เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น สั่งซุนฮุ่ยอย่าเพิ่งขยับตัวเปาอีฝาน จากนั้นก็ตามพ่อบ้านมาถึงห้องรับแขก

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยนั่งบนเก้าอี้ในห้องรับแขก เปาชิงเหอและหัวหน้านายกองยืนอยู่อีกด้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้องรับแขก กำลังจะทำความเคารพฉู่เหวินเจี๋ย

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยพูดห้ามนาง “ไม่มีคนนอก ไม่ต้องแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามเขา ยิ้มถาม “ท่านแม่ทัพมีธุระใดกับข้า”

 

 

“รองแม่ทัพเปาฟื้นแล้ว ข้าและหัวหน้านายกองจะลอบกลับไปกองทัพเงียบๆ ห้าวันให้หลัง ข้าจะกลับเมืองหลวงมาพร้อมกองทัพ เรื่องที่แม่นางเมิ่งพบข้าก่อน ขออย่าได้แพร่งพรายออกไป” ฉู่เหวินเจี๋ยกล่าว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าทราบ ท่านแม่ทัพไม่สั่งการ ข้าก็จะไม่พูดออกไป ท่านวางใจเถอะเจ้าค่ะ”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยผงกศีรษะ “แต่ว่า หากเซวียนเอ๋อร์ถาม เจ้าบอกเขาได้ ให้เขาบอกพี่สาวข้าด้วยว่าข้าปลอดภัยดี อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะได้พบหน้ากันแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดว่า “ท่านแม่ทัพนำทัพกลับเมืองหลวง หาใช่เรื่องเล็กไม่ คาดว่าคนในราชสำนักคงจะทราบเรื่องแล้ว ท่านอ๋องฉีก็เช่นกัน คงจะบอกเรื่องนี้กับพระชายาแล้ว”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยชะงักเล็กน้อย แล้วพยักหน้าพูดว่า “แม่นางกล่าวก็ถูก เช่นนั้นอีกห้าวันพวกเราค่อยพบกันใหม่ หวังว่าตอนที่ข้ากลับมาอย่างเป็นทางการ รองแม่ทัพเปาจะกระโดดโลดเต้นได้แล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “ท่านแม่ทัพ เขาถูกเฉือนเนื้อขูดกระดูกนะ อย่าว่าแต่ห้าวันเลย อีกห้าสิบวันก็ยังกระโดดโลดเต้นไม่ได้ ท่านอย่ากลั่นแกล้งเขาเลย ข้ารับประกันว่าข้าจะมีชีวิตรอดก็พอแล้ว”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า ลุกขึ้น “เช่นนั้นอีกห้าวันพวกเราค่อยพบกันใหม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลุกขึ้น พยักหน้ายิ้ม “อีกห้าวันพบกันใหม่เจ้าค่ะ”

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยสาวเท้าเดินออกไป หัวหน้านายกองเดินตามหลัง

 

 

เปาชิงเหอที่ไม่ได้พูดอะไรเลยเดินรั้งท้าย ออกมาส่งคนทั้งหมดถึงหน้าประตูจวน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตามพวกเขาออกมา หันมองท้องฟ้า เป็นเวลาสายมากแล้ว จึงกลับมาเรือนซุนฮุ่ย สั่งการชิงหลวน “เจ้าจงไปบอกฮูหยินเหวิน บอกว่าวันนี้ข้ามีธุระ การรักษาในวันนี้เปลี่ยนไปเป็นตอนค่ำ ถึงตอนนั้นข้าจะส่งคนไปรับตัวนางมา”

 

 

ชิงหลวนรับคำ เดินออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้อง เปาอีฝานกินโจ๊กเสร็จก็หลับไปอีกครั้ง

 

 

ฮูหยินเปาคอยเฝ้าข้างเตียง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูดวงตาคล้ำลึก สภาพที่อ่อนล้าของซุนฮุ่ย พูดว่า “พี่ซุน มีคนมากมายคอยดูแล ท่านกลับไปพักผ่อนบ้างเถอะ อย่าให้ต้องล้มไปอีกคนเลย”

