แต่เมื่อเทียบกับตอนที่เลิกกันใหม่ๆ ตอนนี้ใจกลับสงบ แม้จะเจ็บปวด แต่ก็เล็กน้อยมาก
มาหยาก็ไม่ได้สนใจเรนนี่ เธอกระซิบคุยกับยู่ยี่เกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ริมฝีปากของทั้งสองคนประดับด้วยรอยยิ้ม ในใจรู้สึกมีความสุข
การเมินเฉยอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้ทำให้เรนนี่อารมณ์เสียอีกครั้ง เธอลอบถามและสังเกตว่ายู่ยี่กำลังพยายามฝืนทำสีหน้ามีความสุขหรือไม่?
หลังจากดื่มไวน์ไปอีกสองสามแก้ว ยู่ยี่ก็อยากเข้าห้องน้ำ จึงไปเข้าห้องน้ำกับมาหยา
หลังจากที่ทั้งสองลุกจากโต๊ะไป ทุกคนก็รวมกลุ่มสุมหัวกันอย่างคึกคัก
“ไหนพวกแกบอกว่ายู่ยี่ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดไม่ใช่เหรอ? แต่พวกแกดูสภาพเธอตอนนี้สิ เหมือนพนักงานทำความสะอาดเหรอ?”
“ผิวยังขาวอยู่เลย ฉันว่าผิวดูเรียบเนียนขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ราวกับผิวไข่ที่ปอกเปลือก แล้วดูรูปร่างนั่นสิ ดูมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสวยกว่าตอนแต่งงานอีก…”
“มีคำเคยพูดไว้ดีมากว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง แกดูการแต่งตัวของเธอ แล้วดูชุดที่เธอใส่สิ ถ้าหากเอามาให้พวกเราใส่บ้าง ก็จะต้องสวยจนน่าทึ่งมากเช่นกัน!”
“ไม่กี่วันก่อนยังมีเพื่อนคนหนึ่งเห็นเธอทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดที่นั่นกับตาเลยนะ สามารถเปลี่ยนโฉมตัวเองในเวลาสั้นๆ คงจะไม่ได้ไปนอนกับใครมานะ?”
“ฟังเธอพูดแบบนี้มันก็เป็นไปได้อยู่นะ ระดับความมันวาวของกระโปรงและเสื้อคลุมบนตัวไม่ธรรมดาเลยนะ ต่อให้นำเข้าแบบเลี่ยงภาษีก็ทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น ฉันว่าน่าจะมีเสี่ยเลี้ยงจริงๆ!”
ผู้หญิงมักจะชอบเม้าท์มอยกันอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ถกกันสนุกปากยิ่งขึ้น จนน้ำลายกระเด็น
“ฉันก็รู้สึกว่าเธอถูกเสี่ยเลี้ยง เพิ่งจะจบมหาวิทยาลัยก็แต่งงานกับหัสดินแล้ว หลายปีมานี้ก็พึ่งพาหัสดิน พอเลิกกับหัสดินก็ไม่ใช่คุณนายที่ร่ำรวยอีกต่อไป คงจะทนความลำบากของชีวิตและถูกคนอื่นมองบนใส่ไม่ไหว ถึงได้ไปหาเสี่ยแก่ๆให้มาเลี้ยงตัวเอง…”
“ใช่ๆๆ ฉันก็คิดอย่างนั้น จะต้องถูกเสี่ยแก่ๆเลี้ยงไว้แน่ อดีตสามีเป็นผู้ชายหล่อเหลามีชื่อเสียงในเมืองS ไม่แน่ว่าคนหลังอาจจะอายุแก่กว่าพ่อของเธออีก เพื่อจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างร่ำรวยมั่งคั่ง ก็เพียงพอที่จะทำลายตัวเองได้แล้วจริงๆ!”
เมื่อฟังการร่วมถกกันของทุกคน คิ้วของเรนนี่ก็คลายออก เธอรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้มีเหตุผลจริงๆ
นึกถึงตอนที่ยู่ยี่หย่านั้นดูมอมแมมแค่ไหน แล้วเมื่อเทียบกับตอนนี้ ดูพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ
ถ้าหัสดินรู้เรื่องที่ว่ายู่ยี่ถูกเสี่ยแก่ๆเลี้ยง นิ้วที่เรียวยาวของเรนนี่ลูบเส้นผมที่ตกบนไหล่ มุมปากกระตุกยิ้ม
นอกห้องส่วนตัว
ยู่ยี่และมาหยายืนอยู่ตรงนั้น ตรงประตูมีรอยแตกเล็กน้อย เสียงการสนทนาทั้งหมดก็ลอยเข้ามาในหูของทั้งคู่
ยู่ยี่ขยับริมฝีปากพิงกำแพงอย่างเกียจคร้าน ส่วนมาหยากลับขมวดคิ้ว “ยี่ เธอคงไม่ได้ถูกเสี่ยเลี้ยงจริงๆใช่ไหม?”
