ในขณะที่ ซย่าโหวเสวี่ยพยายามหาวิธีมากมายจนหัวแทบแตก เพื่อให้คำโกหกของนางสมบูรณ์แบบ
นึกไม่ถึง เหลียนจิ่นล้มป่วยจนลุกจากเตียงไม่ไหว ไม่อาจมายืนยันได้ สวรรค์ช่วยนางแท้ๆ!
ถึงแม้ว่าในใจนางกำลังดีใจจนเนื้อเต้น แต่ซย่าโหวเสวี่ยก็ต้องแสร้งทำทางกังวลใจหนักหนาให้ทุกคนดู
“อะไรนะ พี่ชายเหลียนล้มป่วยหรือ หนักหนามากหรือไม่ เสด็จพ่อ ลูกขอพระราชทานอนุญาตให้ลูกได้ไปเยี่ยมพี่ชายเหลียนด้วยเถิดเพคะ!”
นึกไม่ถึงจริงเชียว!
ซย่าโหวจวินอวี่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองเลย เขาเคยมองซย่าโหวเสวี่ยเป็นมู่หรงเยียนได้อย่างไร ทั้งยังรักใคร่ทะนุถนอมนางมาตั้งหลายปี
นิสัยเช่นนี้ ไหนเลยจะคล้ายคลึงกับมู่หรงเยียนได้!
“เจ้าจงอยู่ที่นี่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวห้ามไปไหนทั้งนั้น!”
ไม่นาน ซย่าโหวจวินอวี่สั่งการให้เซี่ยงจิ้นโยกย้ายบรรดาขันทีนางกำนัลข้างกายซย่าโหวเสวี่ยออกไปทั้งหมด เปลี่ยนชุดใหม่มาแทนที่
หลังจากนั้นฮ่องเต้ยังทรงมีคำสั่งปิดและลงกลอนตำหนักซย่าโหวเสวี่ย เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะไม่เล็ดลอดออกไป
“เสด็จพ่อ ท่านไม่มีสิทธิ์กักขังลูก!”
“เจ้าหุบปากนะ!”
ซย่าโหวจวินอวี่ผิดหวังในตัวซย่าโหวเสวี่ยเป็นอย่างยิ่ง
“หากเจ้ายังพูดอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะปลดเจ้าไปเป็นสามัญชนเดี๋ยวนี้! “
ได้ยินดังนั้น ทำให้ซย่าโหวเสวี่ยนึกถึงตัวตลกในคณะละครอย่างซย่าโหวหนานขึ้นมาทันที นางกัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก
ในที่สุดซย่าโหวเสวี่ยได้เงียบปากลงได้ ฮ่องเต้ก็พาซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนไปที่ห้องทรงอักษร
เมื่อผ่านเรื่องราวกระทบกระเทือนจิตใจในคืนนี้แล้ว ซย่าโหวจวินอวี่ก็เหนื่อยอ่อนทรุดโทรมลงมาก ทำให้เขาแลดูแก่และอมทุกข์
“เสด็จพี่ หากท่านทำไม่ลงละก็ ข้าจะลงมือแทนท่านเอง…”
ซย่าโหวฉิงเทียนยืนเคียงข้างซย่าโหวจวินอวี่เงียบๆ วิธีการเขาง่ายนิดเดียว ใครทำให้ซย่าโหวจวินอวี่ทุกข์ใจ มันผู้นั้นต้องตาย
มองใบหน้าแข็งกร้าวบุตรชาย ในที่สุดฮ่องเต้ก็ทนไม่ไหวแย้มยิ้มออกมา
เจ้าอายุอานามไม่น้อยแล้ว ไม่ควรเอาแต่ฆ่าแกง ควรจะลงหลักปักฐานได้แล้ว!
เสียงซย่าโหวจวินอวี่อบอุ่นนัก ใบหน้าเขาเปี่ยมด้วยเมตตา ซย่าโหวฉิงเทียนมองดูแล้ว ในใจก็คิดว่า บิดาบังเกิดเกล้าเขาจะเปี่ยมด้วยความเมตตาเช่นนี้หรือไม่นะ
ช่างเถอะ ซย่าโหวฉิงเทียนส่ายหน้าเบาๆ
อายุปูนนี้แล้ว ยังไม่เคยพบบิดาบังเกิดเกล้าเลยสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องหวังเลยว่าจะรักเขามากมายอะไร
คงมีเพียงแค่ชายแก่ตรงหน้านี้ที่รักเขาราวกับลูกแท้ๆ ก็ไม่ปาน มอบความรักทั้งหมดที่มีให้กับเขา
“เสี่ยวอวี้รบกวนเจ้าไปที่จวนตระกูลเหลียนได้หรือไม่ เหลียนจิ่นล้มป่วย ข้าช่วยอะไรไม่ได้ เจ้าเป็นจักรพรรดิโอสถ เจ้าช่วยไปดูอาการของเขาสักหน่อย!”
