บทที่ 395 รักกันมากก็จะตายเร็ว

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“จริงสิเรนนี่ เมื่อไหร่จะแต่งงานกับหัสดินล่ะ พวกเรารอกินขนมงานแต่งอยู่นะ” มีคนพูดขึ้น

“ใช่ๆ จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ เราจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้เธอ” ทุกคนต่างพูดคุยกัน

ได้ยินเช่นนี้ เรนนี่ก็มีความสุขมากๆ คำพูดเหล่านี้เธอล้วนชอบฟังมากๆ

“แต่ว่าถ้าถึงเวลาจัดงานแต่ง คงจะไม่ลืมไม่เชิญรุ่นพี่อย่างพวกเราใช่ไหม?”

เรนนี่ส่ายหน้า ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่หรอกค่ะ จะลืมใครก็ได้ แต่จะลืมรุ่นพี่ลงได้อย่างไรคะ?”

คนอื่นไม่เชิญก็ได้ แต่คนที่ร่วมสถาบันเดียวกันเธอจะต้องเชิญมาแน่นอน ในตอนนั้นทุกคนในมหาลัยมองเรนนี่เป็นตัวตลก มองดูความอับอายของของเธอ ในตอนนี้เธอจะใช้งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และงดงามตบคนพวกนี้แรงๆ

มาหยายู่ปาก เลื่อนสายตาออก คนสมัยนี้ดูสมจริงมาก ทั้งๆที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเรนนี่ไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้กลับมาเรียกกันว่าพี่น้อง

“ต้องยอมรับว่านิสัยของเรนนี่นั้นอ่อนโยนจริงๆ ยังสามารถพูดคุยกับเราได้ ไม่เหมือนกับคนบางคน”

“ใช่ คนเขาบินขึ้นกิ่งไม้กลายเป็นหงส์ แล้วยังคิดว่าตัวของตัวเองปกคลุมไปด้วยขนสีทองจริงๆ ตอนแต่งงาน ก็ไม่ได้เชิญเพื่อนเก่าอย่างพวกเรา” เสียงนั้นพูดอย่างเจ็บแสบและใจดำ

ในตอนแรกตอนที่ยู่ยี่แต่งงาน เธอเชิญเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่ได้เชิญใคร

“ดังนั้นพูดได้ว่า เป็นคนต้องรู้จักพิจารณาว่าตัวเองมีคุณค่ามากแค่ไหน คิดเองเออเองจริงๆว่าตัวเองกลายเป็นคุณนายที่ร่ำรวย อยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ”

ในบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นก็มีคนมากมายที่ไม่พอใจยู่ยี่ ในตอนนี้ยิ่งฉวยโอกาสเยาะเย้ย คอยเหยียบซ้ำให้จมดิน

“ฉันยังได้ยินพวกเพื่อนบางคนเขาพูดกันว่าตอนนี้ยู่ยี่เป็นพนักงานทำความสะอาด…”

“ฉันก็เคยได้ยินมาว่าตอนนี้ตกอับใช้ได้เลย เป็นพนักงานทำความสะอาดเลยนะ! นั่นเป็นงานที่ผู้หญิงสูงวัยเท่านั้นถึงจะทำกัน!”

“เป็นคนไม่ควรหยิ่งทะนงเกินไป และไม่ควรจริงจังกับตนเองมากจนเกินไป ตอนแรกที่เธอมีความรัก เธอมีเวลาเรียนหนังสือที่ไหนกัน ตอนนี้เป็นพนักงานทำความสะอาดก็เป็นเรื่องธรรดา…”

ตลอดหลายปีที่ยู่ยี่แต่งงานกับหัสดิน ไม่เคยมีเพื่อนๆคนไหนพูดอะไรไม่น่าฟังเลย ล้วนเป็นการพูดกันคำสองสามคำเป็นการส่วนตัว ยังไงซะตอนนั้นก็ยังมีฐานะมีหน้ามีตาอยู่ ตอนนี้ยู่ยี่ตกอับแล้ว ก็ไม่มีใครใส่ใจอะไร จึงกำเริบเสิบสาน

ยู่ยี่ที่ผลักประตูเดินมาได้ยินคำพูดทั้งหมดนั้นกับหูของเธอ มุมปากเธอกระตุก ไม่คิดเลยว่าจะมีเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนที่ไม่พอใจเธอ

