ตอนที่ 1855 -1857

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1855 การแก้แค้นของจวินอู๋เสีย (4)
  แต่ขนาดของปิ่นนั้นแตกต่างไปเล็กน้อย มันเล็กกว่าที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้กัน ดูเหมือนของที่เด็กเล็กๆจะใช้มากกว่า
  จากนั้นจวินอู๋เสียก็มองผ่านๆกล่องผ้าเหล่านั้นอีกหลายกล่อง และพบว่าส่วนใหญ่ใส่ของชิ้นเล็กๆที่เรียบง่ายและราคาถูกแบบนี้เอาไว้ สภาพของสิ่งของบ่งบอกถึงกาลเวลาที่พวกมันถูกเก็บเอาไว้ที่นั่น ในแง่ของมูลค่าแล้ว พวกมันไม่มีค่าแม้แต่อีแปะเดียว
  แต่สิ่งของทั้งหมดนั้นมีลักษณะร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเป็นสิ่งของที่อยู่บนตัวเด็ก
  กุญแจอายุยืน, กำไลเงิน……
  บนชั้นวางติดผนังทั้งสามด้านล้วนเป็นเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆของเด็กๆ
  จวินอู๋เสียแทบจะมั่นใจว่าสาเหตุที่สิ่งของทั้งหมดนี้มาอยู่ที่นี่เป็นเพราะงานอดิเรกที่น่ารังเกียจของผู้อาวุโสเยว่!
  เจ้าของของสิ่งของเหล่านี้น่าจะโดนผู้อาวุโสเยว่ทรมานอยู่ในห้องลับเล็กๆแห่งนี้ และสุดท้ายก็ตายไปอย่างหวาดกลัวและสิ้นหวัง ผู้อาวุโสเยว่เก็บเครื่องประดับพวกนี้เอาไว้เป็นถ้วยรางวัลภายในห้องลับนี้
  ความจริงนี้ทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกขยะแขยงอย่างที่สุด!
  ไม่รู้ว่าจิตใจผู้อาวุโสเยว่ทำด้วยอะไรในการเอาของพวกนี้จากศพของเด็กพวกนั้น? เขายังสบายอกสบายใจอยู่ได้อย่างไรทั้งๆที่มีวิญญาณอาฆาตวนเวียนอยู่มากมายจากการกระทำชั่วร้ายของเขา
  จวินอู๋เสียข่มความรู้สึกขยะแขยงอย่างที่สุดลงไป และมองของเหล่านั้นแบบผ่านๆเพียงครั้งเดียว ตำแหน่งที่วางสิ่งของพวกนั้นดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่วางไว้ที่นั่น
  บนชั้นวางที่ใกล้กับประตูมากที่สุด มีกล่องผ้าหลายใบที่ดูใหม่กว่าเล็กน้อย
  แต่มีจุดหนึ่งที่จวินอู๋เสียพบว่าแปลก ตอนที่เย่ฉาขโมยจี้หยกจากที่นี่ เขาไม่ได้เอากล่องผ้าของเดิมที่ใส่จี้ไปด้วย แต่ใช้กล่องของตัวเองนำมันออกมา กล่องผ้าเดิมที่ผู้อาวุโสเยว่ใส่จี้หยกไว้ยังคงอยู่บนชั้น ตามที่เย่ฉาบอกนาง กล่องผ้านั้นวางอยู่หน้าสุดของทุกอัน
  จวินอู๋เสียหาเป้าหมายพบอย่างรวดเร็ว แต่เทียบกับกล่องผ้าอื่นๆแล้ว กล่องที่ใส่จี้หยกมีสีที่แตกต่างกัน
  กล่องอื่นๆทำจากไม้เนื้อแข็งสีดำ แต่กล่องนี้เป็นไม้แดง
  ทั้งห้องมีเพียงกล่องที่ใส่จี้เท่านั้นที่ทำจากไม้แดง
  มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะเขาใช้กล่องไม้เนื้อแข็งสีดำจนหมด เนื่องจากจวินอู๋เสียเห็นกล่องผ้าไม้เนื้อแข็งสีดำจำนวนมากกองอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
  ยิ่งไปกว่านั้น กล่องผ้าไม้แดงก็ไม่ใช่ของใหม่ ดูจากลักษณะกล่องแล้ว เหมือนจะเก่าพอสมควร จริงๆแล้วมันเก่ากว่ากล่องผ้าอื่นๆในห้องลับทั้งหมด
  จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย การคาดเดาที่น่าตกใจผุดขึ้นในใจนาง
  “คุณหนู ผู้อาวุโสเยว่ใกล้จะกลับมาแล้วขอรับ” ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงของเย่กูก็ดังขึ้นจากนอกห้องลับ จวินอู๋เสียดึงความคิดกลับมาและทำให้ทุกอย่างในห้องลับกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
