ประชุมลับระหว่างเหมิงชีเหว่ยและชูฮันนั้นเงียบและสั้นมากระหว่างการพูดคุย เหมิงชีเหว่ยรับคำสั่งมากมายจากชูฮันและจากไปทันทีเพื่อดำเนินการ เขานำคำสั่งของชูฮันไปกระจายต่อแก่เหล่าสมาชิกกองกำลังใต้ดินในค่ายหนานตู้ที่ทำงานข้ามวันข้ามคืนทันที
ต่อมาตลอดคืนที่เหลือก็เข้าสู่ความสงบอีกครั้ง นอกเหนือจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่หลายๆคนเข้าใจ เหล่านายพลทั้งหลายก็ตกอยู่ในความกลัวตลอดคืนจนกว่าจะหายใจได้สะดวกคอก็เมื่อเข้าสู่เช้าวันต่อมา
หลังจากผ่านค่ำคืนนั้นมาทุกอย่างก็เข้าสู่ความปกติ ไม่มีสถานที่ไหนไฟไหม้ ไม่มีการฆ่ากัน หลังจากผ่านตลอดสองวันที่มีแต่การนองเลือดมาได้!
มู๋หรงยู่เฉิงที่คอยสังเกตการณ์ตลอดเวลาไม่ได้พักจนขอบตาดำเป็นแพนด้าหลังจากความวุ่นวายจบลงไป เช้าต่อมาเขาก็ไปเข้าพบกับฉางกวนหลงต่อ “พายุได้ผ่านพ้นไปแล้วครับ แล้วเรื่องเหล่านายพลทั้งหลายที่เป็นแขกของค่ายเราล่ะครับ? พวกเขาดูเหมือนจะยังไม่ล้มเลิกความคิดเรื่องการแต่งงานเลยครับ”
ฉางกวนหลงหงุดหงิด”ฉันไม่รู้ว่าจะตามตัวราชานักล่าได้จากไหน เมื่อวานนี้มีนายพลหนุ่มสองคนสูญเสียชื่อเสียง ส่วนชูฮันก็มีแต่ดูดีขึ้นเรื่อยๆในสายตาคนอื่น เฉินยุนโหลวก็แทบไม่มีจุดด่างอะไรเลย ดูจากรูปการณ์มันยากที่จะหาข้อสรุปได้”
มู๋หรงยู่เฉิงไม่รู้จะตอบยังไงจึงทำได้แค่เพียงเปลี่ยนประเด็นไป “ท่านอยากจะให้ไปตามตัวราชานักล่ามาสอบถามมั้ยครับ?”
ฉางกวนหลงยิ้มและส่ายหัว”ช่างมันเถอะ ราชานักล่าน่าจะมีแผนการรับมือทุกอย่างไว้แล้ว เขามองเห็นร่องรอยลำดับขั้นตอนการเคลื่อนไหวทุกอย่างได้ เราไม่ควรที่จะจู่ๆก็ไปขัดการทำงานของเขา มันอาจจะทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยเราขึ้นมาได้” มู๋หรงยู่เฉิงพยักหน้า”มีอะไรอีกมั้ยครับ? ท่านพลเอก?”
”ไปพักเถอะเหนื่อยกันมาหลายวันแล้ว”
”ไม่เลยครับท่าน”มู๋หรงยู่เฉิงพูดอย่างเกรงใจ หากร่างกายก็รีบขยับตัวถอยหนีไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว “ท่านพลเอกครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
หลังจากพูดจบมู๋หรงยู่เฉิงก็หายวัยไปทันทีเพราะร่างกายอ่อนแอจนเกินขีดจำกัดไปไกลแล้ว เนื่องจากต้องวิ่งวุ่นจัดการอะไรหลายอย่างไม่ได้หยุดพักติดต่อกันมาเป็นเวลาสองวันสองคืน
ฉางกวนหลงไม่ได้ไม่พอใจกับการกระทำของมู๋หรงยู่เฉิงถึงอย่างไรแล้วเขาก็รู้ดีว่าตลอดสองวันที่ผ่านมันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายมากขนาดไหน แน่นอนว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ทั้งหลายคงจะเหนื่อยล้าและอ่อนแรงกันเต็มทีแล้ว
กิจวัตรประจำวันของชาวบ้านค่ายหนานตู้ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความเงียบสงบนายทหารที่เหนื่อยล้ามาตั้งแต่วันก่อนยังคงหลบสนิทยาวไปจนถึงช่วงบ่าย บริเวณถนนทางเดินก็ค่อนข้างเงียบกว่าวันทั่วไปเพราะหลายคนยังนอนพักกันอยู่ จนกระทั่งมีกลุ่มชาวบ้านเริ่มพูดคุยกัน
”รู้อะไรมั้ย!”ชายหนุ่มที่ดูชอบนินทาคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาภายในร้านเหล้า “จงไค ที่มีแนวโน้มจะได้ดองกับค่ายหนานตู้ เมื่อวานนี้กลายเป็นคนพิการ ไม่สามารถสืบทายาทได้ ไม่ต่างอะไรกับขันที!”
