ตอนที่ 763 เจรจา
ช่วงหลายวันมานี้ฟางหลิงซู่ครุ่นคิดหาวิธีในการบุกยึดต้าโจวมาโดยตลอด เนื่องจากถ้ามีกำลังพลของต้าโจวแล้ว เผ่าปิงชวนก็สามารถต้านทานเผ่าพิษหนอนกู่ได้อย่างแน่นอน
ฟางหลิงซู่จึงเรียกเฝิงผิงจือและซูฉือหวู่มาพบ จากนั้นทั้งสามคนก็ร่วมหารือเรื่องการทหาร ดูเหมือนตอนนี้ฟางหลิงซู่จะเคยชินกับการมีเฝิงผิงจือคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกาย เนื่องจากนางชำนาญการศึกจึงสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมได้ทุกครั้ง
ส่วนซูฉือหวู่ก็เป็นผู้ช่วยที่ดีของฟางหลิงซู่มาโดยตลอด ดังนั้นต่อให้ฟางหลิงซู่รู้ว่าเรื่องของอันหลิงเกอเป็นฝีมือเฝิงผิงจือและซูฉือหวู่ก็มิได้พูดออกมา
บัดนี้ฟางหลิงซู่ต้องการความช่วยเหลือจากซูฉือหวู่และเฝิงผิงจือจึงมิได้กล่าวโทษในเรื่องนี้ มิหนำซ้ำยังให้โอกาสทั้งสองได้ทำผลงานเพื่อชดใช้ความผิดโดยไม่พูดออกมาตามตรง
“ท่านประมุขเผ่า หม่อมฉันคิดว่าเรามิควรทำศึกกับต้าโจวเพคะ” เฝิงผิงจือมักมีความเห็นแตกต่างจากผู้อื่นทุกครั้งจนทำให้ฟางหลิงซู่ประหลาดใจเสมอ
“หืม ? ” ในระหว่างนั้นฟางหลิงซู่และซูฉือหวู่ต่างเงยหน้ามองนางเพราะอยากรู้ว่าสตรีที่แสนฉลาดผู้นี้จักมีความเห็นอย่างไร
“หากตอนนี้เราวางแผนทำศึกกับต้าโจวก็จักสุ่มเสี่ยงไปหน่อยเพราะต้าโจวและเผ่าปิงชวนมีกำลังทหารใกล้เคียงกัน ถ้าดึงดันจะเปิดศึกก็เกรงว่ามิอาจคาดเดาผลลัพธ์ได้เพคะ”
หลังเฝิงผิงจือกล่าวจบทุกคนก็ก้มมองแผนที่อีกครั้งและเป็นอย่างที่นางกล่าวจริง ๆ เพราะมิว่าเป็นด้านภูมิศาสตร์หรือกำลังทหาร ต้าโจวกับเผ่าปิงชวนก็ต่างกันมิเท่าไร หากเปิดศึกก็คงคาดเดาผลลัพธ์ไม่ได้
“ทว่าบัดนี้กำลังของเรามีความเหลื่อมล้ำกับเผ่าพิษหนอนกู่มาก หากมิเลือกลงมือกับต้าโจวก่อนแล้วจะรอให้เผ่าพิษหนอนกู่เป็นฝ่ายเปิดศึกก่อนหรือไร ? เช่นนั้นเราจะมีโอกาสชนะมากกว่าหรือ ? ”
ซูฉือหวู่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเฝิงผิงจือสักเท่าไร น้ำเสียงจึงแฝงไว้ด้วยความสงสัย ตัวเขาย่อมเข้าใจสติปัญญาของนางดี แต่คราวนี้มิค่อยเข้าใจความหมายที่นางต้องการสื่อเลย
“ท่านประมุขเผ่าและแม่ทัพน้อยซู หม่อมฉันหมายความว่าแทนที่จะเปิดศึกกับต้าโจวแล้วให้เผ่าพิษหนอนกู่นั่งเฉยเพื่อตักตวงผลประโยชน์ พวกเราร่วมมือกับต้าโจวแล้วบุกโจมตีเผ่าพิษหนอนกู่มิดีกว่าหรือ ? ตอนนี้กำลังทหารของเรากับเผ่าพิษหนอนกู่เหลื่อมล้ำกันก็จริง แต่หากเผ่าปิงชวนรวมกำลังกับต้าโจวจะต้องแข็งแกร่งกว่าเผ่าพิษหนอนกู่แน่นอนเพคะ”
เมื่อเฝิงผิงจือกล่าวจบ ซูฉือหวู่และฟางหลิงซู่ก็เข้าใจทันที กลยุทธ์ของสตรีนางนี้แข็งแกร่งและล้ำลึกยิ่งนักจนบุรุษทั้งสองอดชื่นชมมิได้
