ขณะที่เขาสาปแช่ง องอาจ มือของเขายังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด
เขากำลังตามหาเบาะแสของมายมิ้นท์ในขณะนี้
องอาจให้คนส่งข่าวสารให้เขา บอกเขาว่ามายมิ้ท์ถูกลักพาตัวไปแล้ว จากนั้นใช้ประโยชน์จากมายมิ้นท์มาข่มขู่เขาให้มาหา เพื่อจะบรรลุวัตถุประสงค์ในการฆ่าเขา
และแผนขององอาจก็จับจุดอ่อนของเขาได้จริงๆ เพื่อช่วยมายมิ้นท์กลับมา เขาไม่มีทางที่จะไม่ไปเลย
สิ่งที่เขากังวลก็คือ เขาคาวน์มิดเป็นเพียงที่กำบังขององอาจ
หากว่าเขาไปหาแล้ว มายมิ้นท์ไม่ได้อยู่ที่เขาคาวน์มิด แต่กลับอยู่ที่อื่นก็จะเป็นปัญหาอีก
ดังนั้นในตอนนี้ เขาจำเป็นที่จะต้องมั่นใจว่ามายมิ้นท์ถูกองอาจพาไปที่ไหนกันแน่ จากนั้นถึงจะสามารถไปหาสถานที่ที่มายมิ้นท์อยู่ ช่วยมายมิ้นท์ออกมา
องอาจไม่รู้ว่าเขาเป็นแฮ็กเกอร์ ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความหาเขาโดยไม่แม้แต่จะหลีกเลี่ยงเลย
ดังนั้นองอาจไม่ทราบ ว่าหมายเลขที่ส่งข้อความมา เป็นกุญแจสำคัญสำหรับเขาในการได้รับเบาะแส เขาสามารถล็อกสัญญาของหมายเลขนี้ มาตามหาและแอบฟังความเคลื่อนไหวขององอาจในตอนนี้
“ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ยังเหลืออีกสามสิบวินาที”ราเม็งมองดูที่หน้าจอคอม บรรทัดตัวหนังสือที่กำลังรีสตาร์ทโปรแกรม และเลขนับถอยหลังที่อยู่ข้างล่างนั้น ใบหน้าที่ไม่สามารถอำพรางความรีบร้อนเลยสักนิด
เพราะในสายตาของเขา ในเวลาเพียงสามสิบวินาทีนี้ มันช่างยาวนานเหลือเกิน
เขาเเทบอยากจะให้ไม่มีการนับถอยหลัง จากนั้นเขาก็สามารถรู้ความเคลื่อนไหวของพวกองอาจได้ทันที
เวลาผ่านไปทีละวินาที และไม่นานก็เหลือเพียงห้าวินาทีสุดท้ายเท่านั้น
ยี่สิบห้าวินาทีที่ผ่านมาทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าผ่านมาแล้วครึ่งศตวรรษ
สามสองหนี่ง!
ได้รีสตาร์ทโปรแกรมเรียบร้อย
เมื่อมองดูคำห้าคำบนหน้าจอคอมนั้น แววตาของราเม็งก็ฉายแววตื่นเต้นขึ้นมา จากนั้นก็รีบกดปุ่ม Enter ทันที และมีเสียงมาจากลำโพงข้างๆ เป็นน้ำเสียงที่แหบและไม่น่าฟัง ราวกับว่ามีทรายติดเต็มในลำคอเช่นนั้น กำลังเอ่ยปากพูดว่า“มีเรื่องอะไร?”
เสียงนี่มัน……
รูม่านตาของราเม็งหดตัว เขาลุกขึ้นยืนทันที มือทั้งสองข้าง กำแน่นจนข้อต่อขาวซีดไปหมด แขนของเขาก็สั่นไปหมด และรอบกายของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่รู้จบ
“องอาจ!”เขากัดฟันกรอด และพูดคำสองคำนี้ออกจากปากอย่างโกรธเคือง
เขาไม่คาดคิดว่าจะโชคดีเช่นนี้ ฟังครั้งเดียวก็ฟังออกเลยว่าเป็นน้ำเสียงขององอาจ
ดี มันช่างดีเหลือเกิน!
