ตอนที่ 87-4 ลงโทษ

จำนนรักชายาตัวร้าย

ดูเหมือนเซี่ยงจิ้นจะอ่านความคิดของซย่าโหวเสวี่ยได้ เขายิ้มออกมา

 

 

“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งอีกว่า หากองค์หญิงจะใช้ความตายเพื่อยืนหยัดในปณิธานก็มิทรงขัดข้อง ฝ่าบาทจะทรงจัดงานพระศพให้กับองค์หญิงอย่างสมเกียรติ หากองค์หญิงมิประสงค์จะตายละก็ ทางเดียวก็คือยอมแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ มิมีทางเลือกอื่นใดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

“ไสหัวไป! ไสหัวไป!”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยยิ่งเห็นหน้าเซี่ยงจิ้นยิ่งขัดใจ

 

 

เป็นเพียงแค่บ่าวไพร่ กลับพูดจาโอหังถึงเพียงนี้!

 

 

น่าขยะแขยงที่สุด!

 

 

“กระหม่อมทูลลา!”

 

 

เมื่อเซี่ยงจิ้นออกไป ซย่าโหวเสวี่ยก็เจ็บที่ท้องน้อยอย่างรุนแรงแทบขาดใจ

 

 

“ใครก็ได้…”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยล้มลงนอนกองบนพื้นเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง มือนางกำชายเสื้อแน่น ตะโกนออกมาสุดเสียง

 

 

”ข้าเจ็บท้องมาก ใครก็ได้! ช่วยข้าที…”

 

 

ไม่นานเลือดสีแดงสดก็ไหลซึมออกมา นางกำนัลชุดใหม่ของตำหนักมาเห็นเข้า ก็ร้องเรียกคนให้ช่วยเหลือ ไม่นาน ทั้งตำหนักก็ปั่นป่วนไปหมด

 

 

คนที่มารักษาให้กับซย่าโหวเสวี่ยยังคงเป็นหมอหลวงหวัง ซึ่งเป็นความต้องการของซย่าโหวจวินอวี่

 

 

ถึงแม้ว่าหมอหลวงหวังเพิ่งจะถูกหลิวฮองเฮาและองค์หญิงเสวี่ยให้ร้ายมา ทั้งตอนนี้ยังบาดเจ็บอยู่ แต่จิตใจเขามีความซื่อสัตย์รับผิดชอบต่อหน้าที่อยู่ เขาให้การรักษาซย่าโหวเสวี่ยอย่างเต็มที่ ทั้งยังสั่งยาบำรุงให้นางอีกมากมาย

 

 

เมื่อแน่ใจว่าซย่าโหวเสวี่ยปลอดภัยไม่มีอันตรายแล้ว หมอหลวงหวังจึงได้ไปรายงานซย่าโหวจวินอวี่

 

 

กระทั่งทุกคนกลับออกไปกันหมดแล้ว ซย่าโหวเสวี่ยนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวดาย ดวงตานางเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยเล็กๆ เหม่อลอยไปที่ผ้าม่านของเตียงไม่ไหวติง

 

 

นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ตัวนางแอบออกไปนอกวัง นางยังคิดด้วยความดีใจ ครั้งนี้จะทำความรู้จักกับพี่ชายเหลียนให้มาก ให้พี่ชายเหลียนชอบพอในตัวนางให้จงได้  

 

 

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป

 

 

เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างเกิดขึ้นที่เมืองเฟิ่งหมิง

 

 

นางสูญเสียความบริสุทธิ์ ตั้งครรภ์เลือดสกปรก บังเกิดเป็นโศกนาฏกรรมตามมาไม่หยุดหย่อน

 

 

หลังจากนางกลับมาถึงเมืองหลวง ระดูนางขาดไปนาน ซึ่งตัวนางเองก็มิได้ใส่ใจ

 

 

ระดูนางมักจะมาไม่สม่ำเสมอ ภายหลังจึงกลายเป็นเรื่องปกติไป

 

 

ใครจะคาดคิด ต่อมานางก็เริ่มคลื่นไส้อาเจียน หมัวมัวผู้หนึ่งพบความผิดปกติเข้า บอกว่านางตั้งครรภ์ ทำให้ซย่าโหวเสวี่ยร้อนใจเป็นอย่างมาก

 

 

ยังมิทันที่นางจะคิดหาทางออก ซย่าโหวจวินอวี่ก็เข้ามา เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นไปตามอย่างที่เห็น

 

 

ตอนนี้ ในท้องไม่มีก้อนเลือดนั้นอีกแล้ว ก็ดีเหมือนกัน!

