ตอนที่ 93 แสงและเงา

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“พระชายารองฮวางแทจา” 

 

 

มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาที่ตำหนักดงบิน เมื่อได้ยินเสียงนั้นกโยยองก็หน้าบึ้งตึงทันที แม้นางจะแสดงสีหน้าบ่งบอกว่าไม่ยินดีนัก แต่ผู้ที่มาเยือนหาได้ใส่ใจ และคนผู้นั้นที่มาหากโยยองตามอำเภอใจนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโอรันนั่นเอง 

 

 

“ก่อนหน้านี้เราบอกไปแล้วใช่หรือไม่ ว่าเรากับพระชายารองฮวางแทจาต้องสร้างความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อต่อกันได้เป็นอย่างดีแน่” 

 

 

โอรันมองไปบนตำแหน่งที่อยู่สูงกว่าอย่างผ่าเผย ส่วนกโยยองลุกจากเบาะรองนั่งแล้วเดินลงไปด้านล่างช้าๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ 

 

 

“ผิดจากที่คาดไว้นัก เราต้องมองพระชายารองใหม่เสียแล้ว” 

 

 

“หมายความว่าอย่างไรหรือเพคะ” 

 

 

“คิดว่าพระชายารองน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเราพูดเรื่องอะไร” 

 

 

โอรันยิ้มอ่อนๆ ให้กับการตอบสนองที่แข็งกระด้างของกโยยอง สายตาของโอรันที่มองกโยยองอยู่ครู่หนึ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แม้ที่ริมฝีปากจะมีร้อยยิ้มประดับอยู่ ทว่าสายตากลับเป็นดั่งงูพิษที่จ้องมองเหยื่อ โอรันยืดตัวออกไปแล้วกระซิบเบาๆ 

 

 

“เพียงแค่แป้งถั่วเขียวมิทำให้เป็นถึงขนาดนั้นได้หรอก” 

 

 

แป้งถั่วเขียว 

 

 

เสียงทุ้มต่ำที่แม้แต่ฟังใกล้ๆ ก็ยากที่จะได้ยิน ทว่ามันกลับเป็นคำที่ฝังลึกเข้าไปในหูของกโยยอง ดวงตาของนางสั่นระริก ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วห้องอยู่ชั่วขณะ ความจริงที่ว่ากโยซึลปวดท้องเป็นโรคกระเพาะนั้นทุกคนในพระราชวังรู้หมดแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่านางกินอะไรเข้าไป หรือเกิดเรื่องใดในตำหนักดงบี และดูเหมือนว่าจะมีการบังคับไม่ให้พวกหมอหลวงแพร่งพรายเรื่องพวกนี้ออกไป 

 

 

“…เสด็จกลับไปเถิดเพคะ” กโยยองก้มหน้าลง 

 

 

“ไม่คาดคิดเลยจริงๆ แม้จะเกิดเรื่องแบบนั้นแต่ก็ยังรักษาตำแหน่งในวังตะวันออกนี้ไว้ได้ ที่ตำหนักดงบีดูจะโปรดปรานพระชายารองนัก หากไม่ใช่อย่างนั้น ทรงใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดอย่างนั้นหรือ” 

 

 

“ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้” กโยยองทนไม่ไหวจึงตะโกนออกไป นางลุกจากที่นั่งทันทีแล้วชี้นิ้วไปทางประตู 

 

 

“อย่าให้หม่อมฉันเห็นแม้แต่เงานั้นปรากฏในวังตะวันออกอีก” 

 

 

“เหตุใดถึงใจร้ายใจดำกับคนที่ต่างมีผลประโยชน์ต่อกันเช่นนี้เล่า” โอรันหัวเราะร่า  

 

 

ใบหน้าของกโยยองเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

“กรี๊ด!” กโยยองกรี๊ดออกมาทั้งๆ ที่ยืนอยู่  

 

 

แม้เสียงกรี๊ดของนางจะดังและชวนขนลุก แต่ก็ไม่ได้ทำให้โอรันรู้สึกอะไร โอรันยังคงรักษารอยยิ้มที่ร้ายกาจไว้ กโยยองหลับตาลงแน่น กล้ามเนื้อบนใบหน้าทุกมัดบิดเบี้ยว และมือของนางก็กำหมัดแน่น มือที่จับชายกระโปรงอย่างแน่นนั้นเห็นกระดูกที่ปูดโปนออกมา ส่วนกระโปรงนั้นยับยู่ยี่ราวกับกระดาษ 

 

 

“กรี๊ด!” 

