ตอนที่ 592 ฮีทเตอร์เสียแล้ว / ตอนที่ 593 นอนไม่หลับไง

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 592 ฮีทเตอร์เสียแล้ว

 

 

           เขาก็นั่งไปแบบนี้อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง จู่ๆ มั่วไป๋รู้สึกว่าอุณหภูมิค่อยๆ ต่ำลงอย่างช้าๆ

 

 

           มั่วไป๋คิดว่าตัวเองเข้าใจผิด

 

 

           รออีกสิบกว่านาที อุณหภูมิในห้องลดลงไปทั้งอย่างนี้ มั่วไป๋ยืนขึ้นเดินไปยังช่องระบายอากาศ บริเวณที่เป่าลมอุ่นแต่เดิมได้หยุดลงแล้ว

 

 

           มั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย อุณหภูมิในห้องลดต่ำลงไปมากแล้ว เสื้อผ้าที่เขาใส่อย่างเรียบๆ รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นบ้างแล้ว

 

 

           คิดได้เช่นนี้ มั่วไป๋นั่งไม่ค่อยติดแล้ว

 

 

           ถ้าให้ไป๋จิ่งนอนแบบนี้ทั้งคืน พรุ่งนี้ตื่นมาต้องเป็นหวัดอย่างแน่นอน

 

 

           ด้วยเหตุนี้กลางดึกมั่วไป๋ดึงประตูเปิดออก เดินลงไปอย่างเงียบๆ ความมืดมนปกคลุมห้องรับแขก เขาไม่ได้เปิดไฟ เดินตามแสงจันทร์มุ่งหน้าเข้าไปข้างใน

 

 

           แม้จะสลัวแต่ก็ยังเห็นไป๋จิ่งบนโซฟาได้ ใส่เสื้อผ้าบางชั้นเดียวนอนอยู่บนนั้น

 

 

           มั่วไป๋เดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าไป๋จิ่ง ยื่นมือไปตบไป๋จิ่งเบาๆ

 

 

           เดิมทีไป๋จิ่งยังไม่ได้นอน เพียงแต่ว่าเขาได้ยินเสียง ดังนั้นจึงไม่ได้ขยับก็เท่านั้นเอง เดิมทีเขาคิดว่าเป็นแม่เขา กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นมั่วไป๋

 

 

           ไป๋จิ่งเบิกตามองดูมั่วไป๋ท่ามกลางความมืด เขากะพริบตาปริบๆ เหมือนจะยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา

 

 

           ‘ทำไมจู่ๆ มั่วไป๋ถึงลงมาได้’

 

 

           ไม่ได้รอเขาถาม มั่วไป๋ก็เอ่ยขึ้น “ฮีทเตอร์เสียแล้ว อยากจะขึ้นไปไหม”

 

 

           เดิมทีมั่วไป๋อยากจะพูดว่านอนด้วยกันกับเขา แต่ว่าก็รู้สึกว่าพูดแบบนี้ค่อนข้างจะดูสนิทกันเกินไปแล้ว กลัวไป๋จิ่งจะคิดฟุ้งซ่าน ด้วยเหตุนี้ถึงได้เปลี่ยนคำพูด

 

 

           ไป๋จิ่งตาลุกวาว มองมั่วไป๋อย่างไม่อาจจะช่วยได้ เขากลัวว่าตัวเองจะได้ยินผิดไป อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามประโยคหนึ่ง “ไปไหน”

 

 

           มั่วไป๋ “…”

 

 

           ชัดเจนว่าเขารู้อยู่แล้วแต่จงใจถาม ก็มีอยู่สองห้อง เขาควรจะไปไหน

 

 

           เขามองบนใส่ไป๋จิ่ง แล้วหันหลังเดินไป “นายอยากจะไปไหนก็ไป”

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋ไม่ชอบใจแล้ว เขาก็รีบล็อคข้อมือมั่วไป๋ทันที “ไปๆๆ ผมจะไปตอนนี้เลย”

 

 

           นอนห้องเดียวกันกับมั่วไป๋ได้ เขาจะไม่ไปได้ยังไง

 