“ทว่าอ๋องมู่แห่งต้าโจวคงไม่ยอมร่วมมือกับเราโดยง่าย เนื่องจากพวกเรากับต้าโจวเคยบาดหมางต่อกัน ยังมิต้องกล่าวถึงว่าจะโดนเยาะเย้ยหรอกเพราะพวกเขาคงไม่มีทางเจรจากับเราด้วยซ้ำ”
ซูฉือหวู่มองได้อย่างกระจ่างและแน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้นเพราะต้าโจวไม่มีทางร่วมมือกับเผ่าปิงชวนโดยง่าย แม้มิใช่พระประสงค์ของฮ่องเต้ทว่าขุนนางของราชสำนักต้าโจวก็ไม่เห็นด้วยเด็ดขาดเพราะมิอาจเชื่อใจเผ่าปิงชวนได้เลย
“หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบีบบังคับให้พวกเขายอมร่วมมือ” เฝิงผิงจือกล่าวพร้อมคลี่ยิ้มออกมาขณะมองฟางหลิงซู่ ส่วนซูฉือหวู่มีนิสัยตรงไปตรงมาจึงไม่เข้าใจความหมายซึ่งนางขอเพียงฟางหลิงซู่เข้าใจก็พอแล้ว
เป็นอย่างที่คิดว่าพอฟางหลิงซู่ฟังคำแนะนำของเฝิงผิงจือจบก็หรี่ตาลงทันที เพราะกำลังคิดว่าครั้งนี้จะลงมือกับมู่จวินฮานหรือลงมือกับหลู่เยว่เยว่ดี
ตอนนี้มู่จวินฮานได้รับยาถอนพิษของจริงไปแล้วจึงแข็งแรงดี ส่วนหลู่เยว่เยว่ก็โดนเข้าใจว่าเป็นอันหลิงเกอตัวจริงและยังได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีอยู่ในจวนอ๋องมู่
ถ้าตอนนี้เขาลงมือกับหลู่เยว่เยว่ก็จะสามารถบีบให้มู่จวินฮานทำงานและร่วมมือได้ ทว่าหลู่เยว่เยว่จะเผยเรื่องทุกอย่างหรือไม่ นางจะเปิดเผยแผนการของเขาหรือเปล่า ?
“ท่านประมุขเผ่าวางใจได้ แม้หลู่เยว่เยว่ใจกล้ามากเพียงใดก็ไม่มีทางพูดออกมาเพราะตอนนี้นางมีที่พึ่งเดียวคืออ๋องมู่ หากอ๋องมู่รู้ความจริงแล้ว ท่านคิดว่าเขายังต้องการนางอีกหรือเพคะ ? ”
เพียงมองปราดเดียวเฝิงผิงจือก็ทราบเรื่องกวนใจของฟางหลิงซู่ได้อย่างแจ่มชัด นางรู้อยู่แล้วว่าฟางหลิงซู่จะเลือกลงมือกับหลู่เยว่เยว่ ทว่าก็ยังกังวลเรื่องที่อีกฝ่ายอาจเปิดโปงความจริงเกี่ยวกับอันหลิงเกอ
“ถ้าเป็นเช่นนี้ก็มิต้องรอเวลาอีกแล้ว ! ” ทันใดนั้นดวงตาของฟางหลิงซู่ก็เปล่งประกายเพราะการที่เฝิงผิงจือเป็นคนฉลาดย่อมช่วยเขาได้มากและทำให้หมดกังวลในเรื่องต่าง ๆ ได้
“ครั้งนี้ข้าจะไปต้าโจวเพื่อเจรจากับอ๋องมู่” เป็นธรรมดาที่ฟางหลิงซู่จะมีเป้าหมายส่วนตัวแฝงอยู่ เพราะเขาอยากลองเสี่ยงอีกสักครั้งเพื่อดูว่าจะหาร่องรอยของอันหลิงเกอพบหรือไม่
เช้าวันต่อมา ฟางหลิงซู่ก็ออกเดินทางตรงไปที่เมืองจิงแห่งต้าโจว
คราวนี้เขามิได้มาเยือนอย่างเปิดเผยแต่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเข้ามาให้เมืองหลวงแห่งนี้แทน
ปัจจุบันต้าโจวได้เตรียมการป้องกันเผ่าปิงชวนไว้เป็นอย่างดี เรื่องนี้ฟางหลิงซู่ย่อมรู้ดีจึงมิได้ใช้ฐานะจริงแต่เลือกปลอมตัวเป็นพ่อค้านั่นเอง
เมื่อครู่ฟางหลิงซู่มาถึงเมืองจิงแล้วก็เดินทางไปที่โรงเตี๊ยมทันทีเพราะมิอาจกลับไปที่หอพิษกู่ได้อีก มิเช่นนั้นฐานะก็คงถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็รอให้อาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ความมืดมิดเข้ามาปกคลุมแทนที่แสงสว่างแล้วเขาก็มาถึงจวนอ๋องมู่และตรงไปที่เรือนของหลู่เยว่เยว่ทันที เป็นอย่างที่คิดไว้ว่าตอนนี้หลู่เยว่เยว่อยู่ในเรือนฝูหลิงที่อันหลิงเกอเคยครอบครอง