แน่นอนว่าตอนที่เธอเดินเข้ามา ทุกสายตาของเพื่อนร่วมรุ่นก็จับจ้องมาที่เธอ เดิมทีตั้งใจจะดูดราม่า แต่ท่าทางเย้ยหยันนั้นกลับต้องตกตะลึง

เรนนี่ก็เช่นกัน เธอต้องการเห็นยู่ยี่ตกอับ ไม่ใช่ท่าทีแบบนี้ในตอนนี้

เธอสวมชุดเดรสสีดำและเสื้อคลุมสีอ่อน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นชุดที่ฉันทัชให้เธอ ที่เท้าสวมรองเท้าส้นสูงส้นแหลม มีออร่า สง่า เป็นผู้ใหญ่

ผมสีดำไม่ได้ปล่อยพาดบ่า แต่ถูกรวบสูง นาโนก็เป็นคนลงมือแต่งหน้าอ่อนๆให้เธอด้วยตัวเอง

เสื้อผ้าที่เลือกมานั้นดูเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นการแต่งหน้าจึงเป็นสไตส์ที่ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ด้วย

ในห้องส่วนตัวร้อนมาก เครื่องทำความร้อนก็เปิดอย่างเต็มที่ ยู่ยี่ถอดเสื้อคลุมออกแล้วแขวนไว้ข้างๆ สวมเพียงชุดเดรสยาวสีดำที่ทั้งสวยและสง่า

ขนาดชุดที่เขาเลือกมันเหมาะมากๆ ราวกับสั่งตัด เนื่องจากเธอฝึกโยคะ จึงทำให้รูปร่างของเธอจึงเพียวขึ้นไปอีก หลังก็ตรง

เธอน่าดึงดูดและมีออร่า ชุดเผยแผ่นหลังที่ขาวเนียนราวกับหยก พูดตามตรงยู่ยี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวตรงบริเวณหลัง

ชุดเรนนี่เป็นสีขาว ส่วนยู่ยี่เป็นสีดำ ชุดของเรนนี่มาในธีมระหว่างความบริสุทธิ์ น่ารัก สวยงามสดใส

ส่วนของยู่ยี่นั้นตรงกันข้ามกับเธอ ดูสวย เป็นผู้ใหญ่ เต็มไปด้วยความเป็นหญิง ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือมีบุคลิกดี พวกเธอล้วนกำลังรอดูเรื่องตลกของยู่ยี่ แต่ไม่คิดเลยว่า เธอจะปรากฏตัวได้งดงามเช่นนี้ มันทำให้พวกเธอตกใจ โดยเฉพาะเนเน่

เรนนี่ขมวดคิ้ว เธอยังไม่ลืมยู่ยี่ที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ ตัวบวม เป็นรอยด่างจากการท้อง ใส่ชุดคลุมท้องที่หลวมผิดปกติกับรองเท้าส้นเตี้ย

เมื่อมองยู่ยี่ที่เปล่งประกายในเวลานี้ เธอรู้ว่าจุดสนใจของเธอดรอปลง ดังนั้นในใจเธอจึงรู้สึกไม่พอใจและไม่ดีเอามากๆ

ยู่ยี่ไม่สนใจเรนนี่ เธอย่อมมองข้าม แล้วทักทายเพื่อนเก่าเหล่านั้นเรียบๆ จากนั้นนั่งลงข้างมาหยา

ในห้องส่วนตัวเงียบมากๆไปครู่หนึ่ง มีคนมองยู่ยี่แล้วพูดว่า “ยู่ยี่ เดรสยาวตัวนี้ของเธอซื้อที่ไหนเหรอ?”

หญิงสาวต่างชอบเดรสยาวบนตัวของเธอ มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เผยให้เห็นส่วนเว้นส่วนโค้งของสาวๆอย่างที่ และดูสวยเซ็กซี่ด้วย

ยู่ยี่เงียบแล้วดึงแผ่นหลัง “คนอื่นให้มา”

ได้ยินดังนั้นเพื่อนๆต่างมองหน้ากัน น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปตาม “ได้มาเหรอ!”

