ตอนที่ 1861 ยื่นหน้าเจ้ามา (2)
เนื้อหาที่เขียนอยู่ในจดหมายทั้งหมดที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเขากับคนผู้หนึ่ง มันบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่าผู้อาวุโสเยว่สั่งให้คนจุดไฟเผาสาขาที่เมืองหลิง สังหารศิษย์ของวิหารเงาจันทรา และความผิดอื่นๆอีกหลายกระทง
จดหมายทั้งกองนั่นถูกส่งมาตรงหน้าประมุขวิหารเงาจันทรา เมื่อเขาอ่านจบ ประมุขวิหารเงาจันทราก็แทบคลั่ง!
“เชื่อเจ้า? ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร! ผู้อาวุโสเยว่ เจ้าคิดว่าข้าเสียสติเรอะ? คิดว่าข้าเลอะเลือนจนจำลายมือของเจ้าไม่ได้รึไง? อย่าลืมสิว่าตอนข้ายังเด็ก เจ้าเป็นคนสอนข้าเขียนตัวอักษรเอง! ลายมือเจ้ามันฝังลึกอยู่ในความทรงจำข้า!” ประมุขวิหารเงาจันทราโกรธจัดจนหน้าซีด ถ้าเป็นคนอื่น มันก็คงไม่เลวร้ายขนาดนี้ แม้ว่าช่วงนี้เขาจะจำกัดอำนาจของผู้อาวุโสเยว่ แต่ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดของวิหารเงาจันทรา คนที่เขาไว้ใจมากที่สุดก็คือผู้อาวุโสเยว่!
“ท่านประมุข! ไม่ใช่ข้า! ไม่ใช่ข้าจริงๆ! จดหมายพวกนี้มีคนปลอมลายมือข้าเขียนขึ้นมา!” ผู้อาวุโสเยว่ตื่นตระหนก เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจดหมายพวกนี้จะตกอยู่ในมือของประมุข
เนื้อหาในจดหมายเขียนขึ้นด้วยมือของผู้อาวุโสเยว่เองจริงๆ เพื่อที่จะแก้แค้นเยว่เย่และกลับมาควบคุมนางได้อีกครั้ง เขาจึงคิดแผนการจับตัวเยว่อี้ขึ้นมา คนพวกนั้นที่อยู่ในเมืองหลิงคือคนที่เขาใช้ติดต่อสื่อสารกับคนจากกลุ่มอำนาจอื่น กลุ่มพวกนั้นกระตือรือร้นอยากจะได้รับความโปรดปรานจากวิหารเงาจันทราแต่ไม่เคยมีโอกาส ด้วยเส้นสายที่ผู้อาวุโสเยว่โยนออกไป พวกเขาจึงกระโดดเข้ามาอย่างกระตือรือร้น คิดจะใช้ผู้อาวุโสเยว่ให้ตนเองได้เข้าไปในวิหาร ขณะที่ผู้อาวุโสเยว่ก็ใช้ประโยชน์จากความคิดของคนพวกนั้น ทำให้พวกเขาเป็นกองกำลังของตนนอกวิหารเงาจันทรา
เพื่อให้แน่ใจว่าแผนการของตนจะบรรลุผล เขาได้ใช้จดหมายเพื่อสื่อสารกับคนพวกนั้น แต่เขาได้เตือนพวกเขาซ้ำๆกันทุกครั้งแล้วว่าให้เผาจดหมายทิ้งทันทีที่อ่านจบ สุดท้ายแล้ว……
ครั้งนี้ผู้อาวุโสเยว่ตกใจกลัวจริงๆ ตอนเขาเขียนจดหมายพวกนั้น เขาตั้งใจที่จะให้เฉพาะคนที่ต้องการอ้อนวอนเขาเห็นเท่านั้น คำพูดที่เขาใช้จึงโอหังและเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม สิ่งเหล่านี้ต้องไม่มีใครในวิหารเงาจันทราได้เห็น ยิ่งประมุขยิ่งไม่ควรให้เห็น
เขาแทบจะจินตนาการได้ถึงความโกรธและความตกใจของประมุขวิหารเงาจันทราตอนที่เห็นจดหมายพวกนี้
“ดี! เจ้าจะไม่ยอมรับใช่ไหม?” ประมุจขโกรธจัดจนหัวเราะ เขาตัวสั่นด้วยความโกรธขณะชี้นิ้วไปที่ผู้อาวุโสอิ่งและพูดว่า “ผู้อาวุโสอิ่ง ไปพาคนพวกนั้นมาเดี๋ยวนี้! ข้าอยากจะเห็นนักว่าไอ้คนทรยศนี่จะปากแข็งไปได้ถึงไหน!”