“ทำไมเธอไม่บอกไปล่ะว่าฉันหาพ่อทูนหัว? แล้วพ่อทูนหัวของฉันคือเตชิน!” ยู่ยี่หัวเราะ เมื่อมีคนตกต่ำผู้คนก็จะรุมกระทืบซ้ำ คนสมัยนี้ชอบประจบสอพลอผู้มีอำนาจมากเกินไป
มาหยาร้อนใจ “สรุปว่าถูกเลี้ยงรึเปล่า?”
“เธอเป็นคนเลี้ยงฉันเหรอ? เธอไม่รู้หรือว่าฉันเป็นคนยังไง? ฉัน ยู่ยี่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน” เธอก็เป็นคนมีหลักการ!
มาหยารู้สึกโล่งใจที่เธอคำพูดเหล่านี้ออกมา แล้วกล่าวว่าเรนนี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองอึดอัดเสียเปล่า กลับก่อนเถอะ
ยู่ยี่ส่ายหน้าแล้วยิ้ม มาก็มาถึงแล้ว ตรงนั้นพูดกันไปได้ครึ่งทาง ส่วนเรนนี่นั้นไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอ
ทั้งสองนั่งลง บทสนทนาของทุกคนหยุดลงกะทันหัน หัวข้อสนทนาเปลี่ยนจากเรื่องการถูกเสี่ยเลี้ยงไปเป็นเรื่องแฟน พวกเธอพูดคุยกันเรื่องแฟนหรือสามีของแต่ละคน
หัวข้อนี้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ยังคงไปกระตุ้นจิตใจของยู่ยี่ การหย่ากลายเป็นถูกผู้ชายทิ้ง แล้วยังถูกเสี่ยแก่ๆเลี้ยง ชีวิตแต่งงานย่ำแย่ เธอจะมีอะไรไปภูมิใจได้อีก?
บทสนทนาแฝงไปด้วยลูกศรที่พุ่งแทงมาที่ยู่ยี่ดอกแล้วดอกเล่า
เพียงแต่ยู่ยี่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ ไม่แยแส แล้วดื่มไวน์ไปสองแก้ว
คำกล่าวโบราณว่ากันว่า การไม่ปฏิเสธคือการยอมรับ ในเมื่อเจ้าตัวไม่ปฏิเสธ จึงถูกเหมารวมว่าเป็นความจริง
“ยู่ยี่ เห็นแก่ที่เราเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันมา ฉันขอเตือนเธอด้วยความหวังดีว่า ถึงไม่สามารถมีชีวิตที่ร่ำรวยได้ ก็ไม่ควรจะทำร้ายตัวเองขนาดนี้!”
“ว่าแต่ เสี่ยที่เลี้ยงเธออายุเท่าไหร่?”
“เขาทำอาชีพอะไรที่เมืองS? รวยมากเลยใช่ไหม?”
เมื่อมีคนถาม ทุกคนก็เริ่มถามคำถามออกมา พวกเธอล้อมยู่ยี่ไว้ตรงกลางไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้นเรื่อยๆ พวกเธอมั่นใจว่ายู่ยี่ใช้ชีวิตอย่างลำบากมากๆ
ในขณะนั้นเองโทรศัพท์ก็สั่นขึ้น ยู่ยี่หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสตางค์ของเธอ ฉันทัชโทรมา เธอกดรับสาย
“อยู่ที่ไหน?” เขาเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ผับโซ่สวาท” เธอตอบตามความจริง “คืนนี้มีงานปาร์ตี้รวมเพื่อน”
ฉันทัชเอ่ยปากพูดต่อ “ผมอยู่ที่ผับโซ่สวาทพอดี เดี๋ยวผมจะไปหาคุณ สะดวกไหม?”
“ไม่มีอะไรที่สะดวกไม่สะดวก คุณอยากมาไหม? ที่นี่ผู้หญิงอยู่กันเยอะ แล้วฉันก็อยากกลับแล้วด้วย ไม่งั้นคุณรอฉันที่หน้าประตู ฉันรีบไป”
ยู่ยี่คิดว่าที่นี่เต็มไปด้วยผู้หญิง เขาคงจะไม่ชอบฉากแบบนี้อย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นการปรากฏตัวของเขาจะทำให้ห้องส่วนตัวนี้เป็นจุดสนใจอย่างแน่นอน
ตอนนี้เธอมีชีวิตที่ดีและสงบมาก ไม่ตั้งใจที่จะอวดเบ่งอะไร ไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้น
“งั้นก็นั่งรออย่างเชื่อฟังอยู่กับที่นั่นแหละ ผมจะไปรับคุณ แล้วเราค่อยออกไปด้วยกัน…” เขาพูด
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่อย่างงั้นเราไปเจอกันที่ทางเข้าผับโซ่สวาทเถอะ ฉันอยู่ที่ห้องส่วนตัวที่ห่างจากประตูเพียงสองก้าวเท่านั้น”
“ยากที่จะได้เจอตัว ดังนั้นคุณไม่ต้องการให้ผมปรากฏตัวในสถานที่แบบนั้น ดังนั้นคุณกำลังแก้ตัวในการปฏิเสธข้อเสนอของผม” ฉันทัชกล่าวเรียบๆ
ยู่ยี่ส่ายหัวปฏิเสธทันทีตามสัญชาตญาณ สุดท้ายก็จำได้ว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ อีกฝ่ายมองไม่เห็นเธอ จึงรีบปฏิเสธทันที
เมื่อพูดมาถึงขั้นนี้ เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก จึงบอกหมายเลขห้องส่วนตัวที่เธออยู่
จากนั้นก็ถามเขาต่อไปว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ฉันทัชก็กลับกลับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกแต่กลับอ่อนโยน ว่าที่นี่มีสังคมชั่วคราว
ยู่ยี่ตอบรับแล้วตอบเบาๆอย่างนุ่มนวลว่าโอเค ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆถามเธอว่าผู้ชายหรือผู้หญิง เธอตอบว่าผู้ชาย
ผู้ชายที่เลี้ยงดูเธอ? พวกเธอล้วนไต่ถาม รอการปรากฏตัวในห้องส่วนตัวของชายคนนั้น อยากจะรอดูดราม่า เรนนี่ก็รออยู่เช่นกัน
พูดตามตรง เรนนี่ไม่คิดว่าผู้ชายของยู่ยี่จะโดดเด่น เมื่อเทียบกับหัสดิน
มีผู้ชายที่ร่ำรวยและมีอำนาจมากมายในเมืองS แต่มีเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่สามารถเทียบเท่าตระกูลภูษาธรได้
อีกอย่างพวกเขาเพียงร่ำรวยหรือมีอำนาจเพียงด้านเดียว หรือไม่ก็หัวล้านไปแล้ว หรือไม่ก็อ้วนลงพุง ผู้ชายที่มีรูปลักษณ์ เงินและอำนาจหายากราวกับสมบัติของชาติ ส่วนรูปร่างหน้าตาของหัสดินนั้นก็มีชื่อเสียงในเมืองS
ยู่ยี่กลับไม่ตอบ มีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก แอบเดาในใจว่าถ้าฉันทัชได้ยินคำพูดนี้ เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?
เรนนี่ก็ย่อมอยู่ฝั่งรอรับชมดราม่าเช่นกัน มือที่เรียวยาวปัดผมไว้ข้างหูอย่างลวกๆเผยให้เห็นแหวนบนมือ
ภายใต้แสงไฟส่อง แสงจากแหวนเพชรแทงเข้าตาของยู่ยี่
แหวนเพชรวงนี้คือแหวนตอนที่เธอกับหัสดินแต่งงานกัน เธอเป็นคนเลือกมัน ในงานแต่งงานเธอสวมแหวนวงนี้ให้หัสดินด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้มันกลับไปอยู่ในมือของผู้หญิงอีกคน ช่างน่าขันจริงๆ
เธอหลับตาลงเล็กน้อยละสายตาออก แต่ตอนนั้นเองเรนนี่กลับลุกขึ้นถือแก้วไวน์หนึ่งแก้ว ยืนอยู่ตรงหน้ายู่ยี่ “รุ่นพี่คะ ฉันดื่มให้พี่หนึ่งแก้ว”
ยู่ยี่ไม่สนใจเธอ ถือว่าเธอไม่มีตัวตน เป็นแค่ธาตุอากาศ
“ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเกิดเรื่องที่ทำให้ต้องทุกข์ใจมากมาย แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ฉันมาที่นี่เพื่อขอโทษพี่ ขอให้ไวน์แก้วนี้แทนคำขอโทษนะคะ”
เสียงของเรนนี่อ่อนโยนและชัดเจน น่ารักน่าเอ็นดู ตัวก้มลงนิดๆหยิบไวน์บนโต๊ะส่งให้ยู่ยี่ โดยจงใจใช้มือข้างที่สวมแหวนเพชร
ยู่ยี่ไม่ตอบ ขี้เกียจเกินกว่าจะมองเธอ แต่เรนนี่ยัดแก้วไวน์ใส่ในมือเธอ
เธอไม่ชอบสัมผัสของเรนนี่ เรียกได้ว่ารังเกียจ ยู่ยี่คลายมือ ไวน์แดงทั้งแก้วก็หกลงบนตัวของเรนนี่
เรนนี่สวมชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ ดังนั้นพอไวน์สาดใส่คราบไวน์จึงยิ่งชัดเจนขึ้น เธอตกใจกรีดร้อง ยิ่งดูน่าสงสารขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้เชอร์รีนเคยบอกความแตกต่างระหว่างยู่ยี่และเรนนี่ไว้ว่า ยู่ยี่เป็นคนตรงไปตรงมา จะไม่แสร้งทำเป็นอ่อนแอขอความเห็นใจ ในขณะที่เรนนี่สามารถฉกฉวยเอาความเห็นใจได้มาอย่างยอดเยี่ยม
ด้วยเหตุนี้สายตาตำหนิของเหล่าหญิงสาวจึงมองมาที่ยู่ยี่ด้วยความเหยียดหยาม ประณาม และรังเกียจ
ยู่ยี่คิดว่ามันตลกดีจึงหัวเราะออกมาดังๆ “สายตาของพวกเธอนี่มันอะไรกัน?”
มาหยาเอื้อมมือไปดึงเธอ ยู่ยี่ตบมือเธอเบาๆ สบสายตาเหล่าหญิงสาวที่มองอย่างประณาม “ความรู้สึกของพวกเธอคือสามารถรับคำขอโทษจากชู้ของสามีเก่าพวกเธอได้งั้นเหรอ หัวใจแข็งแกร่งมากจริงๆเลยนะ”
ได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวที่อยู่ในนั้นก็พูดไม่ออก สีหน้าของเรนนี่ไม่น่าดู แต่ใช้เวลาเพียงสองวินาทีก็กลับสู่สภาวะปกติ
“คำพูดนี้มัน เธอก็ถูกเสี่ยเลี้ยงไม่ใช่เหรอ แล้วไม่ใช่ชู้รึไง มาใช้คำพูดแบบนี้ด่าพวกเรา ไม่กลัวถูกเมียหลวงจับได้แล้วโดนตบหน้าบวมเหรอ”
ยู่ยี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉันจะรอดู”
ทุกคนล้วนรังเกียจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ไร้ยางอายจริงๆ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
“ยู่ยี่งานเลี้ยงยังไม่เลิกเหรอ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา
สายตาของทุกคนหันไปตามเสียงนั้น ยู่ยี่ก็มองไป แน่นอนว่าย่อมรวมถึงเรนนี่ด้วย
ฉันทัชล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท ร่างสูงและองอาจถูกห่อหุ้มอยู่ภายใต้ชุดสูท ท่าทางผ่อนคลาย เพียงแต่ตอนนี้มีออร่าแผ่ออกมา เสื้อคลุมสีดำยาวถึงเข่าเผยให้เห็นถึงความโดดเด่นที่อยู่ลึกๆข้างในอย่างเป็นธรรมชาติ บนตัวเขามีกลิ่นไวน์แดง
เขาไม่จำเป็นต้องพูด เพียงแค่ร่างสูงยืนอยู่ตรงนั้น ความสง่าและความเฉียบแหลมของชายหนุ่มที่ดูเป็นผู้ใหญ่ก็แผ่ออกมา
นี่เป็นลักษณะเฉพาะของชายผู้นี้ ที่ตอนนี้ดึงดูดสายตาของผู้หญิงทุกคน
ตอนนั้นเองห้องส่วนตัวเงียบมาก เงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มที่ร่วงตกพื้นได้อย่างชัดเจน
ดวงตาของเรนนี่จับจ้องมาที่เขา ใจลอยไปชั่วขณะ ความคิดเธอลอยไปไกลไม่กลับมา
ขายาวที่ดึงดูดสาวตาผู้คนก้าวเดินมาหยุดลงตรงหน้ายู่ยี่ มือใหญ่ขยับลงมาบนเอวบางของเธออย่างเป็นธรรมชาติ เบ้าตาลึก น้ำเสียงอ่อนโยน “ออกไปเลยไหม?”