ตอนนี้นางกำลังนอนหลับสนิท เพียงชั่วขณะหนึ่งฟางหลิงซู่หลงเข้าใจผิดว่านางคืออันหลิงเกอจนเกือบมิกล้าลงมือ แต่พอตั้งสติได้แล้วเขาก็ยัดยาพิษเข้าในปากของหลู่เยว่เยว่ทันที
การกระทำเช่นนี้ทำให้หลู่เยว่เยว่ตกใจจนตื่นขึ้นมาและเห็นฟางหลิงซู่อยู่ตรงหน้า
“ไปบอกอ๋องมู่ว่าถ้าอยากช่วยชีวิตเจ้าก็มาร่วมมือกับเผ่าปิงชวนเพื่อเปิดศึกกับเผ่าพิษหนอนกู่ เพราะถ้ามิยอมก็เกรงว่าเจ้าต้องจบชีวิตพร้อมร่างที่เน่าเปื่อย”
หลังกล่าวจบฟางหลิงซู่ก็เตรียมเดินจากไปแต่คาดมิถึงว่าหลู่เยว่เยว่จะเข้ามากอดขาไว้จากทางด้านหลัง
“ท่านประมุขเผ่า ท่านประมุขเผ่าปล่อยหม่อมฉันไปเถิด เรื่องของอันหลิงเกอนั้นหม่อมฉันมิได้ตั้งใจเพคะ ! ” คำขอร้องของหลู่เยว่เยว่น่ารำคาญยิ่งนัก แต่ฟางหลิงซู่ก็อดสงสัยมิได้ว่าการที่นางทำตัวหวาดกลัวขนาดนี้เพราะทำอันใดกับอันหลิงเกอกันแน่
“เจ้าทำสิ่งใดต่อนาง ? ” ฟางหลิงซู่ยังมิทันถามจบก็ได้ยินเสียงฝีเท้ารีบเร่งเดินมาทางนี้ คงเพราะได้ยินเสียงร้องของหลู่เยว่เยว่จึงมีคนมาที่นี่
“บัดซบ” ฟางหลิงซู่สบถออกมา จากนั้นก็กระโดดออกไปนอกเรือนและหนีไปจากจวนอ๋องมู่ทันที แม้หลู่เยว่เยว่กอดขาเขาไว้ตลอดแต่นางก็ทนแรงเตะมิไหว ทันใดนั้นก็มีเลือดไหลออกมาตรงมุมปากของนาง
ยาพิษชนิดนี้ออกฤทธิ์เร็วนัก มู่จวินฮานยังมิทันมาถึงนางก็รู้สึกว่าทั้งตัวถูกแผดเผาคล้ายมีคนกำลังถลกหนังออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ตอนที่ฟางหลิงซู่วางยาพิษชนิดนี้ก็เตือนหลู่เยว่เยว่ว่าใบหน้าของนางล้วนเป็นของปลอม หากเกิดอันใดขึ้นก็เพราะนางไม่คู่ควร
ตอนนี้มู่จวินฮานมาถึงแล้ว ส่วนหลู่เยว่เยว่ก็ลงไปนอนกลิ้งกับพื้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน หากไร้ยาถอนพิษชนิดนี้นางก็คงมีชีวิตอยู่ได้แค่ครึ่งเดือน ขณะมองท่าทางทรมานของหลู่เยว่เยว่แล้ว มู่จวินฮานก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีคนนำมีดมาแทงหัวใจ หลังจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังโรงเตี๊ยมที่ฟางหลิงซู่พักอยู่ทันที
ส่วนฟางหลิงซู่พอออกจากจวนอ๋องมู่แล้วยังกังวลเรื่องของอันหลิงเกอ เพราะมิรู้ว่านางได้รับความโหดร้ายอันใด และมิรู้ว่าหลู่เยว่เยว่ทำสิ่งใดกับนางไปบ้าง หลู่เยว่เยว่ถึงได้หวาดกลัวเขามากเพียงนี้
ทำให้ฟางหลิงซู่ค้นหาคนในจวนอ๋องมู่และขอให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องราวทั้งหมดทันที ทหารยามผู้นั้นก็เล่าได้อย่างละเอียดและมิลืมเล่าถึงสิ่งที่อันหลิงเกอได้เผชิญในวันนั้นออกมาจนหมด