ใบหน้าของผู้อาวุโสอิ่งนิ่งสงบไม่มีทั้งความยินดีและความโกรธ มีเพียงสีหน้าแบบหน้าที่คือหน้าที่เท่านั้น
ในใจผู้อาวุโสเยว่ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น ต่อให้เป็นคนโง่ ก็ยังรู้ว่าจดหมายพวกนี้ผู้อาวุโสอิ่งเป็นคนนำมา แต่เขาได้เตรียมการล่วงหน้าทุกอย่างเอาไว้แล้ว แล้วของพวกนี้มาตกอยู่ในมือของผู้อาวุโสอิ่งได้อย่างไร?
และสิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสเยว่กังวลมากขึ้นในตอนนี้ก็คือ……
คนพวกนั้น……
ใครคือคนพวกนั้น?
ผู้อาวุโสเยว่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น ไม่กล้าขยับแม้แต่นิ้วเดียว หัวใจของเขาเต้นดังราวฟ้าร้อง พร้อมกับสังหรณ์ร้ายที่ผุดขึ้นมา
ชั่วครู่เดียว ผู้อาวุโสอิ่งก็เดินนำศิษย์ของวิหารเงาจันทราหลายคนเข้ามาในห้องโถง
จากนั้นเสียงโซ่กระทบกันก็ดังขึ้น ด้านหลังของศิษย์เหล่านั้นมีชายที่อยู่ในสภาพน่าสมเพชกว่าสิบคนซึ่งแขนขาถูกล่ามโซ่เอาไว้ เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ด้วยท่าทางห่อเหี่ยวอย่างมาก
“เห็นท่านประมุขแล้วยังไม่คุกเข่าอีก!” ผู้อาวุโสอิ่งพูดด้วยเสียงเย็นชา
คนพวกนั้นขาสั่นระริก พวกเขาคุกเข่าลงตรงหน้าประมุขวิหารเงาจันทราอย่างพร้อมเพรียงกัน พูดตัวสั่นว่า “คารวะท่านประมุข”
ตอนที่ 1862 ยื่นหน้าเจ้ามา (3)
เมื่อผู้อาวุโสเยว่เห็นคนพวกนั้น สมองก็ขาวโพลนไปทันที เขายืนตะลึงจังงังไม่ขยับแม้แต่น้อย
“บอกท่านประมุขว่าพวกเจ้าเป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับผู้อาวุโสเยว่” ผู้อาวุโสอิ่งพูดเสียงเข้ม
คนพวกนั้นก้มตัวมองประมุขวิหารเงาจันทราด้วยความหวาดกลัว
“ท่านประมุข ข้าคือรองหัวหน้าแก๊งคลั่ง หัวหน้าสั่งให้ข้ามาขอเข้าร่วมกับวิหารของท่าน แต่ข้าไม่อาจเข้าพบท่านประมุขได้ จึงทำได้แค่ใช้เส้นสายติดต่อกับผู้อาวุโสเยว่ผ่านทางคนอื่น ผู้อาวุโสเยว่บอกว่าอยากเข้าร่วมวิหารเงาจันทราก็ต้องแสดงความจริงใจของเราก่อน และให้เราทำตามที่เขาบอก”
“ท่านประมุข ข้ามาจากหอเฟิง……”
“ท่านประมุข……”
คนกว่าสิบคนคุกเข่าแนะนำตัวเองอยู่บนพื้น พวกเขาทั้งหมดมาจากกลุ่มต่างๆ แต่มีจุดประสงค์เหมือนกันนั่นคือพยายามที่จะเอาใจวิหารเงาจันทรา และสุดท้ายพวกเขาก็ได้ติดต่อกับผู้อาวุโสเยว่
ผู้อาวุโสเยว่ได้พูดเป็นนัยๆแบบเดียวกันกับทุกคนว่าให้ทำตามคำสั่งของเขา คำสั่งของเขาก็คือสิ่งที่ประมุขวิหารเงาจันทราต้องการ เพียงทำตามที่เขาบอก ประมุขก็จะเห็นถึงความจริงใจของพวกเขา