”เออฉันรู้มาว่า!” ชายอีกคนร้องตอบอย่างตื่นเต้น “ได้ยินมาว่าไม่ใช่แค่ขันที แต่ช่วงล่างทั้งหมดก็ถูกตัดทิ้ง!”
เมื่อฟังบทสนทนาระหว่างชายทั้งสองคนคนรอบๆก็หูพึ่งกันทันที
”ทำไม?มันเกิดอะไรขึ้น?”
”มิน่าวันนั้นคนเป็นคนพ่อถึงต้องรีบมารับถึงที่นี่!”
”หรือเป็นฝีมือของชูฮัน?แล้วพ่อของจงไคก็เอาแต่จ้องจะให้ชูฮันเป็นคนรับผิดชอบ”
”ไม่ใช่ชูฮันเวลามันไม่ใช่”
”ครั้งนี้ฉันว่าจงไคคงหมดหวังอย่างสิ้นเชิงฮ่าฮ่า สร้างปัญหาไว้ทั้งพ่อลูกขนาดนี้”
”ฉันก็ว่างั้น!ไร้ยางอายทั้งพ่อทั้งลูก”
การซุบซิบในร้านเหล้าแผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายหนานตู้ภายในเวลารวดเร็วไม่นานทั่วทั้งบริเวณที่อยู่ของชาวเมืองหรือแม้แต่พื้นที่ผู้ลี้ภัยก็ต่างกำลังถกเถียงถึงประเด็นนี้กันหมด บางคนก็พูดไปถึงเรื่องของจงคุยอีกด้วย ชื่อเสียงของพ่อและลูกย่อยยับพังพินาศภายในค่ายหนานตู้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
เมื่อฉางกวนหลงได้ยินข่าวมันก็เป็นเวลาช่วงบ่ายเย็นๆของวันไปแล้ว ทว่าหลังจากรู้เรื่องจงไค ฉางกวนหลงก็ไม่ได้มีคำสั่งการใดๆลงมา ในเมื่อเมื่อวานนี้จงคุยเป็นคนทำตัวแย่ๆเอง แล้วลูกชายก็ทำตัวแย่เหมือนกับพ่อ ฉางกวนหลงที่มีความโกรธอยู่แล้วจึงไม่คิดจะแก้ไขอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง แสดงว่าราชานักล่าคงแฝงตัวออยู่ในพื้นที่ตลอดคอยจัดการทำลายชื่อเสียงของทั้งจงไคและจงคุย ฉางกวนหลงค่อนข้างพอใจกับผลงานที่ได้รับมาก หากก็มีความเป็นกังวลเกี่ยวกับราชานักล่าเช่นกัน
สำหรับเหล่านายพลทั้งหลายหลายคนที่กลัวการถูกแฉได้เดินทางจากไปในวันต่อมา หากก็มียังมีอีกหลายที่ยังคงอยู่และเพ้อฝันถึงการแต่งงานกับฉางกวนยวีซินไม่เลิก
เฉินยุนโหลวไม่ได้จากไปโดยเฉพาะเมื่อเขาได้สังเกตเห็นแล้วว่าบางคนดูเหมือนจะถูกจงใจปล่อยข่าวเพื่อทำลายชื่อเสียง novel-lucky
แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีหวังสำหรับการแต่งงานครั้งนี้แต่เขาสามารถใช้โอกาสนี้เพิ่มพูนชื่อเสียงของเขาได้มากขึ้นจากเดิม เขามั่นใจว่าเขาไม่มีความลับสกปรกใดๆที่ต้องกลัว ไม่เหมือนกับนายพลคนอื่นๆและเพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างรู้ตนและมัธยัสถ์ ดังนั้นเขาจึงสามารถปฏิเสธกิเลสต่างๆที่เข้ามาได้ เมื่อนึกภาพคนอื่นๆที่มีประวัติด่างพร้อยเริ่มหายจากไปทีละคนๆคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพียงแค่นึกถึงหัวใจเฉินยุนโหลวก็เต้นรัวด้วยความหวัง เขาตัดสินใจแล้วว่าคนสุดท้ายที่เหลืออยู่จะต้องเป็นเขาและชูฮัน!
