ตอนที่ 762 ผลประโยชน์ร่วม

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 762 ผลประโยชน์ร่วม

ไป๋หลี่เฉินรู้ดีว่าสำหรับอันหลิงเกอแล้วเห็นเขามีค่าเพียงเท่านี้

ทว่าเขาก็เต็มใจให้นางใช้ประโยชน์เพราะความรักที่มีให้นางแตกต่างจากผู้อื่น เขาแค่อยากทุ่มเทเพื่อนางและมิเคยคิดครอบครองตัวนางด้วย เนื่องจากมันเป็นความรักที่บริสุทธิ์

ตอนนี้อันหลิงเกอเลือกอยู่กับไป๋หลี่เฉินไปก่อน แม้มิอยากยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์ แต่คำพูดของอีกฝ่ายช่วยย้ำเตือนความแค้นในใจและนางต้องมอบความเจ็บปวดให้แก่คนเหล่านั้นให้ได้

อันหลิงเกอยอมรับว่าตนมิใช่คนดีจึงไม่สามารถให้อภัยใครโดยง่ายและนางก็มิใช่คนใจกว้างเช่นกัน ไม่ว่าตอนมีชีวิตอยู่ในเงามืดหรือตอนนี้ที่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองก็มิอาจให้อภัยคนที่ทำร้ายได้หรอก

ตอนนั้นเพราะความเชื่อใจจึงทำให้นางถูกฟางหลิงซู่ทำร้ายและหลอกใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าหรือแม้แต่ต้องสูญเสียบุตรในครรภ์ ส่วนมู่จวินฮานที่นางรักสุดดวงใจก็ทำร้ายจนต้องตกอยู่ในสภาพนี้

“เมื่อมีเจ้าอยู่ด้วย ข้าก็เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อเจ้า”

ไป๋หลี่เฉินมองอันหลิงเกออย่างอบอุ่น เพราะสำหรับเขาแล้วการมีนางอยู่ข้างกายย่อมทำให้มีความสุขยิ่งนัก

“เจ้า…” อันหลิงเกอย่อมเข้าใจความหมายในคำกล่าวของอีกฝ่าย ทว่าเผ่าพิษหนอนกู่เป็นชนเผ่าที่ทรงอำนาจมากสุดในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้การที่เขามิอยากสู้รบก็เพราะไม่อยากทำ แต่ตอนนี้เพราะนางจึงทำให้เขายินยอมพร้อมใจที่จักเสี่ยงอันตราย

“เจ้ามิต้องกังวลเพราะข้าเองก็ทำเพื่อชนเผ่าเช่นกัน เผ่าพิษหนอนกู่มิได้ขยายอาณาเขตมาหลายปีแล้วคงถึงเวลาเสียที” ไป๋หลี่เฉินเอ่ยกับอันหลิงเกอพร้อมรอยยิ้ม

แท้จริงแล้วไป๋หลี่เฉินกับฟางหลิงซู่มีต้นกำเนิดมาจากเผ่าพิษหนอนกู่เช่นเดียวกัน

พวกเขาล้วนถือกำเนิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ ต่อมาบรรพบุรุษของฟางหลิงซู่ออกไปก่อตั้งหอพิษกู่และปัจจุบันตัวเขาได้ยึดครองเผ่าปิงชวนสำเร็จ ส่วนไป๋หลี่เฉินใช้โอกาสเดียวกันเข้ายึดครองเผ่าพิษหนอนกู่พร้อมขึ้นเป็นประมุข

แม้อันหลิงเกอรู้ว่านี่เป็นข้ออ้างของเขา เนื่องจากต้องรอให้เผ่าปิงชวนและต้าโจวมิได้แข็งแกร่งเท่าอดีตก่อนจึงค่อยขยายอาณาเขต ตอนนี้ถ้าคิดขยายดินแดนออกไปก็อาจส่งผลกระทบด้านอื่นตามมา

ทว่าเพื่ออันหลิงเกอแล้ว ไป๋หลี่เฉินยอมเสี่ยงอันตรายเพราะอยากทำให้นางยิ้มได้และยอมอยู่ข้างกายเขาอย่างเต็มใจ มันก็คุ้มค่ามากเหลือเกิน

“เช่นนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง เมื่อเจ้าเลือกที่จะช่วยเหลือ ข้าก็จะช่วยเจ้าปกป้องเผ่าพิษหนอนกู่และทำให้เผ่านี้เจริญรุ่งเรืองกว่าเดิม”

