ตอนที่ 761 ยอมรับไป๋หลี่เฉิน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 761 ยอมรับไป๋หลี่เฉิน

อันหลิงเกอรู้สึกว่าในที่สุดก็ได้ระบายความทุกข์ใจออกมาเสียทีเพราะตลอดช่วงสามเดือนมานี้นางต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์มากมายเหลือเกิน

เมื่อวันนี้ได้พบไป๋หลี่เฉิน แม้นางมิอยากมีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับราชวงศ์อีก ทว่าไป๋หลี่เฉินเป็นคนเดียวที่นางเชื่อใจและทำให้รู้สึกเหมือนถูกปลอบประโลม

อันหลิงเกอโดนหลอกและโดนรังแกมามากจึงทำให้หัวใจเต็มไปด้วยความแค้น นางโกรธแค้นคนเหล่านั้นที่ทำให้ตนต้องมาเป็นเช่นนี้

เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา นางก็เหมือนคนไร้ศักดิ์ศรีและไร้อิสระ เหมือนเป็นลูกตุ้มที่แกว่งไปมาระหว่างพวกเขาและไร้ซึ่งคุณค่าในตัวเอง

อันหลิงเกอนึกถึงความรักของมู่จวินฮานและฟางหลิงซู่ที่มีให้ตนและดูเหมือนนางจะได้ครอบครองความรักของทั้งคู่ ทว่าพวกเขาก็ทำร้ายและทำให้นางต้องเจ็บปวดจนท้ายที่สุดนางไม่เหลืออันใดเลย

ไป๋หลี่เฉินมองอันหลิงเกอที่อยู่ตรงหน้าโดยมิรู้ว่าตอนนี้นางกำลังรู้สึกเช่นไร รู้เพียงว่าเขาคิดถึงนางมาโดยตลอด คาดมิถึงว่าจะได้พบนางในสถานการณ์เช่นนี้

ดูเหมือนนางต้องเผชิญความยากลำบากมากโขและคนที่อยู่ข้างกายก็ทอดทิ้งไปหมด

อันหลิงเกอไม่เหลือสิ่งใดอยู่เลยจึงได้แต่เดินเตร่อยู่ที่นี่และไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ

“ช่วงหลายวันมานี้ข้าได้พบผู้คนมากมายแต่ไม่มีผู้ใดยอมรับในตัวข้าเลย บัดนี้แม้แต่ที่พักพิงก็ยังไม่มี”

คำพูดของอันหลิงเกอแสนอ้างว้างแต่มันคือความจริงที่กำลังประสบอยู่ นางไม่รู้ว่าจะไปที่ใด แม้รู้จักไป๋หลี่หมิงซานหรือห่าวตงเยว่ซึ่งสามารถให้ที่พักพิงได้ ทว่าพวกเขาล้วนมีเป้าหมายในตัวนางทั้งสิ้น

อันหลิงเกอมิได้เล่าเรื่องที่รู้จักกับไป๋หลี่หมิงซานและห่าวตงเยว่ให้ไป๋หลี่เฉินฟังเพราะความรู้สึกของนางบอกว่ามิควรพูดออกไป เนื่องจากไป๋หลี่หมิงซานเป็นท่านอาของไป๋หลี่เฉิน หากพูดไปก็อาจมิส่งผลดีต่อใครเลย

ขณะมองท่าทางที่ร้องไห้และหัวเราะเนื่องจากความเมามายของนาง ไป๋หลี่เฉินจึงตัดสินใจพานางเข้าวังไปด้วยกัน

นอกจากหอสดับพิรุณแล้วเขายังมีเผ่าพิษหนอนกู่ที่ต้องปกครอง

หากตอนนี้ไม่มีใครปกป้องนาง เช่นนั้นเขาจะปกป้องเอง

ก่อนหน้านี้เพราะนางมีมู่จวินฮานอยู่ เขาจึงต้องยอมแพ้ ทว่ามู่จวินฮานทอดทิ้งนาง แล้วเขาก็สามารถดูแลต่อได้

มิรู้ว่าเพราะเหตุใดไป๋หลี่เฉินจึงหลงใหลในตัวอันหลิงเกอมากเพียงนี้ แม้มิได้พบกันนาน แต่เขามิยอมแต่งชายาหรือสนมเลย ดังนั้นตำหนักของเขาจึงไม่มีผู้ใดอยู่ด้วยสักคน

เพราะไป๋หลี่เฉินคิดถึงอันหลิงเกอตลอดเวลาราวกับว่าหัวใจได้ถูกนางครอบครองไปหมดแล้ว มิว่าเขาจะได้ครอบครองนางหรือเปล่าก็ไม่ยอมเข้าใกล้สตรีอื่นอยู่ดี

บัดนี้อันหลิงเกอได้มาอยู่ข้างกายแล้วจึงพูดได้ว่านี่คือของขวัญล้ำค่าสำหรับเขา

ไป๋หลี่เฉินมิสนใจสิ่งที่นางประสบมาในอดีตหรือความเจ็บปวดที่นางได้รับ เพราะตั้งแต่นี้ไปเขาจะมอบความสุขให้นางเอง

ไม่รู้ว่าพออันหลิงเกอตื่นขึ้นมาแล้วจะยอมอยู่ข้างกายเขาหรือไม่ แต่สิ่งที่เขามองออกก็คือความแค้นในแววตาของนาง หากเป็นเช่นนี้เขาก็ยินดีที่จะช่วยนางแก้แค้นเอง

เดิมทีไป๋หลี่เฉินมิใช่คนทะเยอทะยานจึงไม่อยากสู้รบปรบมือกับผู้ใด บัดนี้เผ่าพิษหนอนกู่แข็งแกร่งมากและเขาต้องปกครองให้ดีเท่านั้น

