ตอนที่ 618 เป็นพระชายารัชทายาท / ตอนที่ 619 ความแค้นของเฟิงชิงสุ่ย

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 618 เป็นพระชายารัชทายาท

 

 

จากนั้นซูจิ่วซือก็ถูกส่งตัวเข้าห้องหอ ส่วนฟู่เฉินหรงเริ่มต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเลี้ยง

 

 

หน้าต่างห้องหอติดอักษรมงคลสีแดงขนาดใหญ่ บนโต๊ะมีเทียนไขสีแดงจุดอยู่คู่หนึ่ง บนผ้าคลุมเตียงสีแดงเข้มมีพุทรา ถั่วลิสง ลำไย และเม็ดบัว สื่อความหมายขอให้มีลูกเร็วๆ

 

 

ซูจิ่วซือนั่งตัวตรงบนเตียง หมัวมัวคนหนึ่งยกพุทราเม็ดบัวต้มเดินเข้ามาหาซูจิ่วซือพร้อมกับรายงานอย่างนอบน้อม “พระชายารัชทายาท องค์รัชทายาทให้คนเตรียมพุทราเม็ดบัวต้ม ถ้าพระชายารัชทายาทหิว ก็ลองชิมดู”

 

 

“องค์รัชทายาทช่างมีน้ำใจจริงๆ วันนี้งานยุ่งมาก คุณหนูคงหิวแล้ว”

 

 

ปิงซินพูดจบ หมัวมัวก็รีบแก้ให้ “พระชายารัชทายาทแต่งงานเข้าวังตะวันออกแล้ว วันหลังแม่นางต้องระวัง อย่าเรียกพระชายารัชทายาทเป็นคุณหนู อยู่ในวังตะวันออกต้องเรียกเป็นพระชายารัชทายาท”

 

 

“หมัวมัวเตือนถูกต้อง ข้าจะจำไว้”

 

 

ก่อนแต่งงานวังหลวงส่งหมัวมัวมาสอนแบบแผนของราชตระกูล ซูจิ่วซือเคยรู้มาบ้างแล้ว สอนเพิ่มอีกเล็กน้อยก็เข้าใจ แต่คนที่ต้องสอนเป็นพิเศษคือปิงซินกับอาหลาน เมื่อกี้ปิงซินลืมตัว เรียกคุณหนูตามความเคยชิน

 

 

“หมัวมัววางใจ วันหลังข้าจะสอนพวกเขาเอง อาหลาน ช่วยเปิดผ้าคลุมหัวให้ข้า”

 

 

“เจ้าค่ะ คุณ…พระชายารัชทายาท”

 

 

อาหลานเข้ามาเปิดผ้าแดงที่คลุมหัวให้ซูจิ่วซือ บาดแผลของนางเกือบหายแล้ว หลังจากพบหมัวมัวในวังจึงรู้ว่าราชตระกูลมีแบบแผนมากมาย แต่เพื่ออยู่ใกล้ชิดซูจิ่วซือ นางจึงเรียนรู้ที่จะอยู่ในแบบแผน

 

 

ซูจิ่วซือถือชามพุทราเม็ดบัวต้มบนถาดที่หมัวมัวยกมา ท่วงท่างามสง่า หยิบช้อนตักกินช้าๆ

 

 

หมัวมัวรับใช้อยู่ข้างๆ พอใจกับกิริยาท่าทางของซูจิ่วซือมาก

 

 

เดิมทีหมัวมัวกังวลว่าซูจิ่วซือไม่เคยรู้จักแบบแผนมาก่อน กิริยาท่าทางอาจจะหยาบกระด้าง เพราะเพิ่งกลับมาอยู่จวนตระกูลมู่เมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง ได้ยินว่าซูจิ่วซือโตมากับชาวบ้าน แต่ภาพที่เห็นทำให้หมัวมัวประหลาดใจมาก

 

 

การพูดจากิริยาท่าทางของซูจิ่วซือเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างแท้จริง ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการอบรมมายาวนานคงทำอย่างนี้ไม่ได้ ได้ยินว่าแม่เลี้ยงของนางเป็นฮูหยินจวนตระกูลโหว นับว่าอบรมได้ไม่เลว

 

 

ซูจิ่วซือกินไปสองสามคำ แล้วถามขึ้นเหมือนไม่ตั้งใจ “ไม่ทราบว่าหมัวมัวชื่ออะไร”