บุตรสาวตนไม่เอาไหน ทั้งยังสาดโคลนใส่เหลียนจิ่นอีก ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
ดังนั้นในพระทัยของพระองค์ จึงเอนเอียงไปทางเหลียนจิ่นโดยปริยาย
ข้อเรียกร้องของซย่าโหวจวินอวี่ตรงกับสิ่งที่อวี้เฟยเยียนคิดอยู่
นางเห็นอยู่ว่าร่างกายเหลียนจิ่นดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้วนี่นา หากตั้งใจดูแลบำรุงหน่อยก็น่าจะไม่มีปัญหา เหตุใดจึงล้มป่วยได้
ฟังจากน้ำเสียงเซี่ยงจิ้น เหลียนจิ่นน่าจะป่วยหนักทีเดียว เขาเป็นอะไรกันแน่นะ
“ข้าจะไปกับนางเอง!”
ซย่าโหวฉิงเทียนมิอยากให้อวี้เฟยเยียนอยู่ตามลำพังกับเจ้าไม้เท้าเทพนั่น
ถึงแม้เจ้าไม้เท้าเทพจะนับว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับแมวน้อย ซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่ลดราวาศอกให้ได้แม้สักนิดเดียว!
“ได้ พวกเจ้าสองคนไปด้วยกัน!”
ฮ่องเต้มองออก การแสดงความเป็นเจ้าของซย่าโหวฉิงเทียนชัดเจนนัก
รูปลักษณ์หน้าตาเหลียนจิ่นไม่ด้อยไปกว่าซย่าโหวฉิงเทียน อีกทั้งเขายังสุภาพเข้าหาคนได้ง่าย หากว่าให้อวี้เฟยเยียนไปเพียงลำพัง ฮ่องเต้ก็กังวลว่าที่ลูกสะใภ้จะถูกผู้อื่นโน้มน้าวใจไป
เมื่อทูลลาซย่าโหวจวินอวี่แล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็พาอวี้เฟยเยียนมาถึงจวนตระกูลเหลียน
เมื่อมาถึงเรือนอ้ายเหลียน ก็พบว่าเหลียนจิ่นยืนรออยู่ที่หน้าประตู ท่าทางเขาปกติราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น ยิ้มกว้างรอคนทั้งสอง ราวกับรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทั้งสองคนจะมา
“เจ้าไม้เท้าเทพ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ซย่าโหวฉิงเทียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เหตุใดเจ้าไม่ยอมเข้าวัง”
“องค์หญิงเสวี่ยใช้ข้าเป็นเกราะกำบัง แล้วข้าต้องเชื่อฟังปฏิบัติตามอย่างนั้นหรือ”
เหลียนจิ่นกล่าวจบ ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนก็เข้าใจในความหมายทันที
เจ้าไม้เท้าเทพนี่ รู้ไปเสียหมดทุกอย่าง จึงเจตนาหลบเลี่ยงไม่ไป!
“หากองค์หญิงเสวี่ยกัดไม่ปล่อย แล้วเจ้าจะทำอย่างไรกัน”
อวี้เฟยเยียนถาม นางไม่เชื่อว่าเหลียนจิ่นจะยอมปล่อยองค์หญิงเสวี่ยไปง่ายๆ เขาจะต้องตอบโต้เป็นแน่
“กัดไม่ปล่อยหรือ”
เหลียนจิ่นฟังแล้วยิ้มละลายใจออกมา ราวกับไร้ซึ่งพิษสงอย่างไรอย่างนั้น
“เช่นนั้นก็เคาะฟันนางให้แตก ให้นางไปกัดใครไม่ได้อีกน่ะสิ!”
ไม่ต้องรอให้เหลียนจิ่นลงมือ ฮ่องเต้ก็ทรงเคลื่อนไหวเสียแล้ว
หลังซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนออกไปไม่นาน เซี่ยงจิ้นก็ยกยาชามหนึ่งไปที่ตำหนักซย่าโหวเสวี่ย
“องค์หญิง ยาบำรุงที่ฝ่าบาทพระราชทานให้พระองค์ ดื่มเสียเถิด!”
เซี่ยงจิ้นยิ้มน้อยๆ ในขณะที่ถือชามยาเข้าไป
กลิ่นเหม็นเฝื่อนของยาลอยอบอวนมาแต่ไกล
“ไม่ ข้าไม่ดื่ม!”
ซย่าโหวเสวี่ยตกใจจนลนลาน นางไม่เชื่อคำพูดเซี่ยงจิ้น
ปากก็บอกว่ายาบำรุง ใครจะรู้ว่ามันไม่ใช่ยาพิษกัน เสด็จพ่อพิโรธถึงเพียงนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะพระราชทานความตายให้กับนางก็เป็นได้
นางยังไม่อยากตาย!
“องค์หญิงอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลย! บ่าวเพียงรับพระบัญชามาเท่านั้น!”
ปากก็กล่าวเช่นนี้ แต่เซี่ยงจิ้นกลับเดินมาที่เบื้องหน้าซย่าโหวเสวี่ยแล้วกล่าวย้ำ
“จะทรงดื่มเอง หรือจะทรงให้บ่าวป้อน บ่าวมือหนักนัก รับรองมิได้ว่าจะไม่ทำให้พระองค์บาดเจ็บ!”
