ภาคที่ 28 จิตข้าคือจิตฟ้า ตอนที่ 1 แปลกใจ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ภาคที่ 28 จิตข้าคือจิตฟ้า ตอนที่ 1 แปลกใจ โดย Ink Stone_Fantasy

“ศัตรูจะเป็นผู้ใดไปได้เล่า” บรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่ต่างก็ขมวดคิ้ว

เมื่อมีประมุขหอหมื่นโลกาขัดขวางอยู่ เคล็ดลับทั้งหมดล้วนยากจะตรวจสอบตัวตนของศัตรูได้ แม้พวกเขาจะเห็นประมุขหอหมื่นโลกาขัดหูขัดตาเป็นอันมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ประมุขหอหมื่นโลกา…

น่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถในการรักษาชีวิตเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเทพจักรวาลทั้งหลายอย่างอย่างไร้ข้อกังขา สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือศาสตร์ร่างแยก! เป็นร่างแยก ซึ่งมิใช่ร่างแปร ต้องรู้ไว้ว่าไม่ว่าจะเป็นขั้นอลวนหรือเทพจักรวาล โดยทั่วไปก็ล้วนมีร่างจริงเป็นร่างเดียวเท่านั้น! อย่างมากที่สุดก็แค่สามารถฝึกฝนร่างแปรออกมาได้บ้างเท่านั้น ร่างแปรสลายไปนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่หากร่างจริงถูกทำลายขึ้นมา เช่นนั้นก็ต้องตัวตายไปจริงๆ แล้ว!

รวมไปถึงผู้ที่จัดอยู่ในอันดับแรกสุดของบรรดาสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดอย่างจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ จอมมารดาและพวกบรรพชนทิพย์ ล้วนแต่มีร่างจริงเพียงร่างเดียวเท่านั้น!

แต่ ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ นั้นเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดทั้งหมด!

แต่ละร่างแยกของเขาล้วนเป็นร่างจริงทั้งสิ้น! และเท่าที่ทราบกัน ร่างแยกของเขาก็มีหลายพันร่างแล้ว แต่ละร่างกระจายตัวกันอยู่ในโลกทิพย์ทั้งห้า และหอหมื่นโลกาแห่งต่างๆ ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่าน

ขอเพียงมีร่างแยกสักร่างที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ไม่มีทางสังหารประมุขหอหมื่นโลกาได้ไปตลอดกาล!

ดังนั้นแม้เขาจะสร้าง ‘หอหมื่นโลกา’ ขึ้นมาด้วยความโอหังเป็นอย่างมาก เรื่องราวทำนองเดียวกับที่ลอบสังหารตงป๋อเสวี่ยอิงในครั้งนี้เกิดขึ้นมากมาย และได้ล่วงเกินขุมอำนาจต่างๆ ไปเป็นจำนวนมาก ทว่าแต่ละฝ่ายล้วนทำได้เพียงข่มกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ เนื่องจากประมุขหอหมื่นโลกาเป็นคนสันโดษที่อยู่เพียงลำพัง มิได้สร้างสำนักขึ้นมาแต่อย่างใด แม้แต่หอหมื่นโลกาแต่ละแห่งก็ยังมีร่างแยกของเขาเองดูแลรับผิดชอบ

ฆ่าก็ฆ่าไม่ตาย…

ทั้งยังไม่มีคนต้องให้เป็นห่วง…

พลังก็แข็งแกร่ง ร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนว่องไวดุจภูติผีปีศาจ! ขุมอำนาจทั้งหลายยอมที่จะสู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เสียยังดีกว่าต้องสู้กับประมุขหอหมื่นโลกา ดังนั้นสถานะของประมุขหอหมื่นโลกาจึงพิเศษเช่นนี้เอง

“ตงป๋อ ตัวเจ้าเองพอจะเดาได้หรือไม่ว่าศัตรูเป็นผู้ใดกัน” จอมมารซึ่งอยู่ท่ามกลางประมุขตำหนักทั้งหลายถามขึ้น “สามารถทุ่มเทไปมากมายถึงเพียงนี้เพื่อเชื้อเชิญหอหมื่นโลกา ต้องมีความเป็นมาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เอ่ยด้วยความสงสัยว่า “หลังข้าจากจักรวาลบ้านเกิดมา ระหว่างทางก็ได้ไปยั่วโมโหเจ้าสำนักสวรรค์กันแสงเข้า”

