ตอนที่ 810 แกไม่ใช่หมา

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

หลังจากทิ้งระเบิดใส่หลูปิงเซ่อชูฮันก็หน้าตึงและออกเดินมุ่งหน้ามายังที่พักของเขาต่อทันที หลังจากเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวานลากยาวมาจนถึงวันนี้ เหล่านายพลทั้งหลายที่เป็นแขกของค่ายหนานตู้ได้ถูกจัดให้ย้ายมาพักในตัวเมือง แถมการดูแลก็เรียกได้ว่าธรรมดา ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความพิเศษในพื้นที่ VIP ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะตัวห้องพักที่ค่อนข้างคับแคบ เนื่องด้วยมันเป็นที่พักชั่วคราวที่จัดการขึ้นอย่างเร่งด่วนโดยค่ายหนานตู้
  แน่นอนมันอาจเป็นปัญหาสำหรับเหล่านายพลคนอื่นๆแต่สำหรับชูฮันนั้นที่พักของเขาตอนนี้มันไม่ได้มีความต่างอะไรกับที่พักเดิมในพื้นที่ VIP เลย
  แน่นอนสำหรับการปฏิบัติพิเศษเช่นนี้เหล่านายพลทั้งหลายจากค่ายอื่นๆต่างถกเถียงกันอย่างไม่พอใจและต้องการได้เหมือนกับที่ชูฮันได้ ในตอนแรกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเพราะต้องการจะเรียกร้องสิทธิตัวเองกับชูฮัน
  แต่วันนี้เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีใครกล้าจะเรียกร้องอะไรอีก
  และทันทีที่ชูฮันก้าวเข้าไปในบ้านพักทุกคนก็สลายตัวหนีกันไปที่ห้องตัวเองทันที
  ”ฮ่าฮ่าฮ่า!กังวลอะไรกัน โฮ่ง? ” หวังไคที่กลับเข้าสู่ขนาดเท่าเดิม ตอนนี้มันกำลังนั่งอยู่ที่พื้น ตะคอกใส่ชูฮัน
  หลังจากที่หวังไคเอาขวานซิ่วโหลมาส่งให้ชูฮันมันก็แอบใช้จังหวะที่ทุกคนถูกดึงความสนใจไปที่การต่อสู้หลบหนีออกมา หลังจากนั้นมันก็ไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์หลังจากนั้นเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการพนันระหว่างฉางกวนยวีซินและจงคุยด้วยซ้ำ
  หวังไคก็แค่คาดเดาจากสีหน้าแต่เพราะมันพลาดจุดสำคัญไป พอเห็นหน้าตาทมึงของชูฮัน หวังไคจึงได้รู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว  ไม่ทันได้หนีขาข้างขวาของชูฮันก็เตะหวังไคกระเด็นด้วยความโกรธที่อัดแน่น
  ”ปั่ก!”
  เกิดเสียงกระแทกดังขึ้นหวังไคถูกอัดจนเบะอยู่ที่พื้น
  ในเวลาเดียวกันชูฮันก็ตะคอกใส่หวังไคราวกับระเบิดลง “แกไม่ใช่หมา แกจะเห่าทำไม ไร้ประโยชน์จริงๆ!”