 

           ด้วยเหตุนี้ไป๋จิ่งตะกายขึ้นมาจากโซฟา ยืนอยู่ข้างกายมั่วไป๋ด้วยความดีใจ

 

 

           มั่วไป๋เห็นเขาลุกขึ้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เดินขึ้นชั้นบนไปทั้งอย่างนี้

 

 

           เขาเดินไป ไป๋จิ่งก็เดินตามเขาขึ้นไปด้วยกัน

 

 

           ไป๋จิ่งเดินตามอยู่ข้างกายมั่วไป๋ ในใจลิงโลด ทันทีที่คิดถึงว่าได้นอนด้วยกันกับมั่วไป๋ เซลล์ทั่วร่างกายก็เริ่มจะทนไม่ไหวกระโดดโลดเต้นขึ้นมา

 

 

           อุณหภูมิในห้องลดต่ำลงไม่น้อยจริงๆ ยืนอยู่ข้างในแบบนี้ก็รู้สึกหนาวอยู่ไม่น้อย

 

 

           มั่วไป๋เปิดผ้าห่มแทรกตัวเข้าไปแล้วนอนลงไปทันที แบบนี้ถึงได้รู้สึกอุ่นขึ้นมาสักหน่อย

 

 

           ไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างเตียงไม่ขยับไปไหน มั่วไป๋มองเขาแวบหนึ่ง “นายไม่นอน เตรียมจะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานเท่าไหร่”

 

 

           ไป๋จิ่งเอ่ยอย่างซื่อๆ “ผมยังไม่อาบน้ำ ผมอยากอาบน้ำก่อนแล้วค่อยนอน”

 

 

           มั่วไป๋มองบนใส่ไป๋จิ่ง “แล้วนายยังไม่รีบไปอีกเหรอ”

 

 

           ไป๋จิ่งยังไม่ไป เอ่ยเสียงต่ำ “เสื้อผ้าอยู่ข้างห้อง…”

 

 

           มั่วไป๋ขบกราม เอ่ยเน้นคำต่อคำ “ใส่ของฉัน”

 

 

           ในใจไป๋จิ่งดีใจขึ้นทันใด แม้แต่ไฟก็ไม่เปิดแล้ว เขาเปิดตู้ออกหาเสื้อผ้าจากข้างใน

 

 

           เขาหาไปเรื่อยๆ แล้วก็หยุดลงกะทันหัน

 

 

           มั่วไป๋ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก ถามต่ออีก “นายเป็นอะไรไปอีก”

 

 

           ไป๋จิ่งไม่ได้พูด แต่ชี้ไปที่ต้นขาของตัวเอง

 

 

           เดิมทีมั่วไป๋ยังสงสัยนิดหน่อย จู่ๆ ในสมองก็มีคำสองคำวาบเข้ามา แล้วแก้มก็แดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

           เหมือนเขาจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาพร้อมความคับแค้นใจ “หยิบ! เอง! สิ!”

 

 

           นัยน์ตาไป๋จิ่งฉายสะท้อนรอยยิ้มชั่วร้าย เขาหยิบเสื้อทีเชิ้ตและชุดซับข้างในเดินเข้าห้องน้ำด้วยความเบิกบานใจ

 

 

           ไป๋จิ่งอาบน้ำไปพลางลอบยิ้ม เขาจงใจหยิบเสื้อผ้าที่มั่วไป๋เคยใส่…

 

 

           มั่วไป๋ได้ยินเสียงน้ำข้างในนั้น เขาก็รู้สึกแค่เพียงจิตใจที่ยิ่งว้าวุ่นไปกว่าเดิม

 

 

           ในใจเขาหงุดหงิด ยกมือดึงผ้าห่มคลุมหัวฝังตัวเองเข้าไป  

 

 

 

 

ตอนที่ 593 นอนไม่หลับไง

 

 

           ผ่านไปอีกประมาณสิบนาที ไป๋จิ่งก็เดินออกมา เขาเห็นคนที่ฝังตัวอยู่ข้างใน ในใจเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกฮึกเหิมอยู่ไม่เบา