ยิ่งได้ฟังสีหน้าของประมุขก็ยิ่งไม่น่าดู ภายใต้การสอบสวนของผู้อาวุโสอิ่ง คนพวกนั้นไม่เพียงเปิดเผยว่าพวกเขาทำตามคำสั่งของผู้อาวุโสเยว่ในการโจมตีสาขาเมืองหลิงเท่านั้น แต่ยังบอกอีกด้วยว่าพวกเขาได้มอบสมบัติให้ประมุขผ่านทางผู้อาวุโสเยว่
สมบัติพวกนั้นประมุขวิหารเงาจันทราไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
ของทั้งหมดตกอยู่ในมือของใคร ไม่ต้องคิดก็รู้
“ผู้อาวุโสเยว่ เจ้าช่างเป็นผู้อาวุโสที่ดีของข้าซะเหลือเกิน ข้าคิดว่าเจ้าคือผู้อาวุโสที่อาวุโสที่สุดในวิหารเงาจันทรา เจ้าเคยรับใช้ท่านปู่ข้า ท่านพ่อข้า ข้าไว้ใจเจ้ามาก แต่เจ้าทำอะไรลงไป? เจ้าจับมือกับคนนอกกดขี่ผู้อาวุโสอื่นๆในวิหาร ไม่พอยังยักยอกของเข้ากระเป๋าตัวเอง แถมยังให้คนพวกนี้มาฆ่าศิษย์ในวิหารข้าด้วย! เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!!!” ประมุขวิหารเงาจันทราโกรธเต็มที่แล้ว สำหรับความคิดที่นอกคอกและความผิดเล็กๆน้อยๆของเหล่าผู้อาวุโส ส่วนใหญ่เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะ แต่ทำกันถึงขนาดนี้ ถ้าเขายังไม่สนใจไยดีอยู่อีก ไม่เท่ากับเขายกวิหารเงาจันทราใส่พานให้คนอื่นไปหรอกหรือ!
“ท่านประมุข……ข้าถูกใส่ร้าย……ความภักดีของข้าที่มีต่อวิหารเงาจันทรา ตะวันและจันทราเป็นประจักษ์พยาน คนพวกนี้……คนพวกนี้ต้องเป็นคนที่ผู้อาวุโสอิ่งพามาใส่ร้ายข้า ท่านประมุขก็รู้ว่าผู้อาวุโสอิ่งไม่ถูกกับข้าอยู่แล้ว ที่เขากระตือรือร้นจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ก็เพื่อเล่นงานข้าให้ถึงตาย! ข้ารับใช้วิหารเงาจันทรามาหลายปีแล้ว ไม่เคยมีความคิดที่จะทรยศเลยสักครั้ง! ท่านประมุข! ท่านต้องเชื่อข้า! ถ้าข้าคิดคดทรยศจริงๆ ทำไมข้าต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย? ตอนที่ประมุขคนก่อนป่วยหนัก ท่านประมุขยังเด็กมาก ข้าก็รับใช้และสนับสนุนท่านด้วยทุกอย่างที่ข้ามี ไม่เคยมีใจคิดเป็นอื่นเลย ถ้าข้าคิดแบบนั้นจริงๆ นั่นไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่สุดในการลงมือหรอกหรือ?” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวอ้างความบริสุทธิ์ด้วยเสียงอันดัง เขารู้ว่าถ้าเหตุการณ์วันนี้ลงเอยแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ล่ะก็ ไม่ว่าเขาจะเคยทำเพื่อวิหารเงาจันทรามามากแค่ไหน เส้นทางที่รอเขาอยู่ข้างหน้าก็คือความตายสถานเดียวเท่านั้น!