  หลังจากจวินอู๋เสียออกจากห้องหนังสือของผู้อาวุโสเยว่ นางไม่ได้กลับไปที่บ้านของตัวเองทันที แต่ไปที่เรือนของผู้อาวุโสอิ่งแทน
  ช่วงนี้ผู้อาวุโสอิ่งอยู่ว่างๆอย่างสบายอกสบายใจ ความจริงเขาไม่สนใจการแย่งชิงอำนาจในวิหารเงาจันทราเลย ตอนที่สุขภาพของประมุขวิหารเงาจันทราทรุดโทรมลงนั้น เขาได้ร่วมต่อสู้ด้วยก็เพื่อจะสร้างความลำบากให้ผู้อาวุโสเยว่ แต่ตอนนี้ประมุขกลับมาคุมอำนาจแล้ว อำนาจที่บรรดาผู้อาวุโสถือไว้ก็ลดลง อาจกล่าวได้ว่าผู้อาวุโสอิ่งเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในบรรดาคนทั้งหมดกับเวลาว่างที่มากขึ้นในทุกๆวัน
ตอนที่ 1856 การแก้แค้นของจวินอู๋เสีย (5)
  ผู้อาวุโสอิ่งกำลังนั่งสบายๆในลานบ้าน ชมดอกไม้พลางจิบชา ทันใดนั้นเขาก็เห็นจวินอู๋เสียปรากฏตัวขึ้น เขาตกใจเล็กน้อย จากนั้นใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้ม
  “เจ้าหนู มีเวลาว่างมาหาข้าได้แล้วหรือ? เออใช่ เจ้ารู้ไหมว่าผู้อาวุโสเยว่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่เลยเมื่อไม่กี่วันมานี้ เลยโดนประมุขเกลียดขี้หน้าแล้ว” ผู้อาวุโสอิ่งกล่าวพร้อมหัวเราะ เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้อาวุโสเยว่มาและรู้เพียงว่ามีคนก่อเรื่องในเมืองหลิงที่ผู้อาวุโสเยว่ดูแลอยู่ ไม่เพียงสาขาถูกทำลาย แต่ยังสูญเสียศิษย์ไปไม่น้อย ถือเป็นการตบหน้าผู้อาวุโสเยว่เข้าเต็มๆ
  ตราบใดที่ผู้อาวุโสเยว่ไม่มีความสุข หัวใจของผู้อาวุโสอิ่งก็จะเบิกบาน
  “เจ้าได้รับข่าวการเสียชีวิตของลูกชายเจ้าเมื่อไร?” จวินอู๋เสียมองผู้อาวุโสอิ่งที่กำลังยิ้มแย้ม แล้วโพล่งคำถามที่ทำให้ผู้อาวุโสอิ่งยิ้มไม่ออกอีกต่อไป
  รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสอิ่งแข็งทื่อไปทันที ช่วงนี้เขาทำตัวสบายอกสบายใจ แต่ดูเหมือนว่าเขาแค่พยายามหาความสุขจากความทุกข์ทรมาน เนื่องจากจุดจบอันขมขื่นของครอบครัวลูกชายเขาเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจมาเนิ่นนาน ความเกลียดชังระหว่างผู้อาวุโสเยว่และผู้อาวุโสอิ่งก็เกิดขึ้นจากเรื่องนั้น
  “ประมาณสิบปีที่แล้ว เจ้าถามเรื่องนั้นทำไม?” ผู้อาวุโสอิ่งขมวดคิ้ว
  “ตอนที่เจ้าเข้ามาในวิหารเงาจันทรา เยว่อี้กับเยว่เย่อยู่ในวิหารเงาจันทราแล้วรึยัง?” จวินอู๋เสียถามต่อ
  ผู้อาวุโสอิ่งเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เขายืดตัวขึ้นนั่งขณะพยายามนึกถึงอดีต ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว ผู้อาวุโสเยว่พาพวกเขามาพบข้าครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเยว่เย่ยังเล็กมาก ส่วนใหญ่จะถูกคนอุ้ม ส่วนเยว่อี้โตพอจะรู้เรื่องแล้ว แต่ดูเหมือนเขาค่อนข้างกลัวข้า เอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไรสักคำทุกครั้งที่เจอข้า”
  เนื่องจากการตายของลูกชายบวกกับการที่ลูกสะใภ้และหลานหายตัวไป ได้ส่งผลกระทบต่อผู้อาวุโสอิ่ง ทำให้เขาไม่สนใจเด็กๆในวิหารเงาจันทรามากนัก
  “ทำไมจู่ๆเจ้าถึงถามข้าเรื่องนี้ล่ะ?” ผู้อาวุโสอิ่งรู้สึกว่าคำพูดของจวินอู๋เสียซ่อนความหมายอื่นไว้เบื้องหลัง หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
  “ข้าเข้าไปในห้องหนังสือของผู้อาวุโสเยว่มา และพบห้องลับในห้องหนังสือ ของที่ซ่อนอยู่ในห้องลับนั้นเป็นสิ่งของที่เหยื่อของผู้อาวุโสเยว่เหลือทิ้งไว้ จี้หยกที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลจ้านอีกครึ่งหนึ่งก็ถูกพบจากที่นั่น” จวินอู๋เสียพูด