  ผลลัพธ์จากเสียงกระแทกรุนแรงในห้องพักของชูฮันทำให้เหล่านายพลทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในชั้นเดียวกันสะดุ้งตื่นทันทีจิตใต้สำนึกทุกคนสั่งให้พวกเขากระโดดลงจากเตียงด้วยความกลัวว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น
  ”เกิดอะไรขึ้น?มีอะไรกัน?” เสียงถามไถ่เต็มไปทั่วโถงทางเดิน ทุกคนต่างวิ่งออกมาจากห้องพักตัวเองด้วยความกลัว
  เหล่านายพลไม่กี่คนที่ยังไม่ได้เข้านอนหวาดกลัวกันจนผวาไม่ว่าพวกเขาจะกลัวมากแค่ไหน ไม่ว่าข้างนอกจะเสียงดังขนาดไหนพวกเขาก็จะไม่ออกไป
  ซึ่ง…คนพวกนี้ถือว่าโชคดีมากที่ตัดสินใจไม่คิดจะออกมาเผชิญหน้ากับชูฮันในตอนนี้
  ณตอนนี้หวังไคที่มีสภาพไม่เหลือชิ้นดี ก็พยายามตะกายตัวเองขึ้นมา หน้าตาที่เบี้ยวเพราะโดนแรงอัดอย่างแรงนั้นจ้องเขม็งมาที่ชูฮันด้วยความโกรธ
  ส่วนชูฮันหลังจากที่ได้ระบายอารมณ์ออกไปแล้วก็นั่งลงด้วยหน้าตาอูมตูมอย่างอารมณ์ไม่ดี
  หวังไครู้สึกซาบซึ้งทันทีเมื่อได้เห็นหน้าของชูฮันเต็มๆตามันดีใจที่มันโดนลูกเตะของชูฮันดีกว่าเจอกับขวานซิ่วโหล…
  ขณะที่ภายในห้องพักมีแต่ความเงียบกริบพร้อมกับจิตสังหารจางๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่ด้านนอกก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายกระเจิดกระเจิงของเหล่านายพลทั้งหลายที่กำลังว้าวุ่นเพื่อตามหาว่าเมื่อครู่มันเกิดเสียงอะไรขึ้นกันแน่ ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งตัดสินใจไปที่หน้าห้องของชูฮัน
  ”ก๊อกก๊อก!”
  เสียงเคาะประตูอย่างมีมารยาทดังขึ้นตามด้วยเสียงทักทาย “พลเอกชูฮัน เมื่อกี้เหมือนมีแผ่นดินไหว คุณโอเคหรือเปล่า?”
  ในใจของชูฮันอยากจะพ่นไฟคำรามใส่คนที่มารบกวนเขาทว่าเขาก็ต้องจำใจกลืนมันลงคอไป ทันใดนั้นมุมปากก็ยกยิ้มอย่างชั่วร้ายขึ้นมา จากนั้นก็ตะโกนตอบกลับไปที่ด้านนอก “ไม่มีอะไร พอดีฉันเตียงฉันหัก เดี๋ยวฉันจะรีบไปเปลี่ยนอันใหม่ จะให้ฉันนอนที่นอนเล็กๆแบบนี้ได้ยังไงกัน!”
  ”เอ่อ…”บางคนด้านนอกลังเล จากนั้นก็มีเสียงเอ่ยขอร้องเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “พลเอกชูฮัน ผมขอเข้าไปตรวจดูหน่อยได้มั้ยครับ?”
  ”เข้ามา!” novel-lucky
  ”ครับ!”
  ประโยคสนทนาสั้นๆเรียบง่ายภายในเวลารวดเร็ว ชายคนหนึ่งที่สวมชุดเครื่องแบบทหารของค่ายหนานตู้ก็เดินเข้ามาด้านในที่พักของชูฮัน หลังจากที่เดินเข้ามาและปิดประตูลง สีหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันทีอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเข้ามาหยุดยืนต่อหน้าชูฮัน
  ”หัวหน้าตามหาตัวผมต้องให้ผมทำอะไรครับ?”ชายคนนี้ก็คือเหมิงชีเหว่ยนั่นเอง
  เหมิงชีเหว่ยทำงานหนักมากในตัวเมืองหลักเพื่อแฝงตัวเข้าไปตามคำสั่งก่อนหน้านี้ของชูฮันแต่เมื่อหลูปิงเซ่อมาตามหาเขาอย่างรีบร้อนตามคำสั่งของชูฮัน เหมิงชีเหว่ยที่ไม่กล้าช้าเกินเวลาก็รีบมุ่งหน้ามาหาชูฮันด้วยความเร็วสูงสุด แต่เมื่อมาถึงเขาก็ไม่สามารถเข้าไปด้านในทันทีเพราะมันจะตกเป็นที่สงสัยของผู้คน บังเอิญมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ชูฮันกำลังให้รางวัลกับหวังไคอยู่
  เมื่อมีเสียงกระแทกรุนแรงดังมาจากห้องของชูฮันและตรงโถงทางเดินเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เหมิงชีเหว่ยจึงสบโอกาสใช้จังหวะนี้แฝงตัวเข้าไปและเคาะประตูเรียกชูฮัน
  โอกาสและความฉลาดที่ควบคู่กันมาทำให้เหมิงชีเหว่ยเข้ามาหาชูฮันได้ทันเวลาตามที่กำนหด
  ”เอ่อ”เหมิงชีเหว่ยเดินเข้าไปหาชูฮันอย่างระวังตัว เพราะค่อนข้างจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีของชูฮันในตอนนี้
  ถึงอย่างไรแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ่ายวันนี้พึ่งจะผ่านพ้นไปได้ไม่นานเท่านั้นเอง และความเย่อหยิ่งและความสามารถอันน่ากลัวของชูฮันก็ได้กลายเป็นแบบอย่างให้คนมากมายในโลกาวินาศไปแล้ว
  เหมิงชีเหว่ยเองก็ตกใจอย่างมากในตอนแรกที่ได้ทราบข่าวว่าชูฮันใช้ขวานปาดหน้าพลเอกจงคุยจนเป็นแผลและยังจ่อคอข่มขู่อยู่เป็นเวลานาน
  แย่แล้ว!