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยกำเสื้อที่บริเวณท้องน้อยแน่น จนชุดแสนสวยสวมที่สวมใส่อยู่ยับยู่ยี่

 

 

เดิมทีนางไม่คิดที่จะให้กำเนิดมันออกมาอยู่แล้ว ถึงขนาดที่ว่าให้หมัวมัวไปสืบหายาขับเลือด เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่า สุดท้ายกลับเป็นเสด็จพ่อที่ส่งยาขับเลือดชามนั้นมาให้นาง

 

 

น่าขันยิ่งนัก!

 

 

ต่อให้เลือดก้อนนั้นเป็นเลือดชั่ว ไม่มีใครต้อนรับ แต่เสด็จพ่อพระองค์ทรงฆ่าหลานในไส้ด้วยมือของพระองค์เอง!

 

 

ขอบพระทัยที่ทรงลงมือ ช่วยลูกขจัดปัญหา โดยมิต้องให้มือลูกแปดเปื้อนคาวเลือด

 

 

แต่แค้นนี้มิอาจไม่แก้แค้น!

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยมิใช่แค้นที่ฆ่าลูก แต่เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้นางต้องลงเอยเฉกเช่นวันนี้…อวี้หลัวช่า

 

 

ถึงแม้ตอนนี้นางจะไม่สามารถที่จะล้างแค้นได้ ทั้งยังมิใช่คู่ต่อสู้อวี้หลัวช่า แต่สุภาพชนแก้แค้นสิบปียังไม่สาย ซย่าโหวเสวี่ยท่องประโยคนี้จนขึ้นใจ

 

 

อวี้หลัวช่า ข้ากับเจ้าจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!

 

 

อวี้เฟยเยียนไม่รู้เลยว่า ซย่าโหวเสวี่ยโทษว่าเป็นความผิดอวี้เฟยเยียนทั้งหมดที่ทำให้ตนเองต้องมีจุดจบเฉกเช่นวันนี้

 

 

ตอนนี้อวี้เฟยเยียนคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนจงอี้กง ทั้งยังเป็นจอมเทวาแห่งต้าโจว ไปที่ไหนล้วนแต่ได้รับความเคารพจากผู้คน อยู่ในตระกูลอวี้ ยิ่งเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างมีอิสรเสรีและมีความสุข บทลงโทษที่ฮ่องเต้ทรงใช้จัดการให้กับซย่าโหวเสวี่ย อวี้เฟยเยียนก็รู้มาจากซย่าโหวฉิงเทียนอีกทอดหนึ่ง

 

 

นึกไม่ถึงว่าซย่าโหวเสวี่ยไม่ร้องไห้ตีโพยตีพาย แต่กลับรับปากเดินทางไปซีเย่ว์เพื่อแต่งงานอย่างว่าง่าย ข้อเรียกร้องเพียงหนึ่งเดียวของนางคือ องค์ชายห้าแห่งซีเย่ว์จะต้องมารับนางขึ้นเกี้ยวแต่งงานที่เมืองหลวงด้วยตนเอง

 

 

ข้อเรียกร้องนี้ ซย่าโหวจวินอวี่รีบรับปากอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ

 

 

องค์หญิงใหญ่แต่งงานทั้งที ก็ต้องสมเกียรติเช่นนี้!