ไม่มีผู้ปกครองคนไหนจะยอมให้คนของตนสมคบกับกลุ่มอื่นให้อำนาจของตนอ่อนแอลงหรอก
ประมุขวิหารเงาจันทราสูดหายใจเข้าลึกๆ โทสะในใจไม่ได้บรรเทาลงแม้แต่น้อย แต่คำพูดของผู้อาวุโสเยว่ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่เขายังเป็นเด็ก
พ่อของเขาป่วยหนักในตอนที่เขายังเด็กมาก ตอนนั้นผู้อาวุโสเยว่มีโอกาสเหมาะที่จะควบคุมโอรสสวรรค์สั่งการเจ้าผู้ครองแคว้น แต่ผู้อาวุโสเยว่ก็ไม่ได้ทำ ประมุขวิหารเงาจันทราที่โกรธจัดก็ถูกคำพูดของผู้อาวุโสเยว่ดึงกลับมาให้สงบลง แม้ว่าสีหน้าของเขาจะยังไม่ดีขึ้นเลยก็ตาม
ตอนที่ 1863 ยื่นหน้าเจ้ามา (4)
ผู้อาวุโสเยว่สัมผัสได้ว่าตนยังมีช่องให้ดิ้นรน จึงเริ่มพูดถึงทุกอย่างที่เขาเคยทำให้วิหารเงาจันทราอย่างละเอียด และเรื่องที่ตนมีโอกาสมากมายในการแย่งชิงอำนาจแต่ไม่ได้ทำเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี
ผู้อาวุโสอิ่งยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไรสักคำ แต่ในใจเริ่มเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว
ผู้อาวุโสเยว่มีส่วนช่วยวิหารเงาจันทราอย่างลึกซึ้ง และได้เลี้ยงดูประมุขจนเติบใหญ่ขึ้นมา ถ้าปล่อยให้เขาพูดถึงเรื่องในอดีตไปมากกว่านี้ ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าประมุขจะไม่ใจอ่อน
สายตาของผู้อาวุโสอิ่งมองไปด้านนอกโดยไม่รู้ตัว เขากำลังรอคอย
รอการเคลื่อนไหวในขั้นต่อไปของจวินอู๋เสีย
คำโน้มน้าวเคล้าน้ำตาของผู้อาวุโสเยว่ทำให้สีหน้าของประมุขอ่อนลงในที่สุด ภาพความทรงจำผุดขึ้นมาทีละฉากทำให้ใจกระตุก เขามองผู้อาวุโสเยว่ซึ่งแก่ชราคุกเข่าอยู่ในห้องโถง แล้วอดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้
ผู้อาวุโสเยว่เห็นประมุขมีท่าทางใจอ่อนลงแล้ว ก็แอบถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังคงดูโศกเศร้าเสียใจอย่างมาก
“ท่านปู่ พูดเช่นนี้ไม่กลัวสวรรค์พิโรธเอาหรือ!” ทันใดนั้นเสียงใสชัดเจนของผู้หญิงก็ดังขึ้นในห้องโถง
สายตาของทุกคนในห้องโถงต่างหันไปจับจ้องที่เจ้าของเสียงนั้น
ไม่รู้ว่าเยว่เย่ที่มีใบหน้าซีดขาวมาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านนอกประตูห้องโถงใหญ่ของวิหารเงาจันทราตั้งแต่เมื่อไร
“เย่เอ๋อร์?” ประมุขชะงักไปครู่หนึ่งด้วยความประหลาดใจที่เห็นเยว่เย่
ผู้อาวุโสเยว่เบิกตากว้างจ้องมองเยว่เย่อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ท่านประมุข เย่เอ๋อร์มีบางอย่างจะพูด” ดวงตาเศร้าของเยว่เย่มองไปที่ประมุขวิหารเงาจันทรา