ตอนนี้มีอันหลิงเกอมาอยู่ด้วย ทันใดนั้นเขาก็คิดอยากทวงคืนความยุติธรรมให้นาง อยากต่อสู้กับต้าโจวและเผ่าปิงชวน แม้อันหลิงเกอมิเคยสนใจกันเลย ทว่าเขาก็ยังอยากทำเพื่อนาง

อันหลิงเกอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นยามอู่ของวันต่อมา นางดื่มไปมากจึงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย หลังตื่นขึ้นมาแล้วก็มิรู้ว่าอยู่ที่ใด

ไป๋หลี่เฉินมิได้ส่งคนอื่นมาดูแลนาง แต่ให้นางกำนัลคนสนิทมาดูแล เนื่องจากเขาเชื่อใจคนของตนซึ่งนางกำนัลคนนี้ก็เป็นคนฉลาดและเอาใส่ใจ

เขาอยากยกทุกอย่างที่ดีที่สุดให้อันหลิงเกอเพราะรักนางมากซึ่งเวลานี้อันหลิงเกอได้สติและจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้แล้ว

เวลาอาหารกลางวันมาเยือน นางก็ได้พบไป๋หลี่เฉินอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังแต้มไปด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่นและให้ความรู้สึกเอาอกเอาใจ แม้เขามิเคยอยู่ร่วมกับนางมาก่อนทว่าอาหารที่เตรียมไว้ก็เป็นของที่นางชอบทั้งสิ้น

แสดงให้เห็นว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขายังคิดถึงนาง ไป๋หลี่เฉินมักอยากรู้เสมอว่าอันหลิงเกอเป็นเช่นไร และตั้งแต่หลู่เยว่เยว่เข้ามาอยู่ในจวนอ๋องมู่ ข่าวที่เขาได้รับก็เป็นข่าวของหลู่เยว่เยว่มิใช่ของอันหลิงเกออีกต่อไป

เขาคิดแค่ว่านางคลอดบุตรให้มู่จวินฮานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่มิเคยรู้มาก่อนว่าสตรีผู้นั้นมิใช่อันหลิงเกอตัวจริง ส่วนอันหลิงเกอต้องเผชิญความทุกข์ทรมานและประสบการณ์แสนเลวร้ายเสียได้

ไป๋หลี่เฉินหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้อยู่ข้างกายนางและหลงเข้าใจผิดว่าฟางหลิงซู่กับมู่จวินฮานจะดูแลนางเป็นอย่างดี คาดมิถึงว่าจะทำร้ายนางจนเป็นเช่นนี้เสียได้

อันหลิงเกอในปัจจุบันมิได้มีชีวิตชีวาเหมือนอดีต นางดูเศร้าหมองไร้ความสดใสซึ่งตัวนางในอดีตมักดูกล้าหาญและแข็งแกร่งอยู่เสมอ เรียกได้ว่านางมีพลังงานมากกว่าบุรุษด้วยซ้ำ

ในอดีตนางเป็นสตรีที่สง่างาม ฉลาดและมากความสามารถ มิว่าด้านกลศึกหรือด้านค้าขายก็ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ ปัจจุบันกลับมีสภาพเช่นนี้เสียได้

ยามมองอันหลิงเกอก็ทำให้เขาอยากไปหามู่จวินฮานเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้นาง แต่รู้ว่าตอนนี้อันหลิงเกอมิอยากพบมู่จวินฮานอีกต่อไปแล้ว

“หากเจ้าอยากแก้แค้นหรือมีความแค้นอยู่ในใจ ข้ายินดีช่วยเจ้า” ไป๋หลี่เฉินกล่าวออกมาอย่างจริงใจ อันหลิงเกอเองก็รับรู้ได้ว่าเขาอยากช่วยเหลือจากใจจริง

มิว่าเป็นหอสดับพิรุณหรือเผ่าพิษหนอนกู่ที่ยึดครองได้ในปัจจุบัน ไป๋หลี่เฉินก็สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลา

แต่ตอนนี้อันหลิงเกอมิอยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเชื้อพระวงศ์อีก แม้เขามิเคยทำร้ายนาง ทว่าเพราะปมในใจจึงทำให้นางมิอยากอยู่ที่นี่ต่อ

“อันหลิงเกอ ให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด” ไป๋หลี่เฉินอ่านความคิดของนางออกจึงรู้ว่านางอยากไปจากที่นี่และรู้ว่าหากไปแล้วเขาอาจมิได้พบนางอีก

“ขอโทษด้วย ข้ามิอยาก…” อันหลิงเกอยังพูดมิทันจบ ไป๋หลี่เฉินก็พูดแทรกขึ้นมาอีก

“ข้ารู้ว่าเจ้ามิอยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในราชวงศ์ แต่กับข้ามิเหมือนกัน เพราะหากเจ้าอยากไปที่ใด ข้าก็สามารถออกไปกับเจ้าได้ทุกที่และสามารถปกป้องเจ้าได้”

ขณะฟังไป๋หลี่เฉินพูด อันหลิงเกอก็ย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาบอกว่าเชื่อในตัวนาง ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็รู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อยเพราะนานมากแล้วที่ไม่มีใครเชื่อตน

ท้ายที่สุดอันหลิงเกอก็ตัดสินใจลองเชื่อเขาสักตั้งและยอมรับความช่วยเหลือไว้เพราะตอนนี้นางอยู่ตัวคนเดียวไร้ซึ่งอำนาจใด หากออกไปจากที่นี่ก็คงตั้งหลักใหม่ได้ยากนัก

แต่หากได้รับความช่วยเหลือจากไป๋หลี่เฉินแล้วอาจสามารถกลับไปที่ต้าโจวและแก้แค้นในสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านั้นได้ทำกับนางทั้งหมด