 

 

ซุนฮุ่ยที่อกสั่นขวัญแขวนมาตลอดทั้งคืน ยังต้องคอยดูแลลูกและฮูหยินเปาที่สติกระเจิง รวมทั้งเปาอีฝานที่นอนสลบไม่ได้สติ นางเริ่มทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แม้แต่จะเดินยังรู้สึกโงนๆ เงนๆ ได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า หันไปพูดกับฮูหยินเปา “ท่านแม่ ข้าจะไปนอนสักครู่ รบกวนท่านดูแลท่านพี่ด้วย”

 

 

ฮูหยินเปารีบพูดว่า “ได้ๆๆ เจ้าพักผ่อนให้มากๆ ข้าจะดูแลฝานเอ๋อร์เอง”

 

 

ซุนฮุ่ยหันไปถามเมิ่งเชี่ยนโยวอีก “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าก็ตามข้าไปพักผ่อนอีกหน่อยเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ข้าพักผ่อนพอแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

ซุนฮุ่ยพยักหน้า “เช่นนั้นข้าไม่อยู่ต้อนรับเจ้าแล้ว เจ้าทำตามใจได้เลยนะ”

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ท่านรีบไปพักผ่อนเถอะ”

 

 

ซุนฮุ่ยเดินสะโหลสะเหลออกไป สาวใช้ข้างกายรีบเดินเข้ามาประคองนางไปพักผ่อน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองนางเดินไปไกล ถึงหันมาพูดกับฮูหยินเปา “ท่านป้า ข้าจะไปที่โรงงานหน่อย หากคุณชายเปาเป็นอะไร ท่านให้คนไปตามข้าที่นั่นนะเจ้าคะ”

 

 

ฮูหยินเปาพยักหน้า “ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับนางอีกว่า “ต้องให้ยาลดไข้เขาตรงตามเวลา ขอเพียงไม่มีไข้ ก็จะไม่เป็นอะไร”

 

 

ฮูหยินเปาจดจำไว้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพากัวเฟยและจูหลีมาโรงงาน

 

 

คนงานเริ่มลงมือทำงานแล้ว เมิ่งฉีพอจะมีเวลาว่าง รับผิดชอบเพียงตรวจการทำงานของแต่ละส่วน หากมีอะไรไม่ถูกต้องก็แก้ไขให้พวกเขา พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา ก็เดินเข้ามาถาม “เป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบว่า “ต้องรอดูอีกวัน หากไม่มีไข้ ก็ถือว่าพ้นขีดอันตราย แต่ยังต้องพักฟื้นอีกอย่างน้อยครึ่งปี”

 

 

“รักษาชีวิตไว้ได้ก็ดี ไม่เช่นนั้นใต้เท้าเปาและฮูหยินเปาคงจะทนรับไม่ไหวเป็นแน่” เมิ่งฉีกล่าว

 

 

บ่าวจวนเปาเดินเข้ามาจากด้านนอก พอเห็นคนทั้งสองก็เดินเข้ามาทักทายอย่างอ่อนน้อม “แม่นางเมิ่ง คุณชายเมิ่ง ผู้น้อยจะไปซื้อวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารในวันนี้ขอรับ ทั้งสองท่านมีอะไรจะสั่งหรือไม่”

 

 

บ่าวฉลาดทำงานเก่ง ขอเพียงเป็นเรื่องที่พวกเขาสั่งก็จะทำได้เป็นอย่างดี ไม่เคยเกิดความผิดพลาด เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ที่ผ่านมาลำบากเจ้าแล้ว เงินค่ากับข้าวยังมีพอหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีให้ความไว้วางใจบ่าวมาก ทุกครั้งจะให้ตั๋วเงินหนึ่งร้อย ให้เขาใช้จ่ายได้ตามใจ บ่าวรีบตอบกลับ “พอขอรับ บ่าวยังมีเหลืออีกหลายสิบตำลึงขอรับ”

 

 

“จะต้องซื้อวัตถุดิบชั้นดี หากเงินไม่พอก็มาบอกพวกเรา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

