ตอนที่ 1864 ยื่นหน้าเจ้ามา (5)
“ของขวัญอะไร?” ประมุขวิหารเงาจันทราถามด้วยความสงสัย
เยว่เย่หยิบกล่องผ้าออกมาจากเสื้อคลุมของนาง พอผู้อาวุโสเยว่เห็นกล่องผ้าใบนั้น ก็ร้องอยู่ในใจว่าไม่ดีแล้ว เขาอยากหยุดนางแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
เยว่เย่เปิดกล่องผ้าออก ในกล่องนั้นมีชิ้นเนื้อที่เริ่มเน่าเปื่อยน่าสะอิดสะเอียน!
กลิ่นเหม็นเน่ากระจายไปในอากาศทั่วห้องโถงทันที!
“นั่นอะไร?” ประมุขถามพร้อมกับบีบจมูกตัวเอง
เยว่เย่มองสบตาประมุข
“เนื้อตรงหัวใจ เนื้อที่อยู่เหนือหัวใจของพี่ชายข้า เยว่อี้!”
“อะไรนะ!” ประมุขเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสเยว่ให้เย่เอ๋อร์หลังจากที่ผู้อาวุโสเยว่เข้าไปรายงานท่านประมุขเรื่องการโจมตีสาขาในเมืองหลิง และข่าวเรื่องพี่ชายข้าหายตัวไป” เสียงของเยว่เย่แฝงด้วยความรู้สึกที่ถูกข่มกลั้นเอาไว้
ประมุขวิหารเงาจันทราจ้องมองผู้อาวุโสเยว่ที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ไม่อยากจะเชื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น
เยว่เย่ก้มหัวคำนับอย่างแรง คุกเข่าคลานไปบนพื้นและพูดว่า “ท่านประมุข วันนี้เย่เอ๋อร์ยอมได้ชื่อว่าเป็นคนเนรคุณเพื่อเปิดโปงความชั่วของผู้อาวุโสเยว่ ข้าจะไม่ขอให้ท่านประมุขให้อภัย แค่ขอให้ท่านประมุขนำความยุติธรรมมาสู่คนไร้เมตตาไร้คุณธรรมอกตัญญูไม่จงรักภักดีคนนี้ด้วย!”
“เยว่เย่! เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล!” ผู้อาวุโสเยว่แผดเสียงออกมาอย่างตื่นตกใจ
เยว่เย่ไม่สนใจเขาและพูดต่อไปว่า “ผู้อาวุโสเยว่สอนข้าและพี่ชายให้ฟังแต่คำสั่งของเขาคนเดียว ใช้พี่ชายข้าเพื่อให้ตนได้มีอำนาจมากขึ้นในวิหารเงาจันทรา และส่งเย่เอ๋อร์ไปอยู่ข้างกายท่านประมุขเพื่อหาโอกาสวางยาพิษท่านประมุข”
“เจ้าว่าอะไรนะ! วางยาพิษ……ข้า?” ครั้งนี้ประมุขวิหารเงาจันทราตกใจจริงๆ
“เจ้าค่ะ ท่านประมุขลองนึกดูดีๆ สุขภาพของท่านเริ่มแย่ลงตั้งแต่เมื่อไร? หลังจากที่เย่เอ๋อร์เข้าใกล้ท่านประมุข ท่านก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอหายใจไม่ออกและเซื่องซึมใช่รึเปล่า? นั่นคือผลจากยาพิษที่ผู้อาวุโสเยว่สั่งให้เย่เอ๋อร์ไปวางยาท่านประมุขเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหดหู่อึดอัดของเยว่เย่ทำให้ทั้งห้องโถงเงียบกริบไปทันที
ใบหน้าของผู้อาวุโสเยว่เขียวคล้ำ เขายอมรับเรื่องอื่นๆทั้งหมดที่นางพูดมา แต่ข้อกล่าวหาว่าเขาวางยาพิษประมุขนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำจริงๆ! นังสารเลวนี่ใส่ร้ายเขาชัดๆ!
