ตอนที่ 1867 ยื่นหน้าเจ้ามา (8)
“ไม่รู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชหรอกหรือ? คิดว่าในที่สุดก็คว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ที่วิหารเงาจันทราจะช่วยเจ้าตามหาหลาน แต่หลานชายหลานสาวเจ้าอยู่ตรงหน้าเจ้ามาตลอด ผู้ที่เจ้าปฏิญาณตนจะจงรักภักดี แท้จริงแล้วคือผู้สังหารลูกชายของเจ้า! ข้าล่ะสงสารเจ้าจริงๆ ต้องมาเห็นหลานชายตัวเองกลายเป็นของเล่นของข้า หลานสาวก็เป็นที่ต้องตาของท่านประมุข……ฮ่าๆๆ……นี่หรือจุดจบของตระกูลจ้าน? ฮ่าๆๆ……ตลกเป็นบ้า! แต่เจ้าวางใจเถอะ อีกเดี๋ยวไอ้เด็กโสโครกสองคนนี้ก็จะลาจากโลกนี้ไปแล้ว สายเลือดเจ้าก็จะถูกตัดขาด! เจ้าควรขอบคุณข้านะที่ให้เจ้าได้เจอพวกเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย ฮ่าๆๆ!!” ผู้อาวุโสเยว่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และเปิดเผยความสกปรกทุกอย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมาต่อหน้าผู้อาวุโสอิ่ง
“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!” ประมุขวิหารเงาจันทราตะโกนด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าผู้อาวุโสเยว่จะเปิดโปงเรื่องนี้ในตอนนี้
ผู้อาวุโสอิ่งนิ่งเงียบจ้องมองผู้อาวุโสเยว่ที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขารู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่พอได้ฟังกับหู ในใจเขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวด
เยว่เย่ที่อยู่ในกำมือของผู้อาวุโสเยว่พลันเบิกตากว้าง นางพยายามอย่างหนักที่จะหันหน้าไปมองผู้อาวุโสอิ่งด้วยความตกใจ
ชายคนนี้คือปู่ของนางงั้นหรือ?
ปู่ที่แท้จริงของนาง?
ผู้อาวุโสอิ่งสบตาที่ฉายแววตกใจของเยว่เย่ ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความสำนึกผิดและเสียใจอย่างลึกซึ้ง
“ฮ่าๆๆ……ทำไมข้าต้องหุบปากด้วย? ท่านประมุข ตอนนั้นท่านเป็นคนสั่งให้ข้าทำเองไม่ใช่หรือ? ทำไม? ยังอยากเก็บผู้อาวุโสอิ่งไว้เป็นสุนัขข้างกายอยู่อีกหรือ? ท่านนี่ใจร้ายจริงๆ ทางหนึ่งก็หลับนอนกับหลานสาวเขา อีกทางก็ยังอยากให้เขาก้มหัวรับใช้ ท่านช่างเป็นคนชั่วของแท้” ผู้อาวุโสเยว่ไม่มีความเกรงใจแล้ว เขาฉีกหน้าประมุขซะไม่เหลือชิ้นดี
ประมุขวิหารเงาจันทราโกรธจนตัวสั่น ร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวก็พลันเกิดความรู้สึกอ่อนเพลียและง่วงซึมที่คุ้นเคย
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าก็ให้พวกเจ้าได้รู้จักกันแล้ว ข้าช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ งั้นก็……เยว่เย่ บอกลาท่านปู่ของเจ้าซะ ข้าจะส่งเจ้าออกเดินทางแล้ว” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวอย่างน่ากลัว
เยว่เย่กัดริมฝีปาก แล้วหลุบสายตาลง
ผู้อาวุโสเยว่ยกมือขึ้น แล้วฟาดลงไปที่ศีรษะของเยว่เย่
ผู้อาวุโสอิ่งอยากหยุดเขา แต่ไม่สามารถตามความเร็วของผู้อาวุโสเยว่ทัน ชายชราใจหายวาบ
แต่ทันใดนั้นเอง!
ลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งตรงไปที่ฝ่ามือของผู้อาวุโสเยว่ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ร่างของผู้อาวุโสเยว่ถึงกับสั่นสะเทือน!
“ส่งนางออกเดินทาง? เจ้าถามความเห็นข้ารึยัง?” เสียงเย็นชาดังขึ้นภายในห้องโถง!