  ผู้อาวุโสอิ่งตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ความสิ้นหวังและความเจ็บปวดเศร้าโศกในแววตาของเขาทำให้เขาเกือบทรุดลง
  ตั้งแต่ตอนที่เขารู้ว่าจี้หยกถูกพบในที่ของผู้อาวุโสเยว่ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เขารู้อยู่เต็มอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่หลานและลูกสะใภ้ของเขาจะตกเป็นเหยื่อไปแล้ว แต่ไม่อยากจะคิดว่าเรื่องมันเลวร้ายไปถึงขั้นนั้น จึงเลือกจะเชื่อว่าผู้อาวุโสเยว่บังเอิญเก็บมาได้มากกว่าจะจินตนาการว่าหลานของเขาถูกคนพามาที่วิหารเงาจันทราและถูกทรมานจนตายด้วยน้ำมือของผู้อาวุโสเยว่
  ทั้งหมดนั้น สำหรับชายชราที่มีชีวิตอยู่มาเกินครึ่งศตวรรษ คือหายนะที่แทบจะทำให้สติหลุดเลยทีเดียว!
  “เจ้าหมายความว่าอะไร……” เสียงของผู้อาวุโสเยว่สั่นเล็กน้อย
  “ข้าอยากได้หยดเลือดของเจ้า” จวินอู๋เสียพูด
  ผู้อาวุโสอิ่งอ้าปากค้างมองจวินอู๋เสีย “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
  จวินอู๋เสียมองผู้อาวุโสอิ่งอย่างเย็นชาและพูดว่า “ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าครอบครัวของเจ้ายังมีชีวิตอยู่รึเปล่า ก็ทำตามที่ข้าพูดจะดีกว่า”
  ผู้อาวุโสอิ่งใจสั่น เขาสังเกตเห็นความเย็นชาในน้ำเสียงของจวินอู๋เสียได้ทันที แต่ในความเย็นชานั้น เขากลับรู้สึกได้ถึงเศษเสี้ยวแห่งความหวัง!
  เขายื่นมือออกมาทันทีและใช้มีดสั้นที่พกติดตัวแทงนิ้วตัวเองอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
  เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผล จวินอู๋เสียหยิบชามเปล่าและขวดน้ำออกจากกระเป๋ามิติก่อนจะเทน้ำลงในชาม
  “หยดเลือดลงมา” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสอิ่ง
ตอนที่ 1857 การแก้แค้นของจวินอู๋เสีย (6)
  ผู้อาวุโสอิ่งมองจวินอู๋เสีย จากนั้นก็ทำตามที่นางบอกด้วยการหยดเลือดหนึ่งหยดลงในน้ำ หลังจากนั้น เย่กูก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆจวินอู๋เสีย
  ผู้อาวุโสอิ่งตกใจทันทีที่เห็นเย่กู เขากำลังจะลงมือ ก็เห็นเย่กูส่งขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวหยกให้จวินอู๋เสีย จากนั้นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา
  “คนผู้นั้นคือ……” ดวงตาของผู้อาวุโสอิ่งเบิกกว้าง แม้ว่าพลังวิญญาณของเขาเทียบกับผู้อาวุโสเยว่ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ต่ำขนาดนั้น แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลยตอนที่เย่กูมาถึง
  “คนของข้า” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเฉยเมย นางเปิดขวดกระเบื้องออก
  เลือดหนึ่งหยดจากขวดกระเบื้องสีขาวหยดลงน้ำ
  เลือดทั้งสองหยดค่อยๆหลอมรวมเข้าด้วยกัน……
  “นี่คือ……” ผู้อาวุโสเยว่จ้องมองหยดเลือดทั้งสองที่รวมเข้าด้วยกัน เขาขยี้ตาอย่างเหลือเชื่อ หัวใจเต้นเร็วขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ
  เขาเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียอย่างตื่นเต้นกังวลมาก มือของเขาเผลอออกแรงมากเกินไปจนเกือบจะบดขยี้แผ่นหินแตกเป็นเสี่ยงๆ!