 

 

เมื่อคิดถึงว่าซย่าโหวเสวี่ยต้องแต่งงานไปที่ซีเย่ว์ อวี้เฟยเยียนก็ทอดถอนใจออกมา

 

 

สำหรับสตรีผู้หนึ่ง โชคชะตาที่โหดร้ายที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ต้องแต่งงานไปที่ที่ไกลแสนไกล ไปใช้ชีวิตต่างถิ่นต่างแดน มิอาจกลับสู่อ้อมอกของบิดามารดาได้ชั่วชีวิต

 

 

ยิ่งกว่านั้นแคว้นซีเย่ว์ที่ได้ชื่อว่าอยู่ใต้อาณัติต้าโจว แท้ที่จริงแล้วเชื่อฟังอยู่กี่ส่วนกัน

 

 

มีแคว้นต้าโจวกดหัวอยู่เบื้องบน ซีเย่ว์ก็จะเป็นแคว้นที่ไร้ซึ่งเอกราชอยู่วันยังค่ำ มิอาจบรรยายได้เลยว่าผู้คนที่นั่นจงเกลียดจงชังต้าโจวมากเพียงไหน พวกเขาจะต้องเอาความแค้นทั้งหมดไปลงที่ซย่าโหวเสวี่ยเป็นแน่

 

 

หากเป็นเช่นนี้ ซย่าโหวเสวี่ยก็น่าสงสารยิ่งนัก

 

 

แต่ คนที่น่าสงสารก็ย่อมต้องมีบางส่วนที่น่าสมน้ำหน้าเช่นกัน

 

 

หากนางไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไหนเลยจะเป็นดังเช่นวันนี้!

 

 

สรุปแล้วก็คือ ก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้ จึงมิอาจหลบเลี่ยงได้!

 

 

ทว่าด้วยนิสัยซย่าโหวเสวี่ยแล้ว นางรับปากอย่างรวดเร็วเช่นนี้ จะมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่

 

 

คิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง อวี้เฟยเยียนก็สลัดความคิดเรื่องซย่าโหวเสวี่ยออกไปจากสมอง

 

 

สิ่งที่นางต้องใส่ใจมากที่สุดในตอนนี้นั่นก็คือเปิดโรงหมอสักโรงที่เมืองหลวง เพื่อรักษาผู้คน

 

 

เมื่อได้ฟังความคิดที่ว่าอวี้เฟยเยียนอยากที่จะเปิดโรงหมอสักโรง ซย่าโหวฉิงเทียนก็รีบนำบรรดาสัญญาเช่าพื้นที่บริเวณถนนที่รุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวงให้กับอวี้เฟยเยียนได้เลือกทันที

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านนี่เงินหนาจริงเชียว!”

 

 

เมื่อเห็นสัญญาเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นพื้นที่ดี ตำแหน่งที่ดีทั้งสิ้น อีกทั้งพื้นที่ของร้านทั้งใหญ่และกว้างขวาง อวี้เฟยเยียนเลือกจนตาลาย

 

 

“หากเจ้าชอบก็เก็บไว้เถอะ! อยู่ในมือพี่อย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว!”

 

 

เห็นท่าทางหลงใหลในเงินตราอย่างน่ารักของอวี้เฟยเยียนแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ทุกปีภาษีที่เก็บได้มากมายเหลือคณานับ ใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมด นับประสาอะไรกับพื้นที่ไม่กี่ร้านนี่

 

 

เห็นท่าทาง ‘ป๋าใจป้ำ’ และ ‘เจ้ากอดขาพี่สบายทั้งชาติ’ ของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว อวี้เฟยเยียนก็กระแอมออกมาครั้งหนึ่ง แล้วเลือกมาหนึ่งที่

 

 

“นี่ถือว่าข้าเช่าท่านละกัน ข้าจะจ่ายค่าเช่าให้กับท่าน!”

 

 

“รอให้ข้าเปิดโรงหมอก่อน ถึงตอนนั้นทุกวันจะต้องมีเงินเข้าไม่ขาด หึ ไม่น้อยหน้าท่านเป็นแน่!”