“เขามิกล้าหรอก บรรพชนกู่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน” จอมมารโพล่งขึ้นมา

“ต่อจากนี้ข้าจะเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในวังทวีสูญ จากนั้นค่อยไปยังเมืองวารีสวรรค์เพื่อทำลายฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของลัทธิทิพย์โบราณ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางครุ่นคิด “ข้ามาถึงโลกทิพย์เป็นช่วงเวลาสั้นมาก ศัตรูคู่แค้นก็มีน้อยยิ่งนัก ในบรรดาสมาชิกลัทธิทิพย์โบราณที่ข้าสังหารไปตอนนั้น มีอยู่คนหนึ่งที่สถานะออกจะพิเศษอยู่บ้าง เขาเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งทั่วไปคนหนึ่ง แต่กลับมีสัตว์ประหลาดขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดตนหนึ่งติดสอยห้อยตามอยู่ นอกจากนี้สมบัติล้ำค่าที่ติดตัวเขาก็มีมากที่สุดอีกด้วย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางโบกมือคราหนึ่ง กลางอากาศมีรูปร่างหน้าตาของทูตทิพย์ชืออวิ๋นบุรุษอาภรณ์ดำปรากฏขึ้น

เนื่องจากมีคู่แค้นน้อยมาก เมื่อห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงครุ่นคิดรอบหนึ่ง ก็นึกถึงทูตทิพย์ชืออวิ๋นบุรุษอาภรณ์ดำผู้นั้นขึ้นมา

“สมาชิกลัทธิทิพย์โบราณหรือ”

“ขั้นรวมเป็นหนึ่งทั่วไปคนหนึ่งกลับมีขั้นรวมเป็นหนึ่งสัตว์ประหลาดขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดตนหนึ่งคอยติดตามอย่างนั้นหรือ”

บรรดาสมาชิกชั้นสูงของวังทวีสูญคาดเดากันไป

“ความเป็นมาจองเขาอาจจะพิเศษก็เป็นได้” บรรพชนเทียนอวี๋ส่ายศีรษะ “น่าเสียดายที่พวกเรามิอาจตรวจสอบโลกทิพย์โบราณได้เลย”

โลกทิพย์โบราณคือสถานที่ต้องห้ามของขุมอำนาจหลายแห่ง

ผู้บำเพ็ญในโลกทิพย์โบราณทั้งหมดล้วนนับถือจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ รัศมีของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ส่องสะท้อนไปทั่วทุกหนแห่งของโลกทิพย์โบราณ สถานการณ์ต่างๆ ภายในโลกทิพย์โบราณ เช่นความสัมพันธ์ระหว่างผู้แกร่งกล้าบางคนในนั้น หากมิใช่สิ่งที่รู้กันทั่ว ก็มิอาจตรวจสอบได้

แม้แต่เทพจักรวาลก็ยังมิกล้าบุกรุกตามอำเภอใจ เมื่อเข้าไปจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็จะพบทันที ด้วยพลังที่ไร้ศัตรูของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เทพจักรวาลเข้าไปก็เหมือนเอาชีวิตไปมอบให้!

“บัดนี้พลังของตงป๋อเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก คิดจะลอบสังหารนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก” จอมมารกล่าว “ต่อให้เป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็แล้วกันไปก่อนชั่วคราวเถิด นับแต่นี้ไปตงป๋อระวังลัทธิทิพย์โบราณให้มากหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”

“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

เมื่อเดาได้ว่าศัตรูเป็นคนของทางลัทธิทิพย์โบราณ ก็ไม่มีอะไรน่าพูดอีกแล้ว

เพราะแต่ไหนแต่ไรวังทวีสูญกับลัทธิทิพย์โบราณก็เป็นศัตรูที่อาฆาตกันมาอยู่แล้ว ทั้งสองฝ่ายล้วนหวังให้อีกฝั่งหนึ่งพินาศไป หากมีโอกาสก็ไม่มีทางอ่อนข้อให้เป็นแน่ แต่ลัทธิทิพย์โบราณก็ระมัดระวังมาก จะสังหารขั้นอลวนของลัทธิทิพย์โบราณสักคนหนึ่งก็ยากเกินไปแล้วจริงๆ