  “มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เจ้าอยากฟังข่าวไหนก่อน?” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสอิ่ง
  “บอกข้า! บอกมาเร็วเข้า! เลือดนี่เป็นของใคร!” ผู้อาวุโสอิ่งถามอย่างอดรนทนไม่ไหว
  จวินอู๋เสียจึงพูดว่า “เยว่เย่”
  เลือดนี่นางสั่งให้เย่กูไปเอามาตอนที่ออกจากเรือนของผู้อาวุโสเยว่
  ผู้อาวุโสอิ่งปากอ้าตาค้างจ้องมองจวินอู๋เสียอย่างตกตะลึง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
  “การพิสูจน์สายเลือดด้วยหยดเลือดไม่ได้แม่นยำ แต่ข้าได้ใส่ยาบางอย่างลงไปในน้ำ คนที่มีสายเลือดเดียวกันเท่านั้นที่เลือดหลอมรวมกันได้” ในฐานะแพทย์สมัยใหม่ จวินอู๋เสียดูถูกวิธีการพิสูจน์สายเลือดแบบโบราณดั้งเดิมมาตลอด ในการทดสอบว่ามีสายเลือดเดียวกันหรือไม่ สามารถทำได้ด้วยการตรวจ DNA เท่านั้น แต่เนื่องจากในโลกนี้ไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม นางจึงทำได้แค่แทนที่มันด้วยยา
  “เจ้ากำลังบอกว่า……เยว่เย่……เป็น……เป็นหลานของข้างั้นหรือ?” ในหัวของผู้อาวุโสอิ่งมีแต่เสียงอื้ออึงเต็มไปหมด
  “ทั้งเยว่เย่และเยว่อี้” จวินอู๋เสียพูด
  ผู้อาวุโสอิ่งอ้าปากค้าง ไม่มีคำตอบอื่นใดที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้มากไปกว่านี้
  เขารู้ดีถึงสิ่งที่เยว่อี้และเยว่เย่ต้องเผชิญในวิหารเงาจันทรา แต่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วนั่นคือหลานชายหลานสาวของเขาเอง!
  ความจริงที่น่ากลัวนี้ทำให้ผู้อาวุโสอิ่งแทบจะขาดใจ!
  “เจ้ารู้ข่าวดีแล้ว หลานชายหลานสาวเจ้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้มีข่าวร้ายที่ข้าต้องบอกเจ้า” จวินอู๋เสียหรี่ตา ไม่รู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา
  “ข่าว……ข่าวร้ายอะไร?” ผู้อาวุโสอิ่งกุมหน้าอก
  “ผู้อาวุโสเยว่จับตัวเยว่อี้เอาไว้เพื่อข่มขู่เยว่เย่……” จวินอู๋เสียบอกเรื่องที่เยว่อี้ถูกจับไปให้ผู้อาวุโสอิ่งฟังแบบง่ายๆ
  ทันใดนั้น ผู้อาวุโสอิ่งก็แทบคลั่งหลังจากที่ได้ฟังทุกอย่าง
  เขาฟาดโต๊ะหินแตกกระจายด้วยฝ่ามือเดียว ดวงตาลุกวาว!
  “มันกล้า!!”
  เมื่อรู้ว่าหลานชายหลานสาวของตนยังมีชีวิตอยู่ ผู้อาวุโสอิ่งก็ทั้งเจ็บปวดและมีความหวัง แต่คำพูดเมื่อกี้ของจวินอู๋เสียได้ผลักเขาลงสู่หุบเหวลึก!
  “จะช่วยเขาตอนนี้ เจ้าต้องร่วมมือกับข้า” เหตุผลที่จวินอู๋เสียมาหาผู้อาวุโสอิ่งนั้นไม่ใช่แค่บอกให้พวกเขารับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา
  “เจ้าว่ามา! จะให้ข้าทำอะไรได้ทั้งนั้น! ข้าอยากให้ไอ้สัตว์นรกผู้อาวุโสเยว่ไปตายซะ!!!” ผู้อาวุโสอิ่งกัดฟันพูด เหงือกของเขามีเลือดไหลออกมาจากแรงกัดนั้น
  ในตอนนั้น เขาคิดย้อนกลับไปในวันที่เขาเพิ่งมาที่วิหารเงาจันทรา การที่ผู้อาวุโสสเยว่พาเยว่อี้กับเยว่เย่มาพบเขานั้น ช่างเป็นการเยาะเย้ยที่เจ็บแสบเหลือเกิน!