ผู้อาวุโสเยว่มองไปทางต้นเสียง และเห็นจวินอู๋เสียเดินออกมาอย่างสง่างามจากด้านข้างของห้องโถง
“ฉางฮวน!” ผู้อาวุโสเยว่จ้องจวินอู๋เสียพร้อมกัดฟันแน่น ถ้าถามว่ามีใครอีกที่เขาอยากฆ่าในวิหารเงาจันทรา ก็ต้องเป็นผู้เยาว์ตรงหน้าเขาอย่างแน่นอน
นับตั้งแต่ “ฉางฮวน” กลับมา ไม่ว่าผู้อาวุโสเยว่จะทำอะไร เรื่องก็ไม่เคยราบรื่นสำหรับเขาเลย
“ฉางฮวน……” เมื่อประมุขวิหารเงาจันทราเห็นจวินอู๋เสีย เขาก็เป่าลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ผู้เยาว์พรสวรรค์สูงคนนี้เป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวิหารเงาจันทรา
“ฉางฮวน?” จวินอู๋เสียส่ายหน้าทันที
“ขอโทษที ดูเหมือนข้าจะไม่ได้ชื่อนี้นะ” พอสิ้นเสียงของจวินอู๋เสีย นางก็ยกมือขึ้นดึงหน้ากากแปลงโฉมของตัวเองออก!
โฉมสะคราญงามล่มเมืองพลันปรากฏต่อสายตาของทุกคน ผิวผุดผ่องไร้ที่ติ และเครื่องหน้าที่ราวกับถูกแกะสลักมาอย่างประณีตที่สุด ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจในทันที!
ตอนที่ 1868 ตบหน้าดังเพี๊ยะ (1)
“เจ้าเป็นใคร!” ผู้อาวุโสเยว่มองจวินอู๋เสียด้วยความตกใจ ไม่มีใครคิดว่า “ฉางฮวน” ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาแท้จริงแล้วคือตัวปลอม และที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครค้นพบความจริงเรื่องนี้เลย
“จวินอู๋เสีย” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย เปิดเผยชื่อที่ไม่เคยปรากฏในอาณาจักรกลางมาก่อน
ประมุขวิหารเงาจันทรามองจวินอู๋เสียอย่างตะลึงงัน เขาไม่เคยเห็นเด็กสาวที่งดงามขนาดนี้มาก่อน งามมากขนาดที่เยว่เย่ซึ่งสวยมากอยู่แล้วก็ยังจืดจางลงไปทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าจวินอู๋เสีย ภายในห้องโถงใหญ่นั้น ร่างเล็กๆหนึ่งเดียวนั้นเป็นเหมือนดวงตะวันที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน
“ข้าน่าจะเดาได้ว่าเจ้าไม่ใช่ฉางฮวน ขยะไร้ประโยชน์อย่างเจ้าฉางฮวนน่ะหรือจะสามารถบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้?” ผู้อาวุโสเยว่หรี่ตามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างระแวง เด็กสาวคนนี้ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าฉางฮวนเล็กน้อย อายุเพียงเท่านี้ก็สามารถบรรลุพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสี่ได้แล้ว ช่างน่าตกใจจริงๆ
เด็กสาวคนนี้อายุเท่าไรกัน? สิบห้า? หรือสิบหก? อายุน้อยขนาดนี้ก็ไปถึงระดับขั้นที่คนทั่วไปได้แต่ฝันถึงแล้ว ถ้านางมีเวลามากกว่านี้ นางจะไปได้ไกลแค่ไหน?
“รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเย็นชา สายตานางกวาดผ่านหน้าผู้อาวุโสเยว่
ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มเยาะ “เจ้าไม่ใช่ฉางฮวนแล้วยังไง? คิดหรือว่าเจ้าจะล้มข้าได้ด้วยตัวเอง? ความต่างชั้นระหว่างพลังวิญญาณขั้นสีม่วงกับขั้นสีเงินไม่ใช่สิ่งที่เด็กอย่างเจ้าจะเข้าใจได้ แต่ในเมื่อเจ้าอยากรนหาที่ตายมากนัก ข้าก็จะสนองความต้องการให้ พอข้าฆ่านังเด็กแพศยานี่แล้ว ข้าจะส่งเจ้าลงนรกทันที!”
ดวงตาของผู้อาวุโสเยว่ทอประกายเย็นชา มือที่จับเยว่เย่พลันเปล่งพลังวิญญาณออกมา แสงพลังวิญญาณสีเงินพุ่งเข้าสู่ร่างของเยว่เย่ ด้วยร่างกายของเยว่เย่ เพียงไม่นานอวัยวะภายในของนางก็จะแหลกด้วยพลังวิญญาณสีเงินอันทรงพลังนี้!
