กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 977

“ตุ่บ……”

กู้ชูหน่วนสะดุดก้อนหินและคุกเข่าลงไปที่พื้นทันที จากนั้นเข่าทั้งสองข้างก็มีเลือดไหลออกมา

ทว่านางกลับลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วและลากเถาวัลย์เดินต่อไปอย่างยากลำบาก

“เจ้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร ข้าช่วยเจ้าก็เพียงเพราะในร่างกายของเจ้ามีดวงวิญญาณของอาหน่วนอยู่เท่านั้นเอง หากเจ้ายังฝืนลากข้าไปเช่นนี้ก็มีแต่เสียแรงเปล่า”

“เจ้าคิดเช่นนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็ยอมรับว่าเจ้าอ้วน รอให้ออกไปจากภูเขาหินให้ได้ เจ้าควรจะลดน้ำหนักเสียบ้าง”

เยี่ยจิ่งหานกลอกตา

สำหรับคำพูดแทงใจดำของนางนั้น เขาได้คุ้นชินและเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปนานแล้ว

เยี่ยจิ่งหานมองไปยังภูเขาหินที่อยู่ไกลออกไปอย่างเหม่อลอยและไม่พูดอะไร

กู้ชูหน่วนหันไปมองและเห็นเขากำลังนั่งเหม่อลอยเพียงลำพัง และคิดว่าเขากำลังกังวลใจจึงพูดปลอบใจขึ้นมา “ดวงวิญญาณทั้งหมดเจ็ดดวง ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วสี่ดวง ดวงที่ห้าอยู่ที่จักรพรรดินีตัวปลอม มีโอกาสเราแย่งแย่งชิงกลับคืนมา ส่วนอีกสองดวงที่เหลืออีกไม่นานก็หาเจอ ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยก็ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาอยู่ด้วยกันกับเซี่ยวอวี่เซวียน ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางตายง่ายๆ”

“ข้ารู้ว่าดวงที่ห้าอยู่ในมือของจักรพรรดินีตัวปลอม”

และนี่ก็คือเหตุผลสำคัญที่เขาอยากทำให้ขาทั้งสองข้างหายดี

เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนไม่ยอมปล่อยทิ้งเขาไว้

เยี่ยจิ่งหานพูดขึ้นมาด้วยแววตาที่แน่วแน่ “ข้าติดหนี้บุญคุณของเจ้า หากในอนาคตเจ้าต้องการอะไร ข้าสามารถทำตามความต้องการของเจ้าได้”

“ถึงตอนนั้นเอาดวงวิญญาณคืนไปแล้วก็อย่าฆ่าข้าก็แล้วกัน”

เยี่ยจิ่งหานหัวเราะ ราวกับหิมะที่หลอมละลาย

และตอนนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจกู้ชูหน่วนอีกต่อไป

ในทางกลับกัน ความรู้สึกพิเศษบางอย่างกลับกำลังผลิบานออกมา

หากอาหน่วนอยู่ที่นี่ จะต้องพูดจาทิ่มแทงใจดำเช่นนี้เหมือนกัน ทว่าการกระทำของนางกลับทำให้เขาซึ้งใจขึ้นมา

เยี่ยจิ่งหานหลับตาลงและกระตุ้นกำลังภายในเพื่อรักษาบาดแผล

ไม่นานกำลังภายในของเขาก็ฟื้นฟูกลับมา

แต่สองขาของเขา……

เดิมทีก็ยังไม่หายดีและยังถูกหินก้อนใหญ่ถล่มทับลงมา หากคิดจะรักษาให้หายเป็นปกติ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาไม่น้อย

เยี่ยจิ่งหานยื่นผ้าไหมออกไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้นาง และรับรู้ได้ถึงเสียงหายใจหอบของนาง

กู้ชูหน่วนยกมุมปากขึ้นและปล่อยให้เขาเช็ด “หากเจ้าอ่อนโยนและใส่ใจกว่านี้อีกหน่อย ไม่แน่ข้าอาจพิจารณาแต่งงานกับเจ้าก็ได้”

“ฝันไปเถอะ บนโลกใบนี้นอกจากอาหน่วนแล้ว ข้าไม่ต้องการใครทั้งนั้น”

“เจ้าอารมณ์ร้ายออกขนาดนี้ เทียบก็เสี่ยวเซวียนเซวียนแล้วยังห่างกันอยู่มาก หากเจ้าไม่เปลี่ยนเสียบ้าง ข้าเลือกที่จะแต่งงานกับเขายังดีเสียกว่าแต่งงานกับเจ้า”

“……”

เดินทางต่อไปอีกนานแสนนาน กู้ชูหน่วนทนต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้หาที่ร่มและนั่งพักผ่อน

นางค้นหาวงแหวนอวกาศอยู่นานและในที่สุดก็เจอหมั่นโถวลูกหนึ่ง

ไม่รู้ว่าหมั่นโถวนี้นานแค่ไหนแล้ว มันมีสภาพแข็งมาก

ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่ก็ทำให้พวกเขาน้ำลายไหลขึ้นมาได้

เดินทางมาไกลขนาดนี้ พวกเขากลับไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

กู้ชูหน่วนกลืนน้ำลายและยื่นหมั่นโถวออกไปให้เยี่ยจิ่งหาน

“เจ้าเป็นคนป่วย เจ้ากินก่อนสิ”

“ข้าไม่หิว เจ้าลากข้าเดินมาไกลขนาดนี้ เจ้ากินไปเถอะ”

“ไม่มีเป็นเหล็กเสียหน่อยที่ไม่รู้สึกหิว รีบกินเข้าไปเถอะ ข้าลองหาดูอีกว่ามีอะไรอีก”

ของในวงแหวนอวกาศไม่ได้มีมากมาย กู้ชูหน่วนทำการค้นหาอีกครั้งและเจอขนมเปี๊ยะดอกไม้จำนวนหนึ่ง

ขนมเปี๊ยะดอกไม้ถูกของบางอย่างทับจนแบน ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่ามันอยู่ข้างในมานานแค่ไหนแล้ว ทว่ากลิ่นหอมนั้นเสมือนเพิ่งออกมาจากเตาอบยังไงยังงั้นเลย

เดิมทีก็หิวอยู่แล้วและเมื่อได้กลิ่นหอมของขนมเปี๊ยะดอกไม้เข้าไปอีก ทั้งสองจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหิวขึ้นมา

ทว่าพวกเขากลับไม่อยากอาหารเลยสักนิด

มองไปยังขนมเปี๊ยะดอกไม้ ในหัวของกู้ชูหน่วนก็มักมีภาพขุ่นมัวของคนที่สวมชุดฟ้าครามปรากฏขึ้นมา

ทุกครั้งที่มองขนมเปี๊ยะดอกไม้ นางมักจะน้ำตาคลอขึ้นมาทุกครั้ง

มักรู้สึกว่านางได้ลืมอะไรบางอย่างไป

เยี่ยจิ่งหานกลับนึกถึงอาหน่วน และนึกถึงอี้เฉินเฟย

อี้เฉินเฟยเคยเป็นคนที่อาหน่วนโปรดปราน

หลังจากนั้นก็ได้สังเวยชีวิตและกระโดดเข้าไปในหม้อปรุงกลั่นยาอายุวัฒนะเพื่อช่วยเผ่าหยกไว้