“เยว่เย่! เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้า! ข้าสั่งให้เจ้าทำเรื่องชั่วร้ายแบบนั้นเมื่อไรกัน! ถ้าข้าอยากทำร้ายท่านประมุขจริงๆ ทำไมข้าต้อง…….”
“เจ้าอยากลงมือตอนนี้เพราะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานพอแล้ว พิษที่ใช้กับท่านประมุขเป็นพิษที่ออกฤทธิ์ช้า เมื่อพิษเข้าสู่ร่างกาย ต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีกว่าจะส่งคนผู้นั้นไปยังปรโลกได้ เจ้าคิดจะใช้โอกาสตอนที่ท่านประมุขอ่อนแอ ไม่สามารถดูแลจัดการงานในวิหารได้ ทำให้ท่านประมุขต้องมอบอำนาจให้เจ้า จากนั้นเจ้าก็ฉวยโอกาสสร้างความแข็งแกร่งและอิทธิพลของตัวเอง ตอนที่ท่านประมุขสิ้น เจ้าจะได้ยึดวิหารเงาจันทราได้อย่างราบรื่น! เจ้าไม่กล้าทำก่อนหน้านั้นเพราะกลัวว่าถ้าเจ้ายึดเก้าอี้ประมุขเลย เจ้าจะถูกกล่าวหาว่าได้ตำแหน่งประมุขมาอย่างไม่ถูกต้อง!” ทุกคำพูดของเยว่เย่ค่อยๆฉีกหน้ากากจอมปลอมของผู้อาวุโสเยว่ออกทีละนิด
“เจ้าพูดจาเหลวไหล! ข้าไม่ได้ทำ!” ผู้อาวุโสเยว่ตัวสั่นด้วยความโกรธ เขายื่นมือออกมาเพื่อจะบีบคอเยว่เย่!
ผู้อาวุโสอิ่งกระโดดเข้าขวางและหยุดการโจมตีของผู้อาวุโสเยว่!
“ให้นางพูด! ให้นางพูด! ข้าอยากฟัง เจ้ายังมีเรื่องเลวร้ายบอกใครไม่ได้อีกมากแค่ไหนกัน! ความชั่วของเจ้ามีอีกเท่าไร!” ประมุขวิหารเงาจันทราโกรธจนมือสั่น เขาคงไม่ระแวงถ้าเป็นเรื่องอื่น แต่จากคำเตือนของเยว่เย่ เขาได้คิดย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาก่อนและหลังที่เขาไม่สบายอย่างละเอียด และพบว่ามันตรงกับที่เยว่เย่พูด หลังจากที่เขาอ่อนแอไร้กำลัง เขาได้ส่งมอบและโอนอำนาจบางส่วนให้ผู้อาวุโสเยว่คนที่เขาไว้ใจมากที่สุดจริงๆ
ตอนที่ 1865 ยื่นหน้าเจ้ามา (6)
“ท่านประมุข เย่เอ๋อร์ยังเด็กเกินไปที่จะรู้ถึงนิสัยแท้จริงของคน หลายปีมานี้ข้าทำให้ท่านประมุขที่ห่วงใยเย่เอ๋อร์ต้องผิดหวัง เย่เอ๋อร์เห็นแก่ตัวมาก ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสเยว่จับตัวท่านพี่ไป ข้าคงไม่เปิดเผยทุกอย่างที่ผู้อาวุโสเยว่ได้ทำ ตอนที่เย่เอ๋อร์ตัดสินใจมาที่นี่เพื่อพูดความจริงในวันนี้ ข้าได้เตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่สามารถกลับออกไปอย่างมีชีวิตได้ ถ้าท่านประมุขรู้สึกว่าเย่เอ๋อร์ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อใส่ร้ายคน เย่เอ๋อร์ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ขอแค่ท่านประมุขระวังเจ้าคนทรยศนี้ไว้ให้ดี เย่เอ๋อร์ทำให้ท่านประมุขผิดหวังแล้ว” เมื่อเยว่เย่พูดจบ นางสงบนิ่งอย่างมาก แต่คำพูดที่พูดอย่างสงบนิ่งนั้นส่งผลกระทบได้มากที่สุด
ถ้าผู้อาวุโสเยว่ไม่ได้จับเยว่อี้ไป ด้วยนิสัยและฐานะของเยว่เย่ ไม่จำเป็นที่นางจะต้องเสี่ยงชีวิตเช่นนี้ เพราะเมื่อคำพูดออกจากปาก ก็ไม่มีทางหวนกลับแล้ว ถ้าประมุขวิหารเงาจันทราเชื่อ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเลยว่าผู้อาวุโสเยว่จะมีจุดจบเช่นไร แต่นั่นก็เป็นหายนะของเยว่เย่เช่นกัน ถ้าเขาไม่เชื่อนาง เยว่เย่ก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน
ถ้านางไม่ได้ถูกต้อนจนมุมเช่นนี้ เยว่เย่จะอยากเสี่ยงชีวิตของตนไปทำไม?