 

 

เสียงคร่ำครวญดังลั่นไปทั่วตำหนักดงบิน 

 

 

*** 

 

 

พื้นที่สีเขียวเริ่มขยายตัวมากขึ้น เมื่อแสงแดดที่เริ่มอุ่นขึ้นสาดส่องลงมา พื้นดินที่เก็บซ่อนเหล่าพืชสีเขียวก็ค่อยๆ ปล่อยพวกมันออกมาสู่ภายนอก ทุ่งหญ้าหลากหลายสีกำลังค่อยๆ หายไปจนเหลือเพียงสีเขียวขจีและโอ้อวดถึงความสดใหม่ภายใต้แสงอาทิตย์อันอบอุ่น อีกไม่นานลมฝนก็จะพัดผ่านมา และตามมาด้วยอากาศที่ร้อนจัด  

 

 

วันหนึ่งในปลายฤดูร้อนที่แดดแรงกล้า ภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนแรงที่สาดส่องลงมา มีเสียงร้องไห้ดังไปทั่วพระราชวัง เป็นเสียงร้องไห้ของผู้ที่ได้ลืมตาดูโลกใบนี้เป็นครั้งแรก กโยซึลให้กำเนิดบุตรแล้ว 

 

 

เป็นบุรุษ เขาคือแทฮวางกุน 

 

 

ทันทีที่ข่าวการให้กำเนิดบุตรของกโยซึลกระจายออกไป ทุกคนในพระราชวังก็มีความสุขปนเศร้าแตกต่างกันไป ทันทีที่เด็กน้อยกำเนิดมาก็มีลมพัดแรงเข้ามาในพระราชวัง 

 

 

ปัจจุบันที่มกกุกได้แบ่งอำนาจทางการเมืองออกเป็นสองส่วน คือพวกเชื้อสายตรงที่สนับสนุนฮวางแทจา บีพาอันที่เป็นพระราชโอรสแท้ๆ ของฮวังฮู กับอีกฝ่ายที่พยายามช่วยให้แทจา ดึกวอลผู้ซึ่งถือกำเนิดจากนางสนมได้ขึ้นครองราชย์ แม้บีพาอันจะมีพรสวรรค์ที่เพียงพอ แต่ปัญหาก็คือเขาไม่มีทายาท ส่วนดึกวอลนั้นแม้จะมีทายาท นั่นก็คือแทฮวางกุน มูแล้ว แต่เนื่องจากเขาเกิดจากนางสนมจึงมีปัญหาที่คุณสมบัติในการสืบเชื้อสาย ดังนั้นทั้งคู่จึงมีอำนาจพอๆ กัน เนื่องด้วยต่างมีจุดบกพร่องเหมือนกัน แต่ในตอนนี้ความสุขกับความทุกข์ของแต่ละฝ่ายนั้นได้สับเปลี่ยนกันแล้ว เนื่องจากกโยซึลได้ให้กำเนิดพระโอรส 

 

 

ฝ่ายที่สนับสนุนบีพาอันต่างโห่ร้องด้วยความยินดีต่อการเกิดมาของแทฮวางกุน พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจึงทำให้ดูดเหล่าขุนนางที่ยังไม่มีพวกเข้ามาร่วมด้วยได้ แต่ในทางกลับกันกลุ่มอำนาจที่สนับสนุนดึกวอลนั้นถึงจะไม่ได้แสดงมันออกมา ทว่าพวกเขาต้องเผชิญกับความผิดหวังอันใหญ่หลวง และการที่แทฮวางกุนเกิดมานั้นยิ่งทำให้เป้าหมายของบีพาอันมั่นคงขึ้น ฉะนั้นตอนนี้ก็เป็นไปตามคำล่ำลือที่ว่าบีพาอันจะได้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป ในตอนนี้ทั่วทั้งพระราชวังเต็มไปด้วยเชือกสีทองและผ้าสีแดง 

 

 

*** 

 

 

แม้วังตะวันออกจะเป็นศูนย์กลางของงานมงคลครั้งนี้แต่มันกลับเงียบกริบ บีพาอันนั่งอยู่ในห้องชั้นในแทนที่จะเป็นห้องหนังสือ เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ และคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาก็คือ รูแฮ ที่กำลังรินชาอยู่ ทั้งคู่ดื่มชาอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา หลังจากยกถ้วยชาพ้นริมฝีปาก รูแฮจึงเริ่มพูดขึ้นก่อน 