 

 

สิ่งที่อวี้เฟยเยียนกล่าวมานั้นเป็นความจริง ยาเม็ดของนางที่หอนภาหอมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ตอนนี้ อวี้เฟยเยียนนับว่าเป็นเศรษฐีน้อยคนหนึ่งทีเดียว

 

 

“เช่าหรือ ของพี่ ก็เหมือนของเจ้า”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนมิค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักที่อวี้เฟยเยียนกล่าววาจาเช่นนี้

 

 

“แต่หากเจ้าจะเช่าตัวพี่ ก็ย่อมได้!”

 

 

“เช่าท่าน ท่านทำอะไรได้อย่างนั้นหรือ “

 

 

อวี้เฟยเยียนได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น ก็เกิดความไม่เข้าใจ

 

 

“พี่ช่วยเจ้าแต่งตัว เกล้าผม!”

 

 

ประโยคนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

 

 

หลังจากอวี้เฟยเยียนกลับมา อวี้จิงเหลยก็จัดหาสาวใช้ไว้ให้คอยดูแลนางโดยเฉพาะสองคน

 

 

แต่ในวันที่สาวใช้ทั้งสองมาถึงที่หอซ่งเฮ่อ คนหนึ่งขาแพลง อีกคนแขนหัก กลายเป็นผู้บาดเจ็บทั้งคู่ แล้วจะมาปรนนิบัติอวี้เฟยเยียนได้อย่างไรกัน!

 

 

ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนจึงมารายงานตัวที่หอซงเฮ่อทุกเช้า เพื่อเกล้าผมและแต่งตัวให้กับอวี้เฟยเยียน

 

 

หลายวันที่ผ่านมา เขาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเสียด้วย

 

 

ฝีมือในการเกล้าผมเขานับวันยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อวี้เฟยเยียนรู้สึกทึ่งยิ่งนัก

 

 

นึกไม่ถึงว่ามือที่ใช้ฆ่าคน จะทำงานฝีมือได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!

 

 

เขาสามารถเกล้าผมให้กับนางหลากหลายรูปแบบ นับถือเขาจริงๆ!

 

 

หลักคิดซย่าโหวฉิงเทียนง่ายนิดเดียว หากว่าข้างกายแมวน้อยมีคนปรนนิบัตินางละก็ ไหนเลยเขาจะมีโอกาสได้เป็นวีรบุรุษโดยไม่ต้องใช้แม้วรยุทธ์เช่นนี้กันเล่า เขาจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งเอาหน้าเป็นแน่!

 

 

“เช่าท่าน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”

 

 

เมื่อคิดถึงว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องลับๆ ล่อๆ เฝ้าอยู่ที่นอกประตูในทุกเช้า ทั้งต้องแอบมิให้อวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยรู้อีก อวี้เฟยเยี่ยนก็รู้สึกขบขันยิ่งนัก

 

 

“ว่ามา ค่าตัวท่านเท่าไหร่! พี่จ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว!”

 

 

อวี้เฟยเยียนตบที่อกของตนเองเบาๆ ท่าทีใจกว้างราวมหาสมุทร!

 

 

“เหรียญเพียงเหรียญเดียว!”

 

 

แค่ก…

 

 

ได้ฟังคำตอบเช่นนั้น ฮันจื่อที่นั่งจ๋องอยู่ด้านข้าง เกือบกระอักเลือดออกมา

 

 

เจ้านาย ท่านช่างเปี่ยมด้วยน้ำใจ

 

 

เหรียญเพียงเหรียญเดียว!

 

 

นายท่าน ในเมื่อค่าตัวท่านมีค่าแค่เพียงเท่านี้ เช่นนั้นผู้น้อยจ้างท่านเอง ได้หรือไม่ขอรับ

 

 

ข้าน้อยไม่ต้องการให้ท่านทำอย่างอื่นเลย ขอเพียงท่านช่วยเกาหลังให้ข้าน้อย เวลาเช้าหนึ่งครั้ง บ่ายหนึ่งครั้ง กลางคืนหนึ่งครั้งเท่านั้น!