“พูดมาตามตรงได้เลย” ประมุขกล่าวโดยเร็ว
เยว่เย่สูดหายใจเข้าลึกๆและเดินเข้าไปในห้องโถง จากนั้นก็คุกเข่าหลังตรงที่ด้านข้างผู้อาวุโสเยว่
ผู้อาวุโสเยว่ถลึงตาจ้องเยว่เย่ อยากจะถลกหนังนางทั้งเป็นจนแทบทนไม่ไหว
เป็นเพราะการทรยศของเยว่เย่ที่ทำให้ประมุขมองเขาในแง่ร้าย ทันทีที่เห็นเยว่เย่ ผู้อาวุโสเยว่ก็รู้สึกได้ถึงปัญหาทันที
เยว่เย่แสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาโกรธแค้นของผู้อาวุโสเยว่ นางเงยหน้าขึ้นมองประมุข จากนั้นก็ก้มลงคารวะ พอเงยหน้าขึ้นนางก็พูดว่า “ท่านประมุข เย่เอ๋อร์มาวันนี้ก็เพื่อขอรับโทษจากท่านประมุข”
ประมุขวิหารเงาจันทรามองเยว่เย่อย่างงุนงง
“เย่เอ๋อร์ สุขภาพเจ้ายังไม่ค่อยดี ไม่ต้องคุกเข่าหรอก ลุกขึ้นเถอะ”
แต่เยว่เย่กลับส่ายหน้า
“ท่านประมุขโปรดให้เย่เอ๋อร์คุกเข่าและพูดให้จบก่อน ความผิดของเย่เอ๋อร์เป็นความผิดต่อสวรรค์ที่ไม่อาจอภัยได้”
“เยว่เย่! เจ้าไม่ได้มีธุระอะไรที่นี่!” ความรู้สึกไม่สบายใจของผู้อาวุโสเยว่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงในใจลึกๆบอกเขาว่าอย่ายอมให้เยว่เย่พูดต่อได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาจบสิ้นแน่
“เจ้ากลัวอะไรล่ะ?” เยว่เย่มองผู้อาวุโสเยว่อย่างเย็นชา ในตอนนี้ดวงตาของเยว่เย่ไม่ได้แสดงความขลาดกลัวตามปกติของนางเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเย็นชาเท่านั้น
ผู้อาวุโสเยว่รู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นดวงตาเช่นนี้ของนาง
“ท่านประมุข ได้โปรดให้เย่เอ๋อร์พูดจนจบด้วย” เยว่เย่หันไปมองประมุขวิหารเงาจันทราอีกครั้ง
ประมุขจึงได้แต่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“เย่เอ๋อร์ถูกผู้อาวุโสเยว่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กพร้อมกับพี่ชาย และได้รับการสั่งสอนจากผู้อาวุโสเยว่มาตั้งแต่เด็กเช่นกัน เย่เอ๋อร์จึงคิดมาตลอดว่าผู้อาวุโสเยว่ช่างดีกับเย่เอ๋อร์และท่านพี่จริงๆ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นเพราะเย่เอ๋อร์ไปอยู่ในความดูแลของท่านประมุข ผู้อาวุโสเยว่จึงเกิดความไม่พอใจ เขาได้เตรียมของขวัญให้กับเย่เอ๋อร์ เดิมทีเย่เอ๋อร์คิดว่าแม้ว่าผู้อาวุโสเยว่จะทำผิดกับเย่เอ๋อร์ แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นคนเลี้ยงเย่เอ๋อร์กับท่านพี่มา พวกเราเป็นหนี้บุณคุณเขา แต่จู่ๆผู้อาวุโสเยว่ก็ให้ของขวัญแก่เย่เอ๋อร์ ของขวัญนั้นทำให้เย่เอ๋อร์เข้าใจว่าคนผู้นี้น่ากลัวเพียงใด” เยว่เย่พูดช้าๆ