  ชูฮันเหลือบตามองเหมิงชีเหว่ยหรี่ตาลงพร้อมกับเคาะนิ้วเป็นจังหวะลงกับโต๊ะ  เหมิงชีเหว่ยยืดตัวทันทีอย่างรอคอยคำสั่งของชูฮันเหมิงชีเหว่ยรับรู้ได้ทันทีเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของชูฮัน เขารู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะต้อองมีคนโชคร้าย!
  แน่นอนว่าหลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก ชูฮันก็ตะโกนออกมา “ภารกิจที่ราชานักล่ารับไปจากฉางกวนหลงจะดำเนินต่อไป นายรีบไปกระจายคำสั่งต่อในคืนนี้ และเปลี่ยนเป้าการโจมตีด้านความคิดเห็นของสาธารณะในวันพรุ่งนี้เป็นพลเอกจงคุยซะ”
  ”ครับ”เหมิงชีเหว่ยไม่พูดอะไร นอกจากพยักหน้าตอบรับคำสั่ง เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าภารกิจนี้จะเร่งด่วน แม่ว่าเขาจะรู้ดีอยู่แล้วว่าวันพรุ่งนี้เขาจะต้องใช้ความคิดเห็นของสาธารณะโจมตีนายพลคนไหนแถมทุกอย่างก็ยังเตรียมการล่วงหน้าไว้พร้อมหมดแล้ว แต่ในเมื่อหัวหน้าชูฮันสั่งเปลี่ยนทุกอย่างเร่งด่วน พวกเขาในฐานะกองกำลังใต้ดินก็จำเป็นต้องแบกรับความกดดันและทำหน้าที่ให้สำเร็จให้ได้  อย่างไรก็ตามเหมิงชีเหว่ยยังคงเงียบเพราะเขาเข้าใจทุกอย่างชัดเจนดี คำสั่งโดยหัวหน้าชูฮันไม่มีสิทธิกังขา และไม่คิดจะสงสัยหรือไม่เห็นด้วยต่อคำสั่งของหัวหน้า เขารู้ดีว่ามีเพียงแค่หัวหน้าชูฮันคนเดียวที่มีสมองอัจฉริยะประมวลผลทุกอย่างคาดการณ์ล่วงหน้าไว้ได้หมดโดยเตรียมการทุกอย่างมาเป็นลำดับขั้นแล้ว
  ขณะที่เหมิงชีเหว่ยตกอยู่ในความคิดชูฮันก็พูดขึ้นอีกครั้ง “โจมตีจงคุยอย่างถึงที่สุด ไม่ต้องออมมือใดๆ อย่าให้มันได้มีโอกาสรอดไปได้”
  แววตาของชูฮันอัดแน่นไปด้วยความแค้นและแผนการชั่วร้ายเต็มไปหมดประกอบกับรอยยิ้มปีศาจที่ปรากฏให้เห็น “นอกจากนี้ นายจะจัดการเคลีย์ทุกอย่างจะไปที่ค่ายจินหยางในวันพรุ่งนี้!”