……

หลังงานสังสรรค์ แต่ละคนก็พากันจากตำหนักทวีสูญไป

หลังจากไป

“ผู้อาวุโสตงป๋อ” ชายชราผมดำคนหนึ่งบินเข้ามา

ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า “ประมุขตำหนักอลหม่าน!” ผู้มีพลังสูงส่งลึกล้ำเกินหยั่งท่านนี้ แม้จะมิได้เปิดเผยข้อมูล แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พอจะคาดเดาจากการประเมินของท่านอาจารย์กู่ฉีได้ว่าเขาน่าจะผ่านชั้นที่เก้าซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของเจดีย์ดาวได้ตั้งนานแล้ว

“มีเรื่องหนึ่งต้องขอให้ผู้อาวุโสตงป๋อช่วยเหลือ” ชายชราผมดำกล่าว

“มีเรื่องอันใด ขอเชิญประมุขตำหนักบอกมาให้เต็มที่เถิดขอรับ เรื่อที่ข้าสามารถทำได้ จะต้องทำให้สุดกำลังอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว

ชายชราผมดำพยักหน้าเบาๆ “ข้าออกจะสนใจโลกอนธการอยู่บ้าง พอจะให้ข้าชมเสียหน่อยได้หรือไม่ แน่นอนว่าข้าทราบว่าเจ้าทุ่มเทไปไม่น้อยเพื่อซื้อมันมา ข้าจะออกแต้มความดีความชอบให้เจ้าสักหนึ่งล้านห้าแสนแต้ม ดีหรือไม่เล่า”

“ดีขอรับ ต้องดีแน่นอนอยู่แล้ว! ข้าบำเพ็ญมาเป็นระยะเวลาสั้นนัก สมบัติล้ำค่าแทบทั้งหมดถูกทุ่มไปกับศาสตร์ลับโลกอนธการนี้ หากได้แต้มความดีความชอบมาหนึ่งล้านห้าแสนแต้ม ข้าดีใจแทบไม่ทันเลยขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบพูดขึ้นทันที

ประมุขตำหนักอลหม่านแตกต่างกับบรรพชนเฉวียนโหมวผู้นั้น

บรรพชนเฉวียนโหมวเชี่ยวชาญด้านเขตลวง ปรารถนาศาสตร์ลับโลกอนธการอย่างแรงกล้า!

ส่วนประมุขตำหนักอลหม่านนั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเชี่ยวชาญด้านเขตลวง อาจจะแค่อยากดูด้วยความสนใจเล็กน้อยก็เท่านั้น เพียงแค่เพราะพลังของเขาสูงส่งกว่าพวกบรรพชนเฉวียนโหมวและผู้วิเศษหวั่งหมิงมากมายยิ่งนัก แม้แต่จอมมารก็ยังห่างชั้นลิบลับ สมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ก็มากมายยิ่งนัก จึงย่อมคร้านที่จะเอาเปรียบตงป๋อเสวี่ยอิง แต้มความดีความชอบล้านกว่าแต้ม…สำหรับประมุขตำหนักอลหม่านแล้ว สบายนัก

“ดี” ชายชราผมดำพยักหน้ายิ้มๆ ขณะเดียวกันป้ายคำสั่งส่งสารของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รับสาร แต้มความดีความชอบเพิ่มขึ้นหนึ่งล้านห้าแสนแต้ม

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตกใจในความตรงไปตรงมาของประมุขตำหนักอลหม่าน เขารีบนำเล่มคัมภีร์โลกอนธการออกมาทันที

ชายชราผมดำพลิกดูเล็กน้อย แล้วรับการถ่ายทอดอย่างรวดเร็ว

“น่าสนใจดีนี่”

ชายชราผมดำยิ้มแล้วยิ้มอีก “น่าเสียดายที่เจ้าหนุ่มประมุขโลกอนธการนี่ตายเร็วไปหน่อย ผู้อาวุโสตงป๋อ เจ้าสามารถฝึกได้สำเร็จรวดเร็วถึงเพียงนี้ก็ช่างหาได้ยากโดยแท้”