และคำพูดของเยว่เย่นี่เองที่ทำให้ประมุขสูญสิ้นความปรารถนาในตัวนาง ดวงตาของเขาที่จ้องมองผู้อาวุโสเยว่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและสงสัย
หัวใจของผู้อาวุโสเยว่หล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม “ท่านประมุข! ท่านประมุข ข้าไม่เคยทำ ไม่เคยทำจริงๆ!”
“ถ้าท่านประมุขไม่เชื่อ ข้าสามารถใช้พิษกับตัวเองเพื่อพิสูจน์ได้!” โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เยว่เย่หยิบขวดยาออกมา แล้วแหงนหน้ากระดกยาลงไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
เสียงเพล้งดังขึ้น ขวดเปล่าในมือเยว่เย่หล่นลงกระแทกพื้นแตกกระจาย
“ท่านประมุขให้หมอมาจับชีพจรของข้าได้ ถ้าชีพจรของข้าต่างจากชีพจรที่ท่านประมุขเคยเป็น เย่เอ๋อร์จะจบชีวิตตัวเองทันที” เยว่เย่ทุ่มสุดตัวจริงๆคราวนี้
ผู้อาวุโสเยว่สั่นไปทั้งตัว ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่เชื่อว่าเยว่เย่จะทำถึงขั้นนี้ นี่เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ!
ถ้าเป็นคนอื่นที่ใส่ร้ายเขา ผู้อาวุโสเยว่อาจจะสามารถหาข้อแก้ตัวได้ แต่เยว่เย่กับเยว่อี้เป็นหลานบุญธรรมที่เขารับเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาไม่ได้ติดต่อกับคนอื่นมากนัก หากกล่าวว่าพวกเขาจัดฉากใส่ร้ายเขาโดยมีคนอื่นคอยชี้แนะ ประมุขจะไม่มีวันเชื่อ
“ใครก็ได้! ไปเรียกหมอทุกคนที่ตรวจชีพจรข้าในช่วงที่ผ่านมาให้มาที่นี่เดี๋ยวนี้!” ประมุขพูดพลางหรี่ตา
ผู้อาวุโสอิ่งชำเลืองมองเยว่เย่โดยที่ไม่มีใครทันสังเกต แม้ว่าใบหน้าของเขาจะสงบนิ่ง แต่ในใจของเขาความกลัวได้ถาโถมเข้ามาราวกระแสน้ำหลาก! ตอนที่เยว่เย่กินยาพิษเข้าไป เขาอยากจะไปหยุดนางมาก แต่เขารู้ว่าการปรากฏตัวของเยว่เย่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของจวินอู๋เสีย!
แผนที่จะส่งผู้อาวุโสเยว่ไปสู่ความตาย!
ไม่นาน ผู้อาวุโสอิ่งก็พาหมอกว่าสิบคนเดินเข้ามาในห้องโถง ด้วยคำสั่งของประมุข พวกเขาเข้าไปจับชีพจรของเยว่เย่ทีละคน
“เรียนท่านประมุข ชีพจรของเยว่เย่อยู่ในสภาพเดียวกับท่านประมุขเมื่อก่อนนี้ไม่มีผิด” หมอมากกว่าสิบคนจับชีพจรของเยว่เย่ ผลสรุปที่พวกเขาได้เป็นเอกฉันท์อย่างน่าตกใจ!