 

 

           เขานอนลงข้างๆ มั่วไป๋ไปทั้งอย่างนี้ เพราะว่าเพิ่งจะอาบน้ำมา ร่างกายยังมีไอร้อนติดตัวอยู่

 

 

           เดิมทีมั่วไป๋ตัวเย็นอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีฮีทเตอร์ จนถึงตอนนี้ทั้งร่างก็เย็นจนเป็นน้ำแข็งแล้ว

 

 

           เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของไป๋จิ่ง อยากจะเข้าใกล้ไป๋จิ่งอีกสักหน่อยโดยไม่ตั้งใจ

 

 

           แต่ว่าพอนึกถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนในตอนนี้ มั่วไป๋ก็กัดฟันแล้วทำให้ตัวเองยังคงสภาพได้ อย่าใกล้ไป๋จิ่งเจ้าหมอนี่เกินไปเด็ดขาด

 

 

           วันนี้ก็แค่กลัวไป๋จิ่งจะหนาวตายเท่านั้นเอง ดังนั้นถึงแบ่งเตียงครึ่งหนึ่งให้ไป๋จิ่ง

 

 

           ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นเลยสักนิด

 

 

           ไป๋จิ่งนอนอยู่ข้างๆ ก็ไม่สบายใจ อารมณ์เขาฮึกเหิม ระงับไว้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง เมื่อคิดถึงยามมั่วไป๋อยู่ข้างกาย

 

 

           เหมือนมีคนเอาขนนกไปสะกิดหัวใจอวัยวะภายในของเขาอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           อยากจะปีนขึ้นเตียง อยากจะใกล้มั่วไป๋ขึ้นมาอีกนิด

 

 

           แต่จะทำอย่างไรได้ ไป๋จิ่งหวาดกลัว ไป๋จิ่งไม่กล้า ไป๋จิ่งกลัวว่าถ้าปีนขึ้นไป ไม่แน่ว่าจะถูกมั่วไป๋ยกเท้าถีบลงไปทันที

 

 

           ถึงตอนนั้นแม้แต่ตำแหน่งในตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งเกร็งไปทั้งตัว แม้แต่การหายใจยังไม่กล้าจะออกแรงมากเกินไป กลัวจะทำให้มั่วไป๋ตกใจตื่นได้

 

 

           มั่วไป๋หายใจเบาและเงียบมาก แทบจะไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวอะไร ไป๋จิ่งคิดอยู่นานมาก ถึงค่อยเอียงหัวมามองมั่วไป๋แวบหนึ่ง

 

 

           เห็นเพียงแค่มั่วไป๋หลับตา ไม่รู้ว่านอนหลับอยู่หรือเปล่า

 

 

           สายตาไป๋จิ่งจดจ่ออยู่บนใบหน้ามั่วไป๋อย่างไม่อาจหักใจจากไปได้ ตัดใจเบนสายตาไม่ลง

 

 

           มั่วไป๋ไม่ได้นอนหลับ เขาตาสว่างอยู่ตลอด เพียงแต่รู้สึกว่าจะลืมตาตลอดจะดูโง่ไปสักหน่อย ดังนั้นถึงได้หลับตาลง

 

 

           สายตาที่มองข้ามไม่ได้เลยสักนิดส่งมาจากด้านข้าง หัวใจมั่วไป๋ไปตามสายตานั้นโดยไม่รู้ตัว ตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

 

           สายตาไป๋จิ่งกลับไม่เบนหนีไปไหนสักที เอาแต่จ้องมองเขาตลอด

 

 

           หัวใจที่สงบนิ่งของมั่วไป๋เต้นถี่รัวขึ้นมา เขากำมือข้างตัวไว้ทำให้ตัวเองสงบนิ่งขึ้นมาเล็กน้อย อย่าเผยอารมณ์ความรู้สึกมากเกินไป

 

 

           ผ่านไปอยู่หลายนาที มั่วไป๋ถึงได้เอ่ยออกมา “นายยังไม่นอนเหรอ”

 