“ไสหัวไป!”
ซย่าโหวเสวี่ยจะปัดชามยาให้แตก เซี่ยงจิ้นได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว จึงเบี่ยงตัวหลบได้ทัน
“ในเมื่อองค์หญิงมิให้ความร่วมมือ บ่าวขออนุญาตสงเคราะห์ให้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
เซี่ยงจิ้นกวักมือเล็กน้อย บ่าวสองคนรูปร่างกำยำก็เดินเข้ามา จับแขนซย่าโหวเสวี่ยไว้คนละข้าง ซย่าโหวเสวี่ยขยับตัวไม่ได้ เซี่ยงจิ้นก็ก้าวไปข้างหน้า จับถ้วยยากรอกปากซย่าโหวเสวี่ยทันที
“แค่นี้ก็เรียบร้อย!”
เซี่ยงจิ้นปล่อยมือ แล้วทอดถอนใจออกมา
“นี่คือยาขับเลือด พระองค์อย่าได้คิดมากอีกเลย ฝ่าบาททรงตรัสว่า เลือดชั่วก้อนนี้มิอาจให้เกิดมาได้!”
“ยังมีอีก ฝ่าบาทให้บ่าวมาทูลองค์หญิง ฮ่องเต้แคว้นซีเย่ว์มาสู่ขอองค์หญิงใหญ่แห่งต้าโจวให้กับองค์ชายห้าแห่งซีเย่ว์ เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้น ฝ่าบาทตอบตกลงไปแล้ว องค์หญิงเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวด้วยความดีพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
แคว้นซีเย่ว์ แคว้นแร้นแค้นที่ห่างไกลยากจนนั่น
ถูกท่านลุงสิบสี่โจมตีจนแพ้พ่ายอย่างราบคาบนั่นน่ะหรือ
ฮ่องเต้พวกเขาเกลียดต้าโจวเข้ากระดูกดำ เกลียดชังซย่าโหวฉิงเทียนอย่างกับอะไรดี หากนางแต่งออกไป คงทรมานยิ่งกว่าตาย ถูกเขาย่ำยีข่มเหงเป็นแน่
ยังมีองค์ชายห้าแห่งแคว้นซีเย่ว์ นั่นเป็นตัวอะไรกัน
เขาทั้งสำมะเลเทเมา ติดยา ติดการพนัน มั่วนารี สิ่งเลวร้ายทั้งห้าอย่างมิขาดแม้แต่อย่างเดียว ชื่อเสียงพังย่อยยับ คนทั้งแผ่นดินใหญ่ต่างก็รู้กันทั่ว
นี่เสด็จพ่อจะผลักนางเข้ากองไฟหรืออย่างไรกัน!
ราชสำนักมีองค์หญิงมากมาย เหตุใดต้องเป็นนางที่ต้องแต่งออกไปไกล!
“เป็นไปไม่ได้!”
ซย่าโหวเสวี่ยไม่อยากเชื่อเลยว่า เสด็จพ่อที่รักใคร่ทะนุถนอมมาโดยตลอดจะทำเรื่องเช่นนี้กับนางได้
“สุนัขรับใช้ เจ้าบังอาจยิ่งนัก ถึงกับกล้าโกหกองค์หญิง ข้าจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ! เสด็จพ่อไม่มีวันส่งข้าไปแต่งงานไกลๆ เป็นแน่ ไม่มีวัน!”
ซย่าโหวเสวี่ยดวงตาแดงก่ำ สายตาแค้นเคืองจ้องเซี่ยงจิ้นเขม็ง
เซี่ยงจิ้นเมื่อได้ยินดังนั้นก็แค่นยิ้มออกมากล่าวว่า
“บ่าวไหนเลยจะบังอาจโกหกองค์หญิงได้! นี่ล้วนเป็นรับสั่งฝ่าบาททั้งสิ้น! ขอเพียงแต่องค์หญิงยินยอมเข้าพิธีแต่งงานแต่โดยดี ฮองเฮาจะยังทรงเป็นฮองเฮา แต่หากองค์หญิงดื้อดึงละก็ ฝ่าบาทจะมีรับสั่ง พระองค์มิถือสาหากจะต้องโยกย้ายที่ประทับของฮ่องเฮาเสียหน่อย ตำหนักเย็นทางทิศตะวันตกเหมาะสมยิ่งนักว่าหรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น ซย่าโหวเสวี่ยถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงหมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้น
ปลดฮองเฮา
เสด็จพ่อจะทรงปลดฮองเฮาอย่างนั้นหรือ
หากว่าหลิวฮองเฮาถูกปลดละก็ นางก็จะมิใช่องค์หญิงใหญ่อีกต่อไป อาจจะโดนหางเลขไปด้วย อย่าว่าแต่อนาคตที่สวยงามเลย แม้กระทั่งศักดิ์ในความเป็นองค์หญิงที่พึงมีก็ไม่เหลือ
หากจะให้นางแต่งงานไปอยู่แคว้นซีเย่ว์ นางยอมตายเสียดีกว่า