เท่านั้นเอง ประมุขวิหารเงาจันทราก็ขาดสติอย่างสมบูรณ์ มือของเขาคว้าที่ทับกระดาษบนโต๊ะแล้วเขวี้ยงไปที่ผู้อาวุโสเยว่อย่างแรง
หน้าผากผู้อาวุโสเยว่แตกเป็นแผลใหญ่ทันที เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ!
“ท่านประมุข! ข้าถูกปรักปรำ!” ผู้อาวุโสเยว่ไม่สนใจความเจ็บปวด เขาคุกเข่าลงบนพื้นร้องไห้คร่ำครวญขอความเป็นธรรม
ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่คิดว่าตนเองจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สภาพที่ไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาของตนได้
สิ่งที่เขาทำลงไปจริงๆ เขายังสามารถปกปิดได้ แต่เรื่องที่เขาไม่เคยทำนี้กลับผลักเขาให้ตกอยู่ในฝันร้ายได้!
เยว่เย่สูดหายใจเข้าลึกๆ และคุกเข่าอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอยู่ในห้องโถง ดวงตาเย็นชาของนางเฝ้ามองผู้อาวุโสเยว่ที่กำลังจะเผชิญกับจุดจบอันน่าสมเพช
ตอนที่ 1866 ยื่นหน้าเจ้ามา (7)
“ดี! ผู้อาวุโสเยว่ ความคิดเจ้าลึกซึ้งนักใช่ไหม?” ประมุขวิหารเงาจันทราโกรธจัด เขาหัวเราะออกมาดังๆและชี้ไปที่ผู้อาวุโสเยว่พร้อมกับพูดว่า “พวกเจ้า จับเจ้าคนคิดชั่วนั่นเดี๋ยวนี้!”
ผู้อาวุโสอิ่งนำคนเข้าไปจับผู้อาวุโสเยว่ตามคำสั่งของประมุขทันที
แต่ผู้อาวุโสเยว่ระเบิดพลังวิญญาณออกมา แสงพลังวิญญาณสีเงินทำให้พวกศิษย์ที่พุ่งเข้าหาเขากระเด็นออกไป!
“ท่านประมุข! ข้ารับใช้บรรพบุรุษท่านมาสามรุ่น ท่านยังไม่ไว้ใจข้า! แต่กลับไปเชื่อนังเด็กแพศยาที่มีแต่คำโกหกนี่! ข้าจงรักภักดีต่อวิหารเงาจันทรา แต่ท่านกลับทำกับข้าเช่นนี้!” ผู้อาวุโสเยว่ลุกขึ้นยืน ดวงตาที่จ้องมองประมุขวิหารเงาจันทราแดงก่ำ เขารู้ว่าถ้ายอมให้จับ มันจะเป็นหนทางสู่ความตายอย่างแน่นอน เขาจะไม่ยอมถูกฆ่าแบบนี้เด็ดขาด!
“คุ้มกันท่านประมุข!” ผู้อาวุโสอิ่งเห็นว่าผู้อาวุโสเยว่มีท่าทางผิดปกติ จึงรีบตะโกนออกมาทันที
ศิษย์ทุกคนพุ่งเข้ามายืนด้านหน้าประมุขวิหารเงาจันทรา พร้อมกับจ้องไปที่ผู้อาวุโสเยว่อย่างเคร่งเครียด
ในวิหารเงาจันทรา พลังของผู้อาวุโสเยว่เทียบได้กับพลังของประมุข และด้วยความที่ประมุขวิหารเงาจันทรามีสุขาพที่ไม่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พลังของเขาจึงลดลงไปบ้าง และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสเยว่อีกแล้ว!
ประมุขวิหารเงาจันทราจ้องมองผู้อาวุโสเยว่ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “ผู้อาวุโสเยว่ เจ้าคิดจะกบฏรึ!”