 

 

“ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

บีพาอันยังคงหลับตาและสูดดมกลิ่นหอมๆ ของชา 

 

 

“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงได้พระโอรส ต้องทรงมีความสุขมากเป็นแน่แท้” 

 

 

“เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้ว รูแฮ” 

 

 

ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นมา ถ้วยชาที่วนอยู่รอบๆ ริมฝีปากถูกจับวางลงบนโต๊ะเบาๆ  นิ้วมือขาวเรียวยาวลูบไล้อยู่ที่คางของตนเอง ดวงตาที่จ้องมองรูแฮอย่างเย็นชาและดุคมปิดลงอีกครั้ง 

 

 

“จงตั้งชื่อให้โอรสของเรา” 

 

 

รูแฮมองบีพาอันอย่างตกใจ แต่บีพาอันยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม แม้ในยามที่ลืมตา สีหน้าของเขาก็เป็นสีหน้าที่อ่านออกได้ยากอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อเขาหลับตายิ่งทำให้คาดเดาจิตใจภายในได้ยากยิ่งกว่า 

 

 

“บุตรคนนี้เป็นเชื้อสายของเรา เป็นแทฮวางกุนของเรา พอโตขึ้นก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮวางแทซน รูแฮจงตั้งชื่อให้เขาเสีย” 

 

 

“ฝ่าพระบาทฮวางแทจา” 

 

 

“เดิมทีหากเราได้เป็นจักรพรรดิแล้วนั้น เราตั้งใจว่าจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้สืบทอด ทว่าเมื่อเรามีทายาทแล้วสิ่งนั้นก็เป็นไปไม่ได้ เพื่อทดแทนสิ่งนั้น รูแฮจงทำตามที่เราสั่งเสีย” 

 

 

รูแฮไม่สามารถพูดอะไรได้ บีพาอันหลับตาทั้งๆ ที่พิงพนักที่นั่งอยู่ เขาอยู่นิ่งไม่ขยับเลยสักนิดราวกับว่าเขาไม่ได้หายใจ ขนตาเรียวยาวบนเปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่นั้นทอดยาวออกมา ริมฝีปากแดงนั้นยังคงเป็นเส้นตรงไร้รอยโค้งปรากฏ เขาดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แม้เขาจะพูดคำเหล่านั้นออกไป แต่จิตใจก็ดูไม่กระสับกระส่ายเลยสักนิดเดียว  

 

 

รูแฮที่กำลังใช้มือทั้งสองข้างยันร่างกายตัวเองอยู่นั้นรู้สึกถึงความปราชัยอย่างขมขื่นต่อหน้าบีพาอัน เขาเป็นคนที่ตนไม่สามารถเอาชนะได้เลย ไม่สิจริงๆ แล้วรูแฮก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเอาชนะบีพาอันอยู่แล้ว แต่บีพาอันสบายใจขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ทั้งๆ ที่รู้เรื่องทุกอย่าง และยังมาสั่งให้พ่อแท้ๆ ของเด็กที่เพิ่งเกิดตั้งชื่อให้อีก รูแฮเริ่มเกร็งมือทั้งสองข้างที่ยันพื้นอยู่ หมัดทั้งสองที่กระดูกปูดโปนออกมาจับอยู่ที่ปลายเบาะรองนั่งไว้อย่างแน่นและสั่นเทา ใจของรูแฮเต็มไปด้วยความเดือดดาล ความกลัว และความรู้สึกผิด สีหน้าของเขาบูดเบี้ยว บีพาอันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน 

 

 

ความผิดที่รูแฮได้กระทำต่อบีพาอันนั้น เป็นการล่วงเกินที่ไม่มีบทลงโทษใดที่จะสามารถไถ่โทษได้ แต่ทว่าตอนนี้บีพาอันกลับยังคงออกคำสั่งกับรูแฮอยู่ 

 

 

“ให้เวลาสิบวัน แม้จะมีคำสั่งจากองค์จักรพรรดิเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ ให้เริ่มตั้งชื่อจากนิมิตรและอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่เราอยากรู้ว่าชื่อที่รูแฮจะตั้งภายในสิบวันนี้จะสามารถเทียบกับชื่อที่เขาจะประทานให้ได้หรือไม่ ภายในสิบวัน หรือในวันที่สิบนั้นจะมีการแต่งตั้งนามของโอรสของเรา จงตั้งชื่อให้ได้ภายในวันนั้น” 