อันหลิงเกอรู้ว่าไป๋หลี่เฉินทำทุกอย่างเพื่อตนจึงมิอยากเอาเปรียบ และด้วยเหตุนี้นางจึงสัญญาว่าจะช่วยเขาปกครองที่นี่

นับแต่วันนั้นอันหลิงเกอก็ตามไป๋หลี่เฉินเข้าและออกท้องพระโรงอยู่บ่อยครั้งจนกลายเป็นขุนนางหญิงเพียงหนึ่งเดียวของราชสำนัก

แม้ตอนแรกมีคนจำนวนมากมิยอมรับ เนื่องจากอันหลิงเกอเป็นสตรีและยังเป็นสตรีที่มิทราบหัวนอนปลายเท้าแน่ชัดอีกด้วย

ทว่านานวันเข้า เมื่อทุกคนได้เห็นความสามารถของนางว่านอกจากเข้าใจตำราพิชัยสงครามในเชิงลึกแล้วยังรู้ในสิ่งที่พวกบุรุษมิรู้อีกมากมาย บางครั้งสิ่งที่นางเอ่ยออกมาก็เหมือนเป็นการหลอกเด็กทว่ามันกลับใช้ได้ผลจริง

พอนางเข้ามาอยู่ในวังหลวงแล้วชื่อที่ทำให้รู้สึกดีก็คือเทพธิดาไป๋ฉา ด้วยเหตุนี้นางจึงใช้ชื่อนี้เหมือนครั้งอยู่ในโรงน้ำชาเพราะเข้ากับรอยสักฉาฮวาสีขาวประดับด้วยเถาวัลย์บนใบหน้า

จากนั้นมินานเรื่องราวของเทพธิดาไป๋ฉาก็แพร่สะพัดไปทั่วเผ่าพิษหนอนกู่หรือแม้แต่ไปถึงเผ่าปิงชวนและต้าโจวอีกด้วย แค่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้วเทพธิดาไป๋ฉาก็คืออันหลิงเกอเท่านั้นเอง

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสตรีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงเผ่าพิษหนอนกู่คือบุตรีคนโตของท่านโหวอันหรือสตรีผู้เป็นที่รักของอ๋องมู่และประมุขเผ่าปิงชวนนั่นเอง

ทุกคนเข้าใจผิดว่าตอนนี้อันหลิงเกออยู่ที่จวนอ๋องมู่และคิดว่านางได้ใช้ชีวิตสงบสุขในฐานะพระชายาเอก แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้วนางต้องผ่านเรื่องราวใดมาบ้างและตอนนี้นางอยู่ที่เผ่าพิษหนอนกู่

เวลาต่อมาทุกคนในเผ่าพิษหนอนกู่ก็ยอมรับในการมีตัวตนของอันหลิงเกอ พวกเขายอมรับว่าเทพธิดาไป๋ฉาที่ท่านประมุขให้ความสำคัญเป็นคนมีความสามารถอย่างแท้จริง

หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็สามารถตามหาขุมทรัพย์ที่บรรพชนของเผ่าพิษหนอนกู่ซุกซ่อนเอาไว้ เรื่องนี้จึงทำให้เผ่าพิษหนอนกู่สั่นสะเทือนมากกว่าเดิมและทำให้ใต้หล้าต้องหันมาสนใจเนื่องจากผู้ใดก็รู้ว่าในแผ่นดินเผ่าพิษหนอนกู่มีขุมสมบัติโบราณซุกซ่อนอยู่

ทว่ามิเคยมีผู้ใดหาพบและมิรู้ว่าขุมสมบัตินั้นมีมูลค่าเท่าไร มีเพียงคำเล่าลือที่ว่าหากผู้ใดได้ครอบครองขุมทรัพย์นี้จักได้เป็นมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า

ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนจำนวนมิน้อยออกค้นหาขุมทรัพย์ในตำนาน มีบ้างที่หาเจอเพียงน้อยนิดก็สามารถเลี้ยงดูครอบครัวแบบเหลือกินเหลือใช้ได้แล้ว ทว่าพอผ่านไปเนิ่นนานหลายปีก็ยังมิเคยมีผู้ใดหาพบอีก

แม้แต่ทหารในเผ่าพิษหนอนกู่ก็เคยออกตามหาสมบัติเหล่านี้ซึ่งสุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว

อันหลิงเกอได้ใช้ความเข้าใจด้านดาราศาสตร์มาสร้างแผนที่ของขุมสมบัตินี้ขึ้นมา

แม้ผู้อื่นไม่เข้าใจความลับต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ แต่เรื่องเล่าเกี่ยวกับอันหลิงเกอก็แพร่สะพัดไปทั่วหล้า ระหว่างนั้นมิว่าเป็นเผ่าปิงชวนหรือต้าโจวก็เริ่มหวาดกลัวเผ่าพิษหนอนกู่ขึ้นมา

เดิมทีเผ่าพิษหนอนกู่เป็นชนเผ่าที่ทรงอำนาจอยู่แล้ว เมื่อรวมกับขุมทรัพย์ในตำนานที่ขุดพบโดยเทพธิดาไป๋ฉาจึงเชื่อว่าเผ่าพิษหนอนกู่ต้องกลายเป็นชนเผ่าที่ไร้ผู้ต่อกร ในระหว่างนั้นเผ่าปิงชวนและต้าโจวก็รู้สึกว่าแผ่นดินของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย แม้ตอนนี้เผ่าพิษหนอนกู่ยังมิคิดขยายอาณาเขตแต่สถานการณ์ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เพราะช่วงหลายวันมานี้เหมือนว่าความทะเยอทะยานของเผ่าพิษหนอนกู่จะชัดเจนขึ้นและทำให้พวกเขามิอาจเพิกเฉยอีกต่อไป

แม้ในอดีตเผ่าพิษหนอนกู่เคยลงนามในสัญญาสงบศึกกับต้าโจว ทว่าบัดนี้มิรู้เพราะเหตุใดราชทูตแห่งต้าโจวจึงโดนเผ่าพิษหนอนกู่เมินเฉยใส่ กระทั่งไม่ยอมรับของบรรณาการจากต้าโจวด้วย

แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้และมู่จวินฮานรู้สึกกระวนกระวายไม่น้อย

ทางด้านฟางหลิงซู่ก็รู้สึกกังวลเรื่องนี้ เนื่องจากมีข่าวลือว่าเผ่าพิษหนอนกู่มีอาวุธพร้อมสรรพถึงขั้นสามารถถล่มภูเขาพลิกแผ่นดินได้หมายความว่าอาวุธนั้นทรงพลังมาก แม้มิได้เห็นด้วยตาแต่เขาก็คิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องจริง

พวกเขารู้ว่าทุกอย่างนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทพธิดาไป๋ฉาผู้ลือนาม แต่มิรู้ว่าสตรีนางนี้มีภูมิหลังอย่างไรถึงได้มีสติปัญญาและความกล้าหาญมากเพียงนี้

นอกจากนี้อันหลิงเกอยังช่วยฝึกทหารของเผ่าพิษหนอนกู่โดยใช้วิธีอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเพื่อฝึกให้ทหารเหล่านี้เปรียบเสมือนกองกำลังพิเศษที่เชี่ยวชาญในการพรางตัว มิว่าเป็นการซ่อนตัวหรือส่งสารลับก็ทำได้ดีทั้งสิ้น

อันหลิงเกอรู้ว่าหากเกิดสงครามระหว่างสองหรือสามฝ่าย มิเพียงต้องได้เปรียบด้านกำลังทหารเท่านั้น ยังต้องมีหน่วยสนับสนุนลับอยู่เบื้องหลัง เพราะหากไม่สามารถรู้ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามได้มากพอ ฝ่ายของตนก็อาจเดินเข้าหากับดักเสียเอง

อันหลิงเกอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ในเผ่าพิษหนอนกู่ที่ตนปฏิเสธมาโดยตลอด

ปัจจุบันเผ่าพิษหนอนกู่ไม่เหมือนในอดีต เมื่อก่อนเผ่านี้มีเพียงกำลังพลมหาศาลแต่ไร้ทักษะจนทำให้โดนศัตรูบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย

กอปรกับการปกครองฉบับเอื้ออาทรของไป๋หลี่เฉินจึงทำให้พวกเขาไร้ความทะเยอทะยาน ช่างแตกต่างจากฟางหลิงซู่ยิ่งนัก เพราะอันหลิงเกอเข้าใจดีว่าฟางหลิงซู่ต้องคิดรวบรวมกำลังพลเพื่อรวมแผ่นดินอยู่แน่

หลังจากที่ฟางหลิงซู่เห็นเผ่าพิษหนอนกู่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก และรู้ว่าหากมิใช้โอกาสนี้รวมกำลังกับต้าโจวแล้ว เผ่าปิงชวนก็คงอยู่ได้อีกมินาน