AST
บทที่1732 – เส้นทางมังกรการุณแห่งแดนทะเลเหนือ
”ถ้าเป็นไปได้ข้าเองก็อยากจะลองไปดูสักหน่อย”
”ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ?เส้นทางมังกรการุณแห่งแดนทะเลเหนือจะถูกเปิดเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น เจ้าอยากไปกับข้าหรือไม่?”สุ่ยหยุนเฟิงยิ้มขณะกล่าวถาม
”แน่นอน!!”
”ยอดเยี่ยมมาก ชิงสุ่ย แม้ว่าตอนนี้ข้าจะยังไม่หายดี แต่สิ่งที่เจ้าช่วยเข้าไว้มันไม่ต่างอะไรจากการพาข้าขึ้นมาจากความตาย หากเจ้าต้องการอะไรจงบอกข้า แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเจออันตรายข้าก็ยอมตายแทนเจ้าได้”สุ่ยหยุนเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
”ท่านกำลังพูดอันใดกันทำไมกลัวว่าสิ่งที่ข้าทำลงไป ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากท่านอย่างนั้นหรือ?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
”ข้ายินดีหากข้าไม่สามารถตอบแทนประโยชน์ที่จะเอาให้ข้าได้ ข้าคงจะกลายเป็นคนที่น่าสมเพช”สุ่ยหยุนเฟิงยิ้ม แม้ว่าอายุของเขาจะแก่กว่าชิงสุ่ยอย่างมาก แต่เขาก็เป็นคนที่ยึดมั่นในความคิดของตนซึ่งตอนนี้เขาได้ตัดสินใจเชื่อในตัวชิงสุ่ย ฉะนั้นความคิดเห็นอื่นๆไม่ว่าจะเป็นความคิดเจ้าเล่ห์ มีความคิดเอาเปรียบก็พลันสลายหายไป
”เนื่องจากตอนนี้เราเป็นเพื่อนและเป็นทั้งพี่น้องเราก็ควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ควรเอาผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง”ชิงสุ่ยแอบดึงเข็มทองคําแห่งชีวิตและความตายออกจากร่างของสุ่ยหยุนเฟิง
”ฮ่าฮ่า ฮ่า ข้าเห็นด้วย มันเป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า มนุษย์เราจะเห็นธาตุแท้ของคนเมื่อเวลาผ่านพ้นไป และเจ้าก็คือคนที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของข้า”
”ข้าขอตัวลาล่ะเตรียมตัวให้พร้อมหลังจากนี้อีก 2 วัน เราจะเดินทางไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์ โชคชะตาของพวกเราจะกำหนดเช่นไร แต่ลึกข้าเชื่อว่าพวกเราจะได้พบเจอสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน!!”สุ่ยหยุนเฟิงกล่าวขณะสวมเสื้อคลุม
”ทำไมท่านไม่อยู่ทานข้าวเย็นร่วมกับข้าก่อนล่ะแล้วค่อยออกเดินทางหลังจากทานข้าวเสร็จก็ยังทัน”ชิงสุ่ยมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสว่างน้อยลงบอกเวลาว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่เวลาช่วงเย็น
3วันผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังจากการสนทนาครั้งล่าสุด ชิงสุ่ยได้ตัดสินใจพามู่หยุน ชิงเก้อ และประมุขพระราชวังสุริยาหลัว ชิงเฉิง มุ่งหน้าออกไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยขุมสมบัติ ส่วนชิงห่านอี้และอีเย่เจี้ยนเก้อจะรับหน้าที่ในการปกป้องดูแลพระราชวังอาทิตย์อัสดง
ส่วนทางฝั่งของสุ่ยหยุนเฟิงได้พาผู้ติดตามไปด้วยอีก4 คน แม้ว่าจะเป็นจำนวนเพียงแค่หยิบมือ แต่ทุกคนรวมเป็นยอดยุทธที่แข็งแรง ซึ่งสร้างความน่าประหลาดใจแก่ชิงสุ่ยเป็นอย่างมาก เพราะทั้ง 4 คนแข็งแกร่งเปรียบเทียบเท่าชิงห่านอี้
ขุมกำลังอย่างถ้ำคลื่นจันทรา ถ้ำวารีจันทรา และตระกูลหยวนล้วนแข็งแกร่งกว่าขุมกำลังของพระราชวังหมาป่ามังกร ซึ่งชิงสุ่ยก็ได้เห็นมันด้วยตาตนเอง เขาจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนของถ้ำวารีจันทราถึงได้สายตามองกลุ่มของพระราชวังหมาป่ามังกรอย่างไม่แยแส
ทั้ง4 คนถือเป็นจตุรเทพในแง่ความแข็งแกร่งของกลุ่มถ้ำวารีจันทรา แน่นอนว่าครั้งที่เจอกันล่าสุด ทั้ง 4 คนทำงานอยู่เพียงแค่เบื้องหลัง และคนที่ชิงสุ่ยสังหารไปก็มีพลังอ่อนด้อยกว่าทั้ง 4 คนนี้
เพื่อให้ได้มาถึงผลตอบแทนคืนกลับที่คุ้มค่าสุ่ยหยุนเฟิงยอมใช้ทุกอย่างเพื่อดึงดูดให้ทั้ง 4 คนนี้ออกเดินทางกับเขา เพราะแน่นอนว่าหากมีการรวมตัวของกลุ่มพลังความตายย่อมปรากฏเสมอ แต่เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่ได้จากถ้ำวารีจันทรา ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย ยารักษา ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า novel-lucky
และส่วนใหญ่คนเหล่านี้ก็มีความจงรักภักดีเป็นทุนเดิมการพูดคุยทั้งหมดจึงกลายเป็นเรื่องง่าย
……………..