แต่งตัวสวยขนาดนี้ เปล่งประกายดึงดูดสายตาขนาดนี้ แต่ชุดกลับได้จากคนอื่นมา ผู้หญิงอะเนอะ เพียงแค่มีเสื้อผ้าสวยๆแล้วแต่งหน้า ใครๆก็สวยได้ทั้งนั้น แม้จริงๆจะไม่ได้สวยขนาดนั้นก็ตาม

“ในเมื่อเพื่อนให้มา ฉันว่ามันคงเป็นของเลี่ยงภาษีใช่ไหมล่ะ ราคาของของแท้น่ะแพงหูฉี่ แต่ว่าของเสี่ยงภาษีนี่ก็ดูดีจริงๆ ยู่ยี่ขอที่อยู่ร้านหน่อยสิ ฉันอยากจะซื้อด้วย”

“ถามให้หน่อยเถอะ ฉันก็อยากซื้อเหมือนกัน”

ยู่ยี่ตอบรับอย่างเย็นชา พูดเพียงว่า “ได้”

แม้จะรู้ว่าเธอสวมของปลอม แต่ยู่ยี่ที่สวยขนาดนี้ยังคงทำให้เรนนี่ไม่ชอบใจและหงุดหงิด เธอพูดอย่างนุ่มนวลว่า “รบกวนช่วยเงียบหน่อยได้ไหมคะ ฉันจะโทรศัพท์”

ทุกคนไม่ได้พูดอะไรอีกและเงียบลง เรนนี่กดโทรออกด้วยเสียงอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ “หัสดินคะฉันเอง คืนนี้กลับไปคุณยังอยากทานรวมมิตรที่โกเต้งอยู่ไหมคะ?”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน ชั่วพริบตาบรรยากาศในห้องส่วนตัวกลับเงียบและแปลกอย่างผิดปกติ

การกระทำแบบนี้ของเรนนี่แสดงถึงอะไร ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นการแสดงอำนาจข่ม

จงใจแสดงอำนาจข่มต่อหน้ายู่ยี่ คนที่อยู่ปลายสายคือหัสดิน ยู่ยี่คือคนรักเก่าของเขา ส่วนเรนนี่คือรักใหม่ของเขา

จากนั้นสายตาของบางคนก็จ้องมองยู่ยี่อย่างเยาะเย้ย เย้ยหยันและดูถูกอย่างรุนแรงแบบโจ่งแจ้ง

“ค่ะ ฉันจะจดไว้ นอกจากรวมมิตรของโกเต้งแล้ว กลับไปให้เอาอะไรไปอีกคะ?” เสียงของเรนนี่เริ่มนุ่มนวลประดุจสายน้ำขึ้นเรื่อยๆ “ยังเอาต้มเผ็ดเนื้อ ฉันจะให้ทำแบบเผ็ดน้อยๆละกันนะคะ ช่วงนี้คอของคุณไม่ค่อยดี ควรทานอาหารรสเผ็ดให้น้อยลงจะดีกว่า แล้วก็ไม่ต้องให้คนขับรถมารับฉันนะคะ ฉันขับมา…”

เพราะในห้องส่วนตัวเงียบมากจึงได้ยินคำทุกคำได้อย่างชัดเจน

มาหยาเกลียดผู้หญิงแบบนี้จริงๆ เธอจับมือยู่ยี่ด้วยความห่วงใย แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “รักกันมากก็จะตายเร็ว!”

คิ้วของยู่ยี่ขยับเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร มุมปากมีรอยยิ้มปรากฏ แล้วจับมือมาหยากลับ ตั้งแต่มาถึงยันตอนนี้เธอไม่เหลือบมองเรนนี่เลย

ยังเจ็บอยู่ไหมที่ได้ยินเรนนี่จงใจอวดการแสดงความรักให้ได้ยินกับหูตัวเอง?

ถ้าบอกว่าไม่เจ็บเลยสักนิดก็ย่อมไม่จริง คบกันมานานกว่า 7 ปี อยู่ด้วยกันมาตั้งเท่าไร ตอนแรกนั้นรักกันมากแค่ไหน ตอนโดนหักหลังก็ยิ่งเกลียดเท่านั้น เวลาหนึ่งเดือนจะสามารถลืมทุกอย่างไปจนหมดได้อย่างไร?