 

 

“พระชายารัชทายาทเรียกข้าว่าหมัวมัวเถียน”

 

 

“เมื่อก่อนหมัวมัวทำงานที่ไหน”

 

 

“ข้าอยู่ที่กรมวังมาตลอด”

 

 

“สาวใช้ของข้าสองคนนี้เพิ่งเข้ามาอยู่ในวังตะวันออก วันหลังรบกวนหมัวมัวสั่งสอนให้มาก”

 

 

“พระชายารัชทายาทเกรงใจเกินไป นี่เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”

 

 

หมัวมัวเถียนขานรับอย่างนอบน้อม นางไม่ใช่หมัวมัวทั่วไป เป็นหมัวมัวจากวังหลวงที่ซุ่นตี้ทรงโปรดให้มาช่วยซูจิ่วซือจัดการงานในวังตะวันออก ซูจิ่วซือจึงเอาใจใส่นาง เกรงใจนางเป็นพิเศษ

 

 

ถ้าเดาไม่ผิด นางคงคอยดูการพูดการกระทำของตน เมื่อเข้ามาอยู่ในราชตระกูล ต้องรักษาแบบแผนบางอย่าง เหมือนที่ฮูหยินมู่บอกไว้ มีคนมากมายจ้องมองอยู่

 

 

ซูจิ่วซือกินพุทราเม็ดบัวต้มไปครึ่งหนึ่งก็วางชามลง หมัวมัวให้คนยกออกไป

 

 

“หมัวมัวเถียน ออกไปก่อนเถอะ!”

 

 

“เพคะ ข้าจะเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ถ้าพระชายารัชทายาทมีอะไรให้รับใช้ก็เรียกได้”

 

 

หมัวมัวเถียนพูดจบก็ออกไป

 

 

“คุณหนู หมัวมัวเถียนเข้มงวดจริงๆ”

 

 

หลังจากหมัวมัวเถียนไปแล้ว ปิงซินก็พูดขึ้น

 

 

“ปิงซิน เมื่อครู่หมัวมัวเพิ่งเตือนเจ้า ลืมแล้วหรือ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 619 ความแค้นของเฟิงชิงสุ่ย

 

 

ปิงซินแลบลิ้น “บ่าวเรียกจนชิน คราวหลังจะระวังเจ้าค่ะ”

 

 

“ปิงซิน ที่นี่ไม่ใช่จวนตระกูลมู่ ต่อไปต้องระวังหน่อย”

 

 

ซูจิ่วซือเตือน นางเป็นคนที่ใส่ใจแบบแผนเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าตอนอยู่จวนตระกูลมู่ไม่ได้เคร่งครัด เวลานี้พอมาอยู่วังตะวันออก ในฐานะที่เป็นพระชายารัชทายาท บางเรื่องนางต้องเป็นแบบอย่าง จึงจะสอนคนรอบข้างได้

 

 

“บ่าวจะจำไว้”

 

 

แม้ไม่ได้เตือนอาหลาน แต่อาหลานก็พยักหน้า “บ่าวก็จะจำไว้ พระชายารัชทายาท เมื่อก่อนบ่าวเสียมารยาท เรียกตัวเองเป็นข้ามาตลอดเวลาอยู่กับพระชายารัชทายาท เวลานี้มาอยู่วังตะวันออกแล้ว บ่าวก็จะทำตามแบบแผนสาวใช้ ไม่ทำให้พระชายารัชทายาทลำบากใจ”

 

 

ซูจิ่วซือยิ้ม “อาหลาน ลำบากหน่อยนะ”

 

 

“โบราณว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ไม่ลำบากเพคะ”

 

 

ปิงซินยิ้ม “อาหลาน ต่อไปเราสองคนเป็นผู้ช่วยของพระชายารัชทายาท”

 

 

“ดี”

 

 

เดิมทีซูจิ่วซือก็อยากเตือนอาหลานให้ระวังบ้างเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ลับหลังไม่เป็นไร นึกไม่ถึงว่าอาหลานจะพูดขึ้นเอง หลังจากผ่านเหตุการณ์หลายครั้ง เวลานี้นางเชื่อมั่นในตัวอาหลานมาก

 

 

พอนึกถึงว่าอีกสักครู่ฟู่เฉินหรงก็จะเข้ามา ซูจิ่วซือตื่นเต้นมาก นางจับผ้าคลุมเตียงแน่น แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ ในที่สุดนางก็ได้แต่งงานกับเขาสมปรารถนา