ทันใดนั้น!
เงาร่างสีดำก็พุ่งผ่านผู้อาวุโสเยว่ไปในชั่วพริบตา ผู้อาวุโสเยว่แค่รู้สึกเย็นที่แขนเท่านั้น และพอรู้ตัวเยว่เย่ที่อยู่ในกำมือของเขาก็ไม่อยู่แล้ว มือของเขาก็ถูกตัดขาดตรงข้อมือ เป็นการตัดที่เรียบกริบไม่มีร่องรอยฉีกขาดที่บาดแผลเลย
เลือดสีแดงสดพุ่งออกจากบาดแผลราวกับน้ำพุในทันที มือที่ถูกตัดขาดของเขานอนนิ่งอยู่บนพื้นแข็งๆเย็นๆ
“อ๊ากกกกก!” ผู้อาวุโสเยว่จับข้อมือที่ไร้มือของเขายกขึ้น เสียงร้องโหยหวนดังออกจากปากเขา
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเร็วเกินไป ไม่มีใครในห้องโถงรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งผู้อาวุโสเยว่ร้องโหยหวนเสียงดังลั่นแสบแก้วหู พวกเขาถึงได้สติและพากันจ้องมองเลือดสีแดงสดที่ทะลักออกจากข้อมือที่ถูกตัดของผู้อาวุโสเยว่ จากนั้นทุกคนก็เงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องโถงอย่างเหลือเชื่อ
“เป็น……เป็นไปได้ยังไง……” ประมุขวิหารเงาจันทรามองไปที่เย่กูซึ่งยืนอยู่ข้างๆจวินอู๋เสียอย่างตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อสายตา
ผู้อาวุโสเยว่คือมือหนึ่งของวิหารเงาจันทรา ขนาดประมุขในช่วงที่เรืองอำนาจก็ยังสู้ได้แค่เสมอกันกับผู้อาวุโสเยว่เท่านั้น ผู้อาวุโสเยว่แข็งแกร่งเพียงใดประมุขวิหารเงาจันทรารู้ดีที่สุด
ในโลกนี้ ยกเว้นผู้มีพลังวิญญาณสีทองแล้ว ไม่มีใครสามารถทำร้ายผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินได้อย่างรุนแรงเช่นนี้ในเวลาแค่ชั่วพริบตา!
ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้อาวุโสเยว่ไม่มีเวลาเตรียมตัวป้องกันใดๆเลย มือของเขาก็ถูกตัดขาดไปแล้วอย่างง่ายดาย!
ตอนที่ 1869 ตบหน้าดังเพี๊ยะ (2)
กวาดตามองทั่วทั้งอาณาจักรกลาง พลังวิญญาณสีเงินว่าน้อยยิ่งกว่าน้อยแล้ว ผู้ที่มีพลังวิญญาณสีทองมีเพียงประมุขทั้งเก้าของเก้าอารามเท่านั้นที่ไปถึงขอบเขตพลังที่ท้าทายสวรรค์ได้!
แต่ตอนที่เย่กูลงมือ ไม่ได้มีแสงสีทองของพลังวิญญาณขั้นสีทองปรากฏขึ้นในห้องโถงเลยแม้แต่น้อย ทำให้ประมุขวิหารเงาจันทราตกใจอย่างมาก
ศิษย์ของวิหารเงาจันทราที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ของวิหารพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออกกับพลังอันน่ากลัวของเย่กู สถานะและพลังของผู้อาวุโสเยว่ในวิหารเงาจันทราทำให้ทุกคนหวาดผวาและไม่กล้าต่อต้าน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมีวันที่ผู้อาวุโสเยว่ผู้แข็งแกร่งถูกใครบางคนตัดมือในกระบวนท่าเดียวต่อหน้าต่อตาพวกเขา!
ความแตกต่างของพลังที่ไม่อาจก้าวข้ามนี้ช่างน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
“อาจารย์……” เยว่เย่มองจวินอู๋เสียด้วยใบหน้าที่ซีดขาว เย่กูวางนางลงบนพื้น ดวงตากลมโตเหมือนกวางมองจวินอู๋เสียอย่างประหลาดใจ
อาจารย์ของนาง……แท้จริงแล้วเป็นสาวงามขนาดนี้!