 

           คำพูดของมั่วไป๋ที่พูดขึ้นมากะทันหัน ไป๋จิ่งสะดุ้งตกใจทันที เขายังคิดว่ามั่วไป๋นอนหลับไปตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นถึงได้กล้ามองเขาอย่างเร่าร้อน

 

 

           ไป๋จิ่งรีบเก็บสายตากลับมา มองดูฝ้าเพดาน “นี่จะนอนแล้ว”

 

 

           หลังจากพูดจบ เขาก็รีบร้อนเอ่ยประโยคเสริมทันที “คุณล่ะ ยังไม่นอนเหรอ”

 

 

           มั่วไป๋เอ่ยเสียงเรียบๆ “นอนแล้ว”

 

 

           ทั้งสองคนฟื้นคืนกลับมาเงียบงันอีกครั้ง ในห้องค่อยๆ เงียบสงบลงมาเรื่อยๆ แต่คนสองคนที่บอกว่าจะนอนกลับไม่มีสักคนนอนหลับลงจริงๆ

 

 

           ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในห้องมีเสียงลมหายใจที่สงบและมั่นคงดังขึ้นมา

 

 

           ไป๋จิ่งเข้าใจว่ามั่วไป๋นอนหลับแล้ว เขาโล่งใจไปทีโดยอัตโนมัติ แม้แต่ร่างกายก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย

 

 

           เขาเพิ่งจะเตรียมขยับแขนก็มีคนคนหนึ่งกลิ้งเข้ามาในอ้อมอก

 

 

           ไป๋จิ่งชะงักงันไปทันที แบบนี้ไม่กล้าขยับแล้วจริงๆ

 

 

           ที่แท้มั่วไป๋กลัวหนาว หลังจากนั้นนอนแล้ว จิตใต้สำนึกสั่งให้กลิ้งมาตามหาความอบอุ่นจากร่างกายของไป๋จิ่ง

 

 

           ไป๋จิ่งเกร็งลมหายใจ เห็นท่าทางมั่วไป๋นอนหลับไม่รู้สติแล้ว เวลานี้ถึงได้ผ่อนลมหายใจลง

 

 

           ไป๋จิ่งยื่นมือออกไปเล็กน้อย กกกอดคนไว้ในอ้อมอก มั่วไป๋รับความรู้สึกของความอบอุ่นแล้ว เขาคลอเคลียโดยไม่รู้ตัว หาตำแหน่งที่นอนได้สบายแล้วหลับไป

 

 

           มั่วไป๋นอนสบายแล้ว ไป๋จิ่งนอนไม่หลับแล้ว

 

 

           โอบกอดมั่วไป๋ไว้ในอ้อมอก เขาหลับลงได้ก็แปลกแล้ว

 

 

           ตลอดทั้งคืน เขาสนใจแค่เพียงก้มหน้ามองมั่วไป๋ไล้ตามแสงจันทร์ อีกนิดแม้แต่แพรขนตาของมั่วไป๋ก็นับได้แล้ว

 

 

           จนกระทั่งเวลาถึงประมาณตีสามตีสี่ ไป๋จิ่งถึงได้รู้สึกง่วงบ้างแล้ว กอดมั่วไป๋แล้วผล็อยหลับไป

 

 

           ณ อีกห้องหนึ่ง ลี่เจินฝันว่ากำลังคิดถึงลูกชายจอมซื่อบื้อของตัวเองมีความคืบหน้าบ้างหรือเปล่า

 

 

           คลอดลูกชายจอมซื่อบื้อมา ทุกข์ใจเกินไปแล้วจริงๆ

 

 

           ……

 

 

           เช้าวันต่อมา แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างตกกระทบในห้อง

 

 

           ทั้งสองคนโอบกอดกันและกัน มั่วไป๋อยู่ในอ้อมกอดของไป๋จิ่ง ไป๋จิ่งนอนตะแคงเอื้อมมือโอบกอดมั่วไป๋ไว้

 

 

           ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากถึงมากที่สุด ใบหน้าแนบชิดกันนอนหลับตาพริ้ม