 

 

จากแคว้นเว่ยมาแคว้นเจียง ตลอดเส้นทางนี้ นางผ่านอุปสรรคนับไม่ถ้วน ในที่สุดก็ได้มาอยู่ด้วยกัน พอคิดอย่างนี้ หัวใจนางก็รู้สึกตื้นตัน

 

 

 

 

จวนแม่ทัพสยบปฐพี

 

 

เฟิงชิงสุ่ยนั่งอยู่ในห้องตามลำพัง แผลบนใบหน้าหายแล้ว แต่เหลือแผลเป็นน่าเกลียด น่ากลัวมาก นางใช้ผ้าบางสีม่วงคลุมใบหน้าไว้

 

 

กระจกสัมฤทธิ์ในห้องถูกยกออกไปก่อนหน้านี้แล้ว นางยืนที่หน้าต่าง มองออกไปอย่างเย็นชา ดวงตาฉายแววเคียดแค้นรุนแรง

 

 

พิธีแต่งงานครั้งนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน นางอยู่ในห้องยังได้ยินเสียงพลุและเสียงดนตรี

 

 

จากจวนตระกูลมู่มายังวังตะวันออกต้องผ่านจวนแม่ทัพสยบปฐพี ว่าไปแล้วจวนแม่ทัพสยบปฐพีอยู่ใกล้วังตะวันออกมากกว่า แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับได้เข้าประตูวังตะวันออก

 

 

เสียงพลุแต่ละครั้งเสียดเข้าไปในหูแทงเข้าไปในหัวใจของนาง เหมือนจะคุยโวโอ้อวด นางสะกดใจครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ทำลายข้าวของ

 

 

“ซูจิ่วซือ เจ้าไม่ได้ตายดีแน่ รับรอง”

 

 

น้ำเสียงของเฟิงชิงสุ่ยดุดัน สองมือกำหมัดแน่น

 

 

“คุณหนู ข้างนอกลมแรง ปิดหน้าต่างเถอะเจ้าค่ะ!”

 

 

จวี๋เซียงเห็นเฟิงชิงสุ่ยยืนอยู่ที่หน้าต่างมาตลอด ก็อดเตือนไม่ได้ หลายวันมานี้เฟิงชิงสุ่ยอารมณ์แปรปรวน มักจะโกรธเกรี้ยว นางพูดคุยตามปกติยังต้องระแวดระวัง ลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“ไม่ต้อง ให้ลมเย็นพัดเข้ามาจะได้สดชื่น”

 

 

“คุณหนูเปิดใจให้กว้าง วันข้างหน้ายังอีกยาวนาน พระชายารัชทายาทจะอยู่ในตำแหน่งได้มั่นคงหรือไม่ยังไม่รู้ พอถึงเวลาอาจจะมีคนจัดการนางแทนคุณหนู”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยพูดอย่างเย็นชา “คนอื่นจัดการเป็นเรื่องของคนอื่น ข้าต้องจัดการด้วยตัวเองจึงจะหายแค้น ชังไห่เคยบอกไว้ หนอนไหมพิษเป็นของจริง ซูจิ่วซือแค่กินยาระงับพิษ

 

 

หลายวันมานี้ข้าอ่านตำราโบราณ จึงรู้ว่าทำไมซูจิ่วซือไปเขาเป่าหลิง ว่ากันว่าผลเซียนหลิงระงับพิษหนอนไหมพิษได้ นางคงไปเอาผลเซียนหลิงที่เขาเป่าหลิง ตำราโบราณว่าไว้ กินผลเซียนหลิงไม่สามารถมีลูกได้ ถ้ามีลูกพิษจะกำเริบ”

 

 

“มีเรื่องอัศจรรย์อย่างนี้หรือเจ้าคะ”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยหัวเราะร่า “สวรรค์ไม่ได้เมตตานางทุกอย่าง นางมีลูกไม่ได้ พระชายารัชทายาทที่ไม่สามารถมีลูก จะอยู่อย่างมั่นคงในวังตะวันออกได้อย่างไร

 

 

ฝ่าพระบาทคงไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าพระองค์รู้ว่าหลานสะใภ้มีลูกไม่ได้ ไม่รู้ว่ายังจะชอบหลานสะใภ้หรือไม่”