“ศิษย์ข้า ใครก็แตะต้องไม่ได้” จวินอู๋เสียเหลือบมองเยว่เย่ ก่อนจะหันไปทางผู้อาวุโสเยว่ที่กำลังร้องโหยหวน
ผู้อาวุโสเยว่ไม่เคยตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน ความเจ็บปวดจนเกินทนจากข้อมือที่ถูกตัดขาด ทำให้ทั่วร่างมีเหงื่อออกจนชุ่ม ความหยิ่งผยองอวดดีในตอนแรกหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอยในทันที ใบหน้าซีดขาว เลือดเปรอะไปทั่วทั้งตัว เขาอ้าปากหายใจขณะมองจวินอู๋เสียด้วยสายตาหวาดกลัวอย่างแท้จริง
“เจ้า……เจ้าเป็นใครกันแน่……ข้ากับเจ้าไม่มีเรื่องบาดหมางต่อกัน ทำไมเจ้าต้องพุ่งเป้ามาที่ข้าด้วย?” ผู้อาวุโสเยว่เจ็บมากจนฟันกระทบกัน ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อครู่ทำให้เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของพลังของเขากับเด็กหนุ่มที่สวมหน้ากากข้างๆจวินอู๋เสีย
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ ต่อให้เขาสบายดี ถ้าถูกเด็กหนุ่มคนนั้นโจมตี เขาก็ไม่มีทางป้องกันได้เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสเยว่อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชขนาดนี้ ผมสีขาวที่หวีอย่างเรียบร้อยบัดนี้ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตาที่น่ากลัวก็ฉายแววตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากจวินอู๋เสีย เขาก็หันไปมองผู้อาวุโสอิ่ง
เรื่องที่จวินอู๋เสียปลอมตัวเป็นฉางฮวนนั้น แม้ว่าคนอื่นจะไม่สังเกตเห็นอะไร แต่เขาไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสอิ่งจะไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเลย
ไม่ว่ายังไง ความสามารถของฉางฮวนมีมากน้อยแค่ไหน ผู้อาวุโสอิ่งย่อมรู้ดีที่สุด!
“เป็นเจ้า! ผู้อาวุโสอิ่ง! เจ้ามันเลวจริงๆ! เพื่อที่จะเล่นงานข้า เจ้าถึงกับพาผู้ช่วยเช่นนี้เข้ามา!” ในใจผู้อาวุโสเยว่เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อผู้อาวุโสอิ่ง เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองผู้อาวุโสอิ่ง ปรารถนาจะถลกเนื้อเถือหนังเขาทั้งเป็นจนทนแทบไม่ไหว
แต่ดวงตาของผู้อาวุโสอิ่งที่มองผู้อาวุโสเยว่ก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่แพ้กัน
“ถ้าข้าสามารถทำเช่นนี้ได้จริงๆ ข้าคงส่งเจ้าไปลงนรกตั้งนานแล้ว”
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสเยว่ก็หัวเราะออกมาดังลั่น เขามองผู้อาวุโสอิ่งด้วยสายตามุ่งร้าย
“เจ้าชนะ ผู้อาวุโสอิ่ง ข้าบอกให้ก็ได้ เรื่องที่เกิดในเมืองหลิงเป็นฝีมือข้าจริงๆ ข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวเยว่อี้ด้วย เนื้อตรงหัวใจของเขาชิ้นนั้นข้าก็เป็นคนส่งให้หลานสาวของเจ้ากับมือข้าเองเลย ถ้าวันนี้เจ้าให้เด็กสาวแซ่จวินผู้นี้ฆ่าข้า หลานชายเจ้าก็จะตามข้าลงหลุมไปด้วย ดังนั้นเจ้าจงคิดให้ดีๆล่ะ” ผู้อาวุโสเยว่หัวเราะอย่างเย็นชา เขายังมีเบี้ยอีกอันอยู่ในมือ
ผู้อาวุโสอิ่งจ้องมองผู้อาวุโสเยว่ที่ยังคงความร้ายกาจจนถึงที่สุด ความเกลียดชังในใจพุ่งทะยานเสียดฟ้า เขาเงยหน้ามองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องโถง
“ผู้อาวุโสเยว่ เจ้าไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้ว ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่มีความสามารถเชิญคุณหนูจวินมาแก้แค้นให้ข้าหรอก เจ้าไม่ต้องเอาเยว่อี้มาขู่ข้า แล้วก็……เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเยว่อี้ยังอยู่ในกำมือเจ้า?”