เส้นทางมังกรการุณแห่งแดนทะเลเหนือตั้งอยู่ไม่ห่างไกลจากที่นี่แต่ก็ไม่ได้ใกล้กว่าที่คนคาดคิด มันตั้งอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาตงเยวี่ยแห่งยอดตะวันออก มันคือสถานที่ที่รู้จักกันในนามมังกรการุณซึ่งเป็นตำนานของผู้คน มังกรการุณเป็นสมญานามของชาย ชายที่ทุกคนขนานนามว่ามนุษย์มังกร
แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับชิงสุ่ยขณะเดียวกันชิงสุ่ยก็ได้นำพาหญิงสาวทั้งสองคนและกลุ่มสุ่ยหยุนเฟิงมุ่งหน้าตรงไปยังเทือกเขาตงเยวี่ยแห่งยอดตะวันออกอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึง3 ชั่วโมง กลุ่มของชิงสุ่ยก็เดินทางมาถึงสวนลึกที่สุดของเทือกเขาตงเยวี่ยตลอดระยะทางในการเดินทาง พวกเขาได้พบเจอกับสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในแดนมหาสมุทร แต่เมื่อพวกมันสัมผัสถึงกลิ่นอายอันทรงพลังจากตัวของชิงสุ่ยและคนอื่นๆ สิ่งที่พวกมันทำได้คือการหนีหัวซุกหัวซุน กลัวจะถูกสังหาร
และในระหว่างทางพวกเขายังได้พบเจอกับผู้คนอีกมากมาย ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของชิงสุ่ยดี และทันทีที่เห็นชิงสุ่ย แต่ละคนก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงเข้าใกล้ชายพรุ่งนี้
ทันทีที่เข้าไปภายในเทือกเขาตงเยวี่ยกลุ่มของชิงสุ่ยได้พบเจอกับเหล่านักรบที่แข็งแกร่งมากมาย รวมทั้งเหล่าผู้คนจากตระกูลหยวน
”ชิงสุ่ยดูนั้นสิ ชายผู้นั้นก็คือหยวนเชอ ผู้คนต่างบอกเล่าว่าชายผู้นี้ได้รับทักษะอสรพิษแห่งหยวนแห่งตระกูลหยวน เขาจึงเปลี่ยนชื่อตัวเองกลายมาเป็นหยวนเชอ”
มีคนบอกเล่าไว้ว่าเหล่าสมาชิกตระกูลล้วนมีสายเลือดสืบทอดมาจากอสรพิษแห่งหยวนซึ่งเป็นสายเลือดที่สืบทอดมาจากมังกรโบราณ จึงแทบไม่ต้องอธิบายถึงความแข็งแกร่งของสายเลือด
ชิงสุ่ยมองไปยังบุคคลที่สุ่ยหยุนเฟิงแนะนำเบื้องหน้าของเขาคือชายวัยกลางคน ที่มีอายุอานามใกล้เคียงกับสุ่ยหยุนเฟิง ภายนอกเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล พร้อมกับเครื่องแต่งกายสีดำที่ทำให้เขาดูเป็นคนหยิ่งทะนงมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ชิงสุ่ยจ้องมองหยวนเชอก็มีอีกสายตานึงกำลังจับจ้องมาที่สุ่ยหยุนเฟิง เพราะยังไงซะ ผู้นำถ้ำวารีจันทราก็ถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความสามารถมากที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน
หลายปีที่ผ่านมาผู้คนมากมายจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของสุ่ยหยุนเฟิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่สุ่ยหยุนเฟิงแสดงอาการประหลาด แม้เขาจะพยายามปิดบังอาการบาดเจ็บ แต่ก็ยังมีคนปล่อยข่าวลือเรื่องที่เขาจะป่วย แน่นอนว่า สุ่ยหยุนเฟิงไม่เคยออกมายอมรับมัน แต่ผู้คนก็เลือกที่จะเชื่อตามข่าวลือ
การที่ข่าวรั่วไหลออกไปมันยิ่งทำให้สุ่ยหยุนเฟิงเหมือนคนตลกแต่ก็ไม่มีใครกล้ามาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเขา
หยวนเชอกำลังมองมาที่สุ่ยหยุนเฟิงจู่ๆ ใบหน้าของเขาได้เห็นรอยยิ้มอันน่าแปลกประหลาด มันเป็นใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจ แต่แฝงไปด้วยความยินดีในความโชคร้ายที่สุ่ยหยุนเฟิงได้รับ
ชิงสุ่ยเองก็กำลังจับตามองทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายเขารับรู้ถึงความสัมพันธ์อันน่าสะอิดสะเอียนที่มีต่อผู้คนรอบข้าง และความรู้สึกประหลาดที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวหยวนเชอ