหลานชายมาในทันที

“ เจ้าทำอะไรอยู่ ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมาหากเจ้าที่นี่ ? เจ้าช่วยรักษาสหายของเขาได้จริงๆหรือ ? ”

จวินโม่เซี่ยกระวนกระวายอยากที่จะกลับไปยังห้องของเขา เนื่องจากเขาต้องการจะสวมใส่ชุดชั้นในก่อน เพราะเขารู้สึกไม่สบายตัวหากไม่มีมัน

“ ช่างเถิด ให้เขารอไปก่อน ข้าขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน และจากนั้นข้าจะไปพบกับเขา ”

จวินโม่เซี่ยรีบเร่งกลับไปยังห้องของเขา

จวินวูอี้คว้าตัวเขาไว้อีกครั้ง

“ ชุดนี่มันมีอะไร ? มันก็ดูสะอาดแล้สำหรับข้า มาเลย ! ”

เขากึงผลักกึ่งดึงตัวจวินโม่เซี่ยมายังห้องอาหารอย่างร้อนรนอย่าไม่สุภาพ

“ นั่นเจ้า ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมองขึ้นมาและนึกได้ว่านี่คือชายที่เป็นเจ้าของสุราที่ทำให้เขาสำราณที่สุดเมื่อหลายวันก่อน เห็นได้ชัดว่ามันทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก คนที่เขากำลังมองหาอยู่นั้นกลับกลายเป็นเพื่อนของเขา และยิ่งไปกว่านั้นเขาจึงรู้สึกเคารพอย่างมากก่อนหน้านี้ เนื่องจากเด็กผู้นี้มิใช่คนที่เขาคิดว่าจะเป็นคนหยาบคายในการพบกันก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขาหมดกังวล !

“ ข้ารักสุราของเจ้าพ่อหนุ่ม ข้าดื่มสุราสองเหยือกนั้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ข้านั้นหุนหันอย่างมากเนื่องจากข้าไม่คิดว่าสุรานั้นจะสามารถเทียบกับของเจ้าได้ และข้าก็ไม่สามารถตามหาเจ้าได้หลังจากนั้น ! ”

น้ำลายของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเกือบจะล้นออกมาจากปากเมื่อเขาคิดถึงสุรา ความจริง เขาลืมประสงค์ที่แท้จริงในการมาที่นี่ของเขาไปเสียแล้ว

“ เจ้าจะต้องจ่ายเงินข้ามาหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน หากเจ้าต้องการดื่มสุราของข้าอีก ”

คำตอบของจวินโม่เซี่ยทำให้จวินจ้านเทียนและกวนดุงหลิวต้องตกตะลึง และใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงก่ำในทันที พวกเขาค่อนข้างประหลาดใจที่รู้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสนใจในสุราของเด็กผู้นี้ แต่การตอบกลับอย่างหน้าด้านๆทำให้พวกเขาสับสนและโมโห

ชายทั้งสองบ่นกับตัวเอง

นั่นคือเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว หนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์ เจ้าเข้าใจถึงความสำคัญของสถานการณ์นี้ไหม ? เขาบอกว่าเขาชอบสุราของเจ้า และแทนที่เจ้าจะเอามาให้เขาสักถัง และใช้มันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง เจ้ากลับอ้าปากและบอกให้เขาจ่ายไปในราคาที่สูงลิ่ว ?! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ?!

เจ้าต้องการที่จะไล่เขาไปหรือ ?

ตรงข้ามกับการคาดการของชายทั้งสอง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ แต่กลับหัวเราะออกมาดังลั่น เขากับว่าเขาสนุกกับเรื่องตลก

“ แม่งเอ้ย ข้าจะจ่ายให้เจ้าตามที่เจ้าต้องการ แต่เอาสุรามาให้ข้าก่อน ! ”

จากนั้นเขาจึงหัวเราะต่อไปอีก

“ ข้าพอมีเงินอยู่กับตัวบ้าง อน่ามันคงจะไม่มากพอ แต่ขอให้ข้าติดหนี้เจ้าหนึ่งคืน และข้าจะไปปล้นสกุลที่ร่ำรวยในตอนเช้า และข้าจะให้เงินแก่เจ้าสักสองสามแสนตำลึงเงินเป็นการตอบแทน นั่นคงจะมากพอที่จะตอบแทนการเป็นหนี้ของข้าได้ใช่ไหม ? ตอนนี้เอามาให้ข้าดื่ม ! ”

ทุกคนตึงเครียดอย่างมาก ! เแปดยอดปรมาจารย์บอกว่าการปล้นเอาเงินผู้คนเป็นเหมือนอาชญากรรมที่แสนธรรมดา งั้นหรือ ?!

“ บางทีเจ้าอาจจะไม่เข้าใจคำพูดของข้า ข้าปฏิเสธการต่อรองนั้นเนื่องจากข้าทำเป็นธุรกิจเล็กๆ และธุรกิจเล็กๆดำเนินไปด้วยเงินสด และดังนั้นข้าจึงไม่สามารถให้เจ้าติดหนี้ได้ โปรดอภัยให้ข้าด้วย ”

ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของจวินโม่เซี่ยจะไม่มีความยินยอมแม้แต่น้อย และมันก็ตรงไปตรงมาอย่างมาก

“ หากเจ้าไม่มีเงิน ข้าก็จะไม่ขายอะไรทั้งสิ้น ! ”

จวินโม่เซี่ยกระทำตัวอย่างแข็งกร้าว เนื่องจากเขารู้ว่าเขาถือไพ่ทั้งหมดในเหมส์นี้เอาไว้แล้ว

เจ้ามาที่นี่เพื่อเรียนรู้จากข้า และเจ้ายังต้องการให้ข้าช่วยเหลือในการรักษา และตอนนี้เจ้ายังจะมีขอดื่มสุราข้าฟรีๆอีกหรือ ?

สามสิ่งนั้น ! หากข้าไม่ขอให้เจ้าตอบแทนอะไรบางอย่าง มันก็คงจะเป็นการขัดต่อธรรมชาติในการซื้อขาย !

ใบหน้าของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่ขมขื่น ราวกับเร่ิมที่จะวิงวอนได้ตอลดเวลา และทันใดนนั้นเขาจึงขมวดคิ้วขณะที่ตอบกลับอย่างโมโห

“ เจ้าช่างน่ารำคาณ ข้า ข้า ข้า ข้าจะออกไปปล้นผู้คนเดี๋ยวนี้ เจ้าจะต้องเสียใจในภายหลัง ! ”

“ ไปเถิด ! ”

จวินโม่เซี่ยตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ

“ ออกไป และตรงไปราวๆเจ็ดร้อยเมตร และเลี้ยวขวา เจ้าจะพบกับประตูของสกุลที่ร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรที่นั้น สกุลมูล่ง แม้ว่าจะมีเงินมากมายที่นั้น แต่ข้าเชื่อว่ามันเป็นงานที่ยาก และหากมันมากเกินไปที่จะรับมือ ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าเลี้ยวขวา และเดินตรงไปอีกจนเจ้าเห็นประตูสีทองแดงโกโรโกโส เข้าไปที่นั้นและเจ้าควรจะพบว่ามีเงินมากพอ นั่นคือบ้านของมหาเสนากระทรวงคลัง และเจ้าจะพบกับสกุลที่มั่งคั่งในบริเวณนั้นด้วย ความจริงแล้ว หากเจ้าค้นหาในพื้นที่ที่เหมาะสม เจ้าจะได้พบกับพ่อค้าและเจ้าหน้าที่ผู้ร่ำรวยอยู่แถวนั้น และจ้าน่าจะปล้นเงินมาได้มากพอจากที่นั้น ”

“ ข้ายินดีที่จะรออยู่ที่นี่เมื่อเจ้าชิงทรัพย์มาได้จำนวนหนึ่ง ”

จวินโม่เซี่ยยิ้มและพูด

“ ผู้เฒ่าเหยี่ยว ข้าของให้เจ้าโชคดี ตราบใดที่เจ้าสามารถปล้นในบริเวณนั้นได้ ข้าก็จะมอบสุราให้เจ้ามากพอที่จะให้เจ้าได้ดื่มไปตลอดชีวิต ความจริงหากเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะไม่เพียงแต่มอบสุราให้เจ้าดื่มจนเมามายในทุกๆวัน แต่ข้าจะมอบสุราให้เจ้ามากพอที่จะเอาไปอาบได้เลย ! ”