กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 976

เยี่ยจิ่งหานดึงเสื้อผ้าที่เพิ่งแห้งมาปิดคลุมร่างกายไว้ และจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา

หากไม่ใช่เพราะในร่างกายของนางมีดวงวิญญาณของอาหน่วนอยู่ หากไม่ใช่เพราะนางช่วยชีวิตเขาไว้ เขาแทบอยากตบนางให้ตายตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

ผู้หญิงอะไรชอบปลดเปลื้องเสื้อผ้าผู้ชาย หากไม่รู้คงคิดว่านางไม่เคยเจอผู้ชายแน่ๆ

เมื่อนึกถึงตัวเองที่ถูกนางปลดเปลื้องเสื้อผ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความโกรธของเยี่ยจิ่งหานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เขารวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีและคิดอยากสั่งสอนนางสักหน่อย

จากนั้นกลับกระอักเลือดออกมา

“ร่างกายยังมีบาดแผลอยู่ก็อย่าเพิ่งฝืนเลย แค่เห็นร่างกายของเจ้าเท่านั้น คนอื่นเขาก็มีเหมือนๆ เจ้า จะหวงแหนไปทำไม อีกอย่างเจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าข้าปลดเสื้อผ้าของเจ้าเพื่ออะไร”

กู้ชูหน่วนปักเข็มเงินไปที่จุดชีพจรของเขาหลายจุด หลังจากการฝังเข็ม เยี่ยจิ่งหานก็กระอักเลือดออกมา

“บาดแผลภายในของเจ้าเกิดจากการกดทับของก้อนหินขนาดใหญ่นั้น โชคดีที่ขับเลือดเสียออกมาได้แล้ว พักผ่อนสักระยะหนึ่งก็หายเอง”

ทันใดนั้นร่างกายภายในก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้น กำลังภายในก็ค่อยๆ กลับมาอีกครั้ง ทว่าเขายังคงปวดหลังเหมือนเดิม และถึงขั้นที่ไม่สามารถขยับได้

ส่วนขาของเขาก็แทบไม่ต้องพูดถึงเลย

“ที่นี่น่าจะเป็นนอกชานเมือง ข้าได้ทำเกวียนหวายขึ้นมา หากเจ้าไม่รังเกียจก็ขึ้นมา”

กู้ชูหน่วนชี้ไปยังเกวียนหวาย

บริเวณพื้นของเกวียนหวายนั้นใช้แผ่นไม้รองเป็นฐาน ส่วนรอบๆ นั้นใช้หวายสานเข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถเข้าไปนั่งได้หนึ่งคนพอดี

ทว่าเกวียนหวายไม่มีล้อ และไม่มีม้าลากจูง และทำได้เพียงลากไปเท่านั้น

เยี่ยจิ่งหานอยากจะเปลี่ยนเกวียนหวายให้เป็นเกวียนล้อเลื่อน ทว่าที่นี่เป็นหุบเขาหิน นอกจากหินขนาดยักษ์แล้ว กลับไม่มีต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว ไม่รู้ว่านางไปหาท่อนไม้เล็กๆ มาได้อย่างไร

“ที่นี่ไม่มีคนแม้แต่คนเดียว เราต้องเดินไปไกลแค่ไหนถึงจะออกไปจากที่นี่ได้”

เยี่ยจิ่งหานอยากบอกนางว่า ใช้เกวียนหวายลากเขาไปก็เหนื่อยเปล่าและต้องเดินไกลมาก

นางสามารถทิ้งเขาไว้ที่นี่ได้ และเดินออกไปเพียงลำพัง

“เจ้าบาดเจ็บเพราะข้า หากทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ ข้าคงรู้สึกไม่ดี ไปกันเถอะ”

กู้ชูหน่วนอุ้มเขาขึ้นไปบนเกวียนหวายและโยนปลาย่างที่สุกแล้วเข้าไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นนางก็คว้าเถาวัลย์และลากไปข้างหน้า

เนื่องจากเป็นภูเขาหิน ทางเดินบนภูเขาจึงขรุขระและเป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งยากต่อการลากอย่างมาก

กู้ชูหน่วนจึงจำเป็นต้องออกแรงทั้งหมดที่นี่ในการลากให้เลื่อนไปข้างหน้า

บางครั้งถึงกับต้องอุ้มทั้งคนและเกวียนไปพร้อมๆ กัน

ไม่นานมือของนางก็มีเลือดออก

เลือดไหลหยดย้อยไปตามเถาวัลย์ และหยดไปตามพื้นผสมเข้ากับดินโคลน

แววตาของเยี่ยจิ่งหานจับจ้องไปยังมือที่มีเลือดออกของนางอย่างไม่ละสายตา จากนั้นจึงพูดขึ้นมา “พอเถอะ การพาข้าไปด้วยไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลย”

“ข้าบอกแล้วไง หากไปก็ไปด้วยกัน หากจะอู่ก็อยู่ที่นี่ด้วยกัน ก็แค่ภูเขาหินลูกเดียวเท่านั้น ประเดี๋ยวก็ออกไปได้”

พระอาทิตย์เปรียบเสมือนไฟ เลือดและหยาดเหงื่อผสมกันหยดย้อยลงพื้นอย่างต่อเนื่อง และหัวใจของเยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

เขาคิดว่าทนไปอีกหน่อยก็คงใกล้ถึงแล้ว

ใครจะไปรู้ว่าผ่านภูเขาลูกหนึ่งแล้วยังมีอีกลูกหนึ่ง พวกเขาออกเดินทางตั้งแต่กลางวันจนตกดึกและเดินทางกลางคืนจนเช้าก็ยังออกไปจากที่นี่ไม่ได้

“มู่หน่วน ข้าบอกให้เจ้าปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้ เจ้าไม่ได้ยินหรือไง”

เขาไม่อยากสร้างความลำบากให้นางอีกต่อไป

มองดูนางเหงื่อไหลและเลือดออก ทว่ายังกัดฟันฝืนก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก และมือทั้งสองที่ลากเกวียนหวายก็แทบจะพังลง

ผู้หญิงคนนี้รังเกียจเขาออกจะตาย

เหตุใดถึงยังช่วยเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น?

เหตุใดถึงทำให้เขาทั้งรักทั้งเกลียด?

“ไม่ปล่อย ตายก็ไม่ปล่อย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าไม่มีวิธีพาเจ้าออกไปจากภูเขาหินนี้ได้”

น้ำเสียงที่กู้ชูหน่วนพูดออกมาเต็มไปด้วยเสียงหอบ เห็นได้ชัดว่านางเหนื่อยล้ามากแล้ว

“เจ้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เวลาสำคัญกลับไม่รู้หายหัวไปไหน ไม่มาสนใจข้าบ้างเลย”