“ท่านประมุขอยากให้ข้าตาย ข้าก็จะตาย แต่ถ้าท่านอยากให้ข้าตายด้วยน้ำมือของนังกะหรี่โสโครกนี่ ข้าไม่อาจทนกล้ำกลืนความอัปยศอดสูนี้ได้!” ผู้อาวุโสเยว่หัวเราะเย็นชา เขาอาจจะปฏิญาณตนจงรักภักดีต่อวิหารเงาจันทรา แต่เขารักชีวิตของตัวเองมากกว่า ในเมื่อประมุขไม่ให้หนทางรอดกับเขา เขาก็ไม่ถือสาที่จะต่อสู้เพื่อออกไปจากที่นี่!
“พวกเจ้า! จับเขาเดี๋ยวนี้!” ประมุขวิหารเงาจันทราตื่นตกใจขึ้นมาแล้ว ผู้อาวุโสเยว่เป็นมือหนึ่งของวิหารเงาจันทราในตอนนี้ ถ้าเขาคลุ้มคลั่งขึ้นมาจริงๆ ก็ยากจะรับประกันชีวิตของตนได้!
ทุกคนพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสเยว่ตามคำสั่งของประมุข
ผู้อาวุโสเยว่ส่งเสียงหึอย่างดูถูก ร่างของเขากลายเป็นลำแสงสายฟ้า ศิษย์ในวิหารไม่สามารถแตะต้องเขาได้เลย แต่กลับโดนเขาทำร้ายแทน! ร่างของผู้อาวุโสเยว่แวบมาคว้าตัวเยว่เย่ที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ แล้วแวบหายไปอีกครั้ง สุดท้ายมาโผล่ที่ด้านนอกห้องโถง
มือข้างหนึ่งของเขากำอยู่ที่ลำคอของเยว่เย่ สายตาชั่วร้ายเลือดเย็นมองไปที่ใบหน้าซีดขาวของนาง
“นังเด็กโสโครก ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะร้ายขนาดนี้ ในเมื่อเจ้าทำให้ข้าอยู่ไม่ได้ เจ้ากับพี่ชายเจ้าก็อย่าหวังจะมีชีวิตอยู่เลย!”
“หยุดนะ!” ในใจของผู้อาวุโสอิ่งบีบรัด เขาไม่สนอะไรแล้ว และพุ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยเยว่เย่
แต่พลังของผู้อาวุโสอิ่งแค่ระดับพลังวิญญาณสีม่วงเท่านั้น ยังไม่เพียงพอจะสู้กับผู้อาวุโสเยว่ที่มีพลังวิญญาณสีเงินได้ ก่อนที่เขาจะได้แตะเยว่เย่ เขาก็ถูกผู้อาวุโสเยว่ซัดด้วยฝ่ามือเดียวปลิวกระเด็นออกมาแล้ว!
“ผู้อาวุโสอิ่ง เจ้านี่มันเป็นสวะที่น่าสมเพชจริงๆ คิดหรือว่าจะจัดการข้าได้? ข้าจะบอกอะไรให้ วันนี้ข้าอยากไปข้าก็จะไป ไม่มีใครในวิหารเงาจันทราจะขวางข้าได้! เจ้าสู้กับข้ามาหลายปี สุดท้ายเจ้าก็แค่ไอ้โง่คนหนึ่ง! วันนี้ข้าจะเมตตาบอกอะไรเจ้าอย่างหนึ่ง” ผู้อาวุโสเยว่เหยียดยิ้ม สายตาเบนไปมองที่เยว่เย่
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความจริงก็คือลูกชายของเจ้าถูกวิหารเงาจันทราฆ่าตาย ข้าเป็นคนส่งคนไปฆ่าลูกสะใภ้ของเจ้า ส่วนหลานทั้งสองคนของเจ้าก็ถูกพากลับมาที่วิหารเงาจันทรา ถูกเลี้ยงเหมือนสุนัขอยู่ข้างกายข้า นังเด็กนี่ก็คือหลานสาวของเจ้า ส่วนเยว่อี้คือหลานชายเจ้า! ฮ่าๆๆ! เจ้าคงไม่นึกไม่ฝันล่ะสิ หนอนน่าสมเพชสองตัวที่กลายเป็นของเล่นของข้ากับประมุข แท้จริงแล้วคือสายเลือดของเจ้าเอง!”