เขาสนใจศาสตร์ลับนี้อยู่บ้าง

เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าถึงได้รวดเร็วเกินไป ทำให้ประมุขตำหนักอลหม่านสนใจใคร่รู้มากยิ่งขึ้นว่า…ศาสตร์ลับที่สามารถบุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าได้นั้น จะฝึกสำเร็จได้รวดเร็วถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ดังนั้นเขาจึงอยากพลิกดูเสียหน่อย หากตงป๋อเสวี่ยอิงต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อฝึกให้สำเร็จ เกรงว่าประมุขตำหนักอลหม่านก็คงไม่เกิดความสนใจขึ้นมาแล้ว

“หากข้าขัดเกลาเสียหน่อยอาจจะสร้างศาสตร์ลับสักวิชาหนึ่งขึ้นมาได้” ชายชราผมดำพูดยิ้มๆ ระดับขั้นนี้ของเขาเมื่อได้เห็นทิศทางการบำเพ็ญอันแปลกใหม่ต่างๆ ก็จะไปค้นคว้าและขัดเกลาหมายจะกระตุ้นตนเอง เพื่อก้าวข้ามขั้นนั้นไปให้ได้แล้วบรรลุถึงขั้นสุด! เพราะถึงอย่างไรเขาก็สามารถมองเห็น ‘ขั้นสุด’ ได้รางๆ แล้ว แต่กลับมิอาจบรรลุได้เสียที

“ประมุขตำหนักพอจะได้อะไรบ้างก็ดีแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว

“เรื่องที่เจ้าได้ศาสตร์ลับโลกอนธการมาแล้วฝึกสำเร็จภายในแสนปี คงไม่ต้องเก็บเป็นความลับกระมัง” ชายชราผมดำถาม “หากไม่ต้องเก็บเป็นความลับ ข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้บ้าง ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้แกร่งกล้าบางคนที่ยินดีจะจ่ายเพื่อศึกษาโลกอนธการนี้สักครั้งก็เป็นได้”

“แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับหรอกขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว

ผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานขั้นรวมเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์มีตั้งมากมายก่ายกอง

ผู้ที่บุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่หกได้นั้นมีไม่น้อย แม้แต่ผ่านชั้นที่เจ็ดได้ก็ยังมี! บัดนี้ตนมีพลังเช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไป เพราะระดับขั้นเช่นทุกวันนี้ ร่างจริงของขั้นอลวนก็อย่าได้คิดที่จะลอบสังหารตนอย่างไร้สุ้มเสียง เพราะทันทีที่ตนรู้ตัว ตนก็จะสามารถกระตุ้นป้ายคำสั่งคุ้มกายขึ้นมา ดังนั้นเมื่อถึงระดับขั้นนี้  ก็มีความมั่นใจพอที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายทั้งปวงได้แล้ว

“เมื่อรู้ว่าเจ้าใกล้จะฝึกสำเร็จถึงเพียงนี้แล้ว จะต้องมีตาเฒ่าบางคนสนใจใคร่รู้อย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะมาซื้อโลกอนธการไปดูก็เป็นได้” ชายชราผมดำพูดพลางหัวเราะฮ่าฮ่า “จำเอาไว้ เจ้าต้องเสนอราคาศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยห้าสิบก้อนเท่ากันหมด หากต่ำกว่านี้ก็จะขาดทุน หากมากไป พวกตาเฒ่าเหล่านั้นอาจจะเจ็บปวดใจก็เป็นได้”

“เข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้ารัว

ประมุขตำหนักอลหม่านมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานยิ่งนัก พลังก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ตาเฒ่าที่เขาพูดถึง…อาจจะเป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนคนอื่นๆ ที่ติดอุปสรรคขั้นสุดท้ายอยู่เช่นเดียวกัน มีแต่ตาเฒ่าที่ร่ำรวยมั่งมี ทั้งยังติดอุปสรรคจนต้องเสาะหาทางบรรลุอยู่เท่านั้น จึงจะยินดีทุ่มเทศิลาปฐมโลกานับร้อยก้อนเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็น

ระดับอย่างพวกจอมมาร ย่อมไม่มีทางฟุ่มเฟือยเช่นนี้

“อื้ม” ชายชราผมดำหัวเราะ เขายินดีเป็นอย่างมากที่จะไปโขกสับตาเฒ่าเหล่านั้นเพื่อเจ้าหนุ่มร่วมสำนักเดียวกับตน

…………………………………………….