ในไม่นาน เสียงอื่นก็ดังขึ้นมา“คุณชายสี่ครับ ดูเหมือนว่าเปปเปอร์มีเบาะแสเส้นทางที่เราขับแล้วครับ ได้ขับตรงไปด่านเก็บเงินค่าผ่านทางที่ก่อนหน้านั้นเราจอดพักแล้วครับ”
““เร็วขนาดนั้นเลย?” น้ำเสียงขององอาจ เห็นได้ชัดว่ามีความตกตะลึงเล็กน้อย
ราเม็งก็ตกตะลึงเช่นกัน คาดไม่ถึงว่าเปปเปอร์ก็รู้มายมิ้นท์ถูกลักพาตัวไป
แต่ก็ไม่รู้ว่า เปปเปอร์รู้หรือยังว่ามายมิ้นท์ถูกใครลักพาตัวไป
และจากคำพูดเมื่อสักครู่สามารถรู้ได้ว่า เปปเปอร์เหมือนว่าได้เริ่มตามหาแล้วในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเปปเปอร์รู้แล้วว่ามายมิ้นท์ถูกลักพาตัว รู้เร็วกว่าเขาอีก ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการเคลื่อนไหวที่เร็วเช่นนี้
“ใช่ครับคุณชายสี่ เปปเปอร์มีอำนาจมาก สามารถรู้เบาะแสของเราได้เร็วขนาดนี้ มันก็ไม่แปลก”คนคนนั้นได้พูดอีก
เห็นได้ชัดว่าองอาจโกรธแล้ว น้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาก “รีบเร่งความเร็ว ไปถึงทางแยกข้างหน้า ปฏิบัติโดยให้รถปิ๊กอัพแยกทางกับพวกเรา และขัดขวางการตามหาของเปปเปอร์”
“ทำไมไม่ปฏิบัติโดยให้รถตู้แยกทางกับพวกเรา?เพราะไม่ว่ายังไงเป้าหมายของพวกเราก็แค่ฆ่าธิติให้ตาย ฉะนั้นไม่ว่ามายมิ้นท์จะอยู่หรือไม่อยู่ที่พวกเราก็ไม่สำคัญทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญคือ ธิติรับรู้ว่ามายมิ้นท์อยู่ที่พวกเราก็พอแล้ว ดังนั้นพอธิติถึงแล้ว ต้องไปเขาคาวน์มิด โดยตรงอย่างแน่นอน และการย้ายมายมิ้นท์ออกจากทีมของพวกเรา สามารถควบคุมเปปเปอร์ ให้เปปเปอร์ไม่สามารถจับพวกเราได้ในชั่วขณะ”ชายร่างใหญ่ได้กล่าว
องอาจหรี่ตาลงอย่างอันตราย“ผมรู้อยู่แล้วว่าการที่ให้มายมิ้นท์แยกทางกับพวกเรามันดีที่สุดแล้ว แต่นั่นมันก็ทำให้มายมิ้นท์และเปปเปอร์ได้เปรียบมากไปแล้ว เพราะท้ายที่สุดเปปเปอร์ก็จะไม่ปล่อยพวกเราไปเหมือนกัน ถ้างั้นพวกเราก็ฆ่ามายมิ้นท์ให้ตายด้วยเลย มายมิ้นท์เห็นพวกเราแล้ว ให้เธอมีชีวิตอยู่ ก็เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของพวกเราเช่นกัน”
ชายร่างใหญ่ก็พูดในฉับพลัน“คุณพูดถูกครับ”
ทั้งสองจดจ่ออยู่กับการวางแผน แต่ไม่ได้สังเกตเลยสักนิด ว่าไฟเตือนสถานะของโทรศัพท์มือถือ กำลังกะพริบอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าแผนของพวกเขา จะรอบคอบและเป็นความลับมาก แต่ราเม็งก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในใจของราเม็งทั้งโมโหทั้งดีใจ
ที่ดีใจคือ องอาจไม่ได้แยกกับมายมิ้นท์ ถ้าเป็นแบบนี้ ตราบเท่าที่เขายังคงติดตามหมายเลขโทรศัพท์มือถือนี้ เขาก็สามารถรู้ตำแหน่งของมายมิ้นท์ได้ตลอดเวลา แต่ถ้าได้แยกจากกันกับมายมิ้นท์ โทรศัพท์มือถือไม่ได้อยู่ในทีมของมายมิ้นท์ เขาก็จะเสียเบาะแสของมายมิ้นท์ไป
และที่โมโหคือ องอาจลูกนอกสมรสที่ไม่สามารถเปิดเผยได้นั้น กลับอยากจะฆ่ามายมิ้นท์
ราเม็งไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก หลังจากที่ส่งโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ไปยังโทรศัพท์มือถือแล้ว เขาก็หยิบเสื้อกันหนาวและเดินไปที่ประตูทันที ผู้ช่วยบอลที่อยู่ข้างนอกเห็นเขาเดินออกมาอย่างเร่งรีบ จึงเปิดปากถามด้วยความสงสัยว่า:“พี่ครับ นี่พี่จะไปไหนหรือครับ?”ราเม็งไม่ได้ตอบกลับ และรีบวิ่งไปทางลิฟต์
ในไม่ช้า เขาก็ได้ขับรถออกจากโรงแรมไป
รถตู้ที่เดินทางไปยังเขาคาวน์มิดนั้น พอชายร่างใหญ่ที่นั่งข้างคนขับได้ยินข่าวสารจากเพื่อนร่วมทีมจากทางรถอเนกประสงค์แล้ว ก็ได้วางสายโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็เหลือบไปมองเบาะหลัง ปากของมายมิ้นท์ถูกปิดไว้อีกครั้ง และได้เปิดปากพูดว่า“พี่ใหญ่ พี่ว่าผู้หญิงคนนี้ช่างโชคดีจริงๆ นอกจากจะมีธิติที่ชอบเธอมาช่วยเธอแล้ว ยังมีหัวหน้าตระกูลของตระกูลนวบดินทร์มาช่วยเธออีก เมื่อกี้น้องสี่ได้พูดผ่านโทรศัพท์ บอกว่าเปปเปอร์กำลังไล่ตามมาทางพวกเราแล้ว”
พอได้ยินคำพูดนี้ มายมิ้นท์ถลึงตา
เปปเปอร์?