ตัวเขากับชูฮันที่เหลืออยู่จนถึงท้ายที่สุดถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะพลาดการเป็นทองแผ่นเดียวกันกับค่ายหนานตู้ไป แต่แน่นอนว่าชื่อเสียงของเขาจะต้องโหมกระหน่ำไปทั่วพร้อมกับชื่อค่ายซือฉวนของเขาอย่างแน่นอน
นี้เป็นโอกาสที่ดีของเขาเพราะงั้นเขาจะไม่พลาดมันไปเด็ดขาด!
มีเพียงแค่เฉินยุนโหลวที่มองเห็นถึงจุดจบทุกอย่างในขณะที่เหล่านายพลคนอื่นๆที่ตัดสินใจอยู่ต่อยังคงมืดแปดด้านอยู่ พวกเขาพยายามที่จะแสดงการมีตัวตนของตัวเองต่อฉางกวนหลงอย่างสิ้นหวัง ทั้งยังพยายามสร้างสถานการณ์ในการเผชิญหน้ากับฉางกวนยวีซิน ทุกคนต่างดิ้นรนเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเอง
ตอนนี้ทุกคนต่างมีความคิดแปลกแยกกันไปของตัวเองมีบรรยากาศแปลกๆภายในที่พัก เหล่านายพลทั้งหลายต่างแข่งขันกันสุดๆ ทุกคนพบเจอหน้าต่างเย็นชาและเก็บงำความลับ ไม่มีใครยอมให้ตัวเองพลาดเพื่อเสียโอกาส
ส่วนชูฮันที่เป็นคนร้ายสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้น ก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากการต่อสู้เมื่อวาน
”พลเอกชูฮันคุณจะไปไหน” เสียงหนึ่งดังขึ้นทันทีหลังจากชูฮันเดินพ้นประตูออกมา เป็นนายพลหนุ่มคนหนึ่งที่มีความต้องการจะแต่งงานกับฉางกวนยวีซินอย่างเต็มเปี่ยม
ชูฮันกระพริบตาปริบๆกวาดตามองขึ้นลงใส่คนที่ถาม “คุณเป็นใคร?”
นายพลหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อยนอกเหนือจากกลิ่นดินปืนจางๆที่ลอยออกมาจากคนตรงหน้า ชูฮันไม่สามารถคาดเดาความคิดหรืออารมณ์ของอีกฝ่ายได้เลย “ผมคือตางเหว่ยจากค่ายเฉิงหยุน หนึ่งในค่ายที่มีชื่อเสียงของจีน”
”โอ้”ชูฮันพยักหน้าเพียงเท่านั้นและออกเดินต่อ
ตางเหว่ยยืนนิ่งค้างอย่างมึนงงนี่ชูฮันกล้าเมินใส่เขา?
มีความไม่พอใจฉายวับเต็มนัยน์ตาของตางเหว่ยทันทีแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา ได้แต่มองตามหลังของชูฮันไปเงียบๆอย่างแค้นในใจและพยายามตามร่องรอยของชูฮันไป
”ฉันจะดูว่าแกจะไปได้ไกลแค่ไหน!”
ชูฮันแค่ต้องการมาเจอกับเหมิงชีเหว่ยที่กำลังเร่งมือมุ่งหน้าไปค่ายจินหยางเพื่อทำการสร้างกองกำลังใต้ดินขึ้นก็กำลังหัวหมุนหลังจากเตรียมการทุกอย่างพร้อมมันก็ถึงเวลาที่เขาต้องหาเงินทุนและจัดหาเจ้าหน้าที่มาหมุนเวียน เขาต้องกำหนดว่าใครจะต้องอยู่ ใครจะต้องทำอะไร เขาต้องวางแผนเพื่อแทรกซึมเข้าไปในระบบของค่ายจินหยาง ดังนั้นทุกอย่างจะต้องมีการวางแผนที่ดี ดังนั้นเหมิงชีเหว่ยจึงรีบอธิบายคำสั่งทุกอย่างแก่ลูกน้องในเวลาสั้นๆ และรีบไปจากค่ายหนานตู้ก่อนจะค่ำ ความสามารถที่หาได้ยากของเหมิงชีเหว่ยนั้นคือข้อได้เปรียบของค่ายเขี้ยวหมาป่า
ดังนั้นเมื่อมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถและภักดีต่อเขาเช่นนี้ชูฮันจึงควรจะมาเอ่ยคำอำลาแก่อีกฝ่ายด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาว่าเขาจะได้เจอกับเหมิงชีเหว่ยที่ค่ายจินหยางอีกครั้งเมื่อไหร่ก็เท่านั้นเอง…