 

 

มือของบีพาอันโบกไปมาทั้งๆ ที่เขาหลับตาอยู่ เป็นคำสั่งที่บอกให้ออกไปอย่างไม่ต้องพูดอะไร รูแฮที่กัดริมฝีปากของตัวเองอยู่นั้นเดินออกไปจากห้องหลังจากทำความเคารพบีพาอันแล้ว หลังจากที่รูแฮจากไปก็เหลือเพียงบีพาอันที่นั่งพิงหลังอยู่บนเบาะรองนั่ง 

 

 

กลิ่นหอมอุ่นๆ ของน้ำชาอบอวลไปทั่ว น้ำชาเริ่มเย็นลง ภายในถ้วยชายังคงมีน้ำชาสีเหลืองอ่อนอยู่ ทั้งยังมีสายน้ำใสที่ไหลออกมา สายน้ำสองสายที่ไหลผ่านหน้าผาแกะสลักสีขาว สายน้ำสองสายที่ไม่เคยมีสิ่งใดทำให้มันไหลออกมาได้ และไม่เคยหลั่งไหลให้กับสิ่งใด ตอนนี้แม่น้ำสองสายนั้นกำลังหลั่งไหลอย่างที่ไม่มีสิ่งใดมาหยุดมันได้ 

 

 

*** 

 

 

รูแฮที่กลับมาที่วังใต้แล้วนั้นทนรอนางกำนัลให้เปิดประตูให้ไม่ไหวจนต้องเปิดเองจนประตูเปิดกว้าง หัวใจของเขาเต้นแรง รู้สึกร้อนไปทั่วร่าง มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เขาที่เป็นฮวางแทจาทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน 

 

 

เป็นไปได้อย่างไร เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ที่มาบอกให้รูแฮตั้งชื่อบุตร บีพาอันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ บีพาอันเป็นคนที่ไม่อาจคาดเดาได้ตั้งแต่แรก เขาคือคนที่ไปไหนมาไหนคนเดียวตั้งแต่เด็ก รูแฮสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอนศีรษะไปข้างหลัง เสียงตะโกนดังออกมาจากลำคอที่เส้นเลือดปูดโปน มือที่กำหมัดแน่นจนสั่นตอนนี้ได้คลายออกแล้ว รูแฮที่เดินโซเซล้มลงไปบนพื้น มีเสียงปึงปังดังขึ้น พวกขันทีกลัวจนไม่กล้าแตะต้องสิ่งใดเพราะไม่เคยเห็นรูแฮในสภาพนี้มาก่อน ถ้าเป็นพื้นเย็นๆ ก็คงจะดี แต่พื้นนี้ได้โอบรับรูแฮอย่างอบอุ่น เพราะพวกนางกำนัลได้ปรับอุณหภูมิพื้นให้แล้ว 

 

 

เสียงหัวเราะฝืดเฝื่อนดังขึ้น 

 

 

“ฮ่า ฮ่า คนอย่างท่าน คนอย่างท่านนั้น ฮ่า ฮ่า…” 

 

 

น้ำตาไหลออกจากดวงตาที่ว่างเปล่าของรูแฮ เขารู้ว่าเขาได้แพ้แล้วตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม แม้บีพาอันจะเป็นคนที่ไม่เปิดใจกับใคร แม้จะเป็นคนที่ไม่ยอมสนิทชิดเชื้อกับผู้ใด แต่คนที่รู้จักบีพาอันดีที่สุด คนที่ใกล้ชิดและสนิทกับบีพาอันที่สุดนั้นคือ รูแฮ 

 

 

ในตอนแรกเขาเองก็ไม่รู้ ทว่าในตอนนี้มันกระจ่างแล้ว เขาไม่รู้ว่าก่อนเลยว่า ‘หญิงผู้นั้น’ คือ นาง ทว่าในตอนนี้มันกระจ่างแจ้งแล้ว กระจ่างแล้วว่าตนนั้นพ่ายแพ้มาตั้งแต่ต้น 

 

 

ชื่อที่รูแฮตั้งให้กับโอรสของกโยซึลนั้นคือ ดัมกัง หมายถึงเนินเขาอันสดใส 

 

 

แทฮวางกุน โดฮวัน  

 

 

ดันมก ดัมกัง 

 

 

คือโอรสของกโยซึลกับ…