เขาไล่ตามมาเหรอ?
เขารู้ได้ยังไงว่าเธอถูกลักพาตัวไป?
คิดไม่ออก มายมิ้นท์ก็ไม่ไปคิดมันอีก เธอในตอนนี้ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ เดิมทีภายในใจที่ไร้ซึ่งความหวังนั้น ณ ตอนนี้ก็ได้มีความหวังขึ้นเล็กน้อย
เพราะว่าเปปเปอร์ไล่ตามมา ก็หมายความว่าเธอก็มีสิทธิ์ปลอดภัยแล้ว
ชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับพูดด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจว่า“ช่างโชคดีจริงๆ จนทำให้ผมชาติหน้าอยากเกิดเป็นผู้หญิงเลย”
ชายร่างใหญ่ที่นั่งข้างคนขับหัวเราะเสียงดัง“อยากเป็นผู้หญิงอย่างเดียวยังไม่พอ ยังต้องมีหน้าตาที่สวยอีกด้วย มิเช่นนั้นจะมีผู้ชายคนไหนมาช่วยคุณโดยไม่คำนึงถึงอันตรายล่ะ”
ชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับรู้สึกเขินอาย แล้วดุด้วยใบหน้าเคร่งขรึม“เอาล่ะ ไม่ต้องเล่นแล้วน้องสี่ยังได้บอกอย่างอื่นอีกไหม?”
“มีครับ น้องสี่บอกว่าคุณชายสี่ยังคงให้เราตรงไปที่เขาคาวน์มิดต่อไป ในตอนที่แยกทางกันให้น้องสามพวกเขาแยกทางไปอีกทางหนึ่ง ”
“อือ”
เมื่อฟังการสนทนาระหว่างชายร่างใหญ่สองคน มายมิ้นท์ก็ขมวดคิ้ว
พวกเขาหมายถึงอะไรกันแน่?
หรือจะแยกกันปฏิบัติ?
ก่อนที่มายมิ้นท์จะเข้าใจ ทันใดนั้นรถก็ได้เลี้ยวกะทันหัน
มายมิ้นท์ตกลงมาจากเบาะหลังโดยตรง หัวกระแทกโดนประตูรถ เจ็บจนสีหน้าของเธอเปลี่ยน และเวียนหัวไปหมด
และชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับแค่มองดูเธออย่างเฉยเมยเท่านั้น ก็ได้หันกลับไป ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษที่ควรทะนุถนอมอ่อนโยนต่อผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย
ต่อจากนั้นของมายมิ้นท์ ก็ทำได้เพียงติดอยู่ระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลัง ไม่สามารถขยับได้ รู้สึกอึดอัดไปมากหมดทั้งตัว ใจที่อยากจะตายก็มีเลย
ในอีกด้าน เปปเปอร์พวกเขาได้มาถึงด่านเก็บเงินค่าผ่านทางแล้ว
เขาจอดรถไว้ชั่วคราว และได้เดินตรงไปข้างหน้า
มีรถสปอร์ตคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้า และยังมีคนยืนอยู่รถสปอร์ต
เปปเปอร์เดินมาถึงตรงหน้าของคนคนนั้น“กุญแจ”
และที่นั่นรีบหยิบกุญแจรถสปอร์ตออกมายื่นให้ด้วยความเคารพ
หลังจากที่เปปเปอร์ได้รับกุญแจแล้ว เขาก็เปิดล็อกของรถสปอร์ตและเข้าไปในที่นั่งคนขับ จากนั้นจึงขับไปทางเชื่อมระหว่างทางธรรมดากับทางด่วน
เขาต้องการไล่ตามรถตู้คันนั้นให้ทันอย่างเร็วที่สุด ฉะนั้นจึงต้องขับด้วยความเร็วสูง แต่ทำไม่ได้
ไมบัคไม่ใช่รถสปอร์ต ถึงจะเร็วแค่ไหนก็เร็วไม่ถึงไหนอยู่ดี ดังนั้นหากเขาต้องการเร็วกว่านี้ เขาทำได้แค่เปลี่ยนเป็นรถ เป็นรถสปอร์ตเท่านั้น
ฉะนั้นในตอนที่ได้รับแผนที่เส้นทางนั้น เขาจึงโทรหา 4S ช็อปที่ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางที่สุดโดยตรง และขอให้คนในช็อปขับรถสปอร์ตไปที่ด่านเก็บเงินค่าผ่านทางเพื่อรอเขา
และตอนนี้มีรถสปอร์ตแล้ว เขาเชื่อมั่นว่าสามารถไล่ตามรถตู้ทันแน่นอน
ดังนั้นมายมิ้นท์ รอเขานะ ต้องรอเขานะ
เขาจะต้องช่วยเธอออกมาอย่างปลอดภัยได้แน่นอน!