บ่าวรับคำ น้อมพูดว่า “หากไม่มีอะไรสั่งการ บ่าวขอตัวก่อนนะขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ไปเถอะ เดินทางระวังด้วย”

 

 

บ่าวรับคำ หันหลังเดินออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งฉี “บ่าวคนนี้ไม่เลวเลย ฉลาดมีไหวพริบ ทำงานเก่ง เดิมข้าคิดว่าพอเรื่องในโรงงานเรียบร้อยจะเอ่ยปากขอคนกับใต้เท้าเปา ให้เขามาดูแลที่นี่ แต่พอเกิดเรื่องกับคุณชายเปา ข้าจึงไม่กล้าเอ่ยปากตอนนี้ งานในโรงงานคงต้องให้พี่รองจัดการไปอีกสักระยะ พอคุณชายเปาดีขึ้น ข้าค่อยเอ่ยกับใต้เท้าเปาอีกครั้ง”

 

 

ความสามารถในการทำงานของบ่าว เมิ่งฉีก็เห็นอยู่ในสายตา พยักหน้าพูดว่า “บ่าวคนนี้ใช้ได้ดีจริงๆ ข้าเองก็มีความคิดนี้ ทว่าไม่รู้ว่าเขาทำสัญญาเป็นหรือสัญญาตายเอาไว้”

 

 

สัญญาตายคือขายตัวให้ทั้งชีวิต นายจะด่าจะทุบตี นำไปขายต่ออย่างไรก็ได้ สัญญาเป็นคือสัญญาทาสที่ตกลงระยะเวลาไว้ กระทั่งครบกำหนด บ่าวสามารถไปจากนาย กลับมาเป็นอิสระ ต้องการจะไปไหนก็ได้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็คิดถึงปัญหานี้พูดว่า “เอาไว้อีกสองสามวันข้าค่อยถามพี่ซุน หากเขาทำสัญญาเป็น พวกเราก็รอเขาครบกำหนดค่อยว่ากัน หากเป็นสัญญาตาย เราเอ่ยปากขอมาดื้อๆ เลยก็พอ”

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้า

 

 

หญิงสาวที่มาทำอาหารในโรงงานเดินเป็นกลุ่มเข้ามา พอเห็นทั้งสองคน ก็เข้ามาทักทาย แล้วแยกกันไปจัดเตรียม รอบ่าวซื้อผักกลับมาจะได้ลงมือทำอาหารเที่ยง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามเมิ่งฉีวนดูแต่ละฝ่ายของโรงงาน เห็นคนงานมือไม้คล่องแคล่ว ทำงานแข็งขัน พยักหน้าพอใจ พูดว่า “หากเป็นเช่นนี้ โรงงานกุนเชียงก็สามารถเปิดได้แล้ว ตอนนี้เราตุนสินค้าไว้ก่อน พอปีใหม่จะได้ทำกำไรก้อนโต”

 

 

หลายปีที่ผ่านมากุนเชียงทำเงินได้ดีมาตลอด สองปีก่อนมีคนริษยา เลียนแบบทำกุนเชียงบ้าง แต่คงเพราะล้างปลอกไส้ไม่สะอาด กินเข้าไปมีกลิ่นคาว ต่อให้ขายถูกกว่า ก็ไม่มีใครอยากซื้อ บวกกับที่เมิ่งเชี่ยนโยวผลิตออกมาเพิ่มอีกหลายรสชาติ ด้วยตลาดกุนเชียงในตอนนี้ พวกเขาจึงยังคงครองส่วนแบ่งทั้งหมดอยู่ อีกทั้งเซี่ยเจียงเฟิงยังบุกเบิกตลาดเพิ่มอีกไม่น้อย ดังนั้นทุกช่วงปีใหม่ กุนเชียงที่ผลิตออกมาจึงขาดตลาดทุกปี

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้า “ได้ ช่วงนี้ข้าจะจัดเก็บพื้นที่ว่างอื่นของโรงงาน เตรียมของที่ต้องใช้สำหรับเริ่มงาน”

 

 

“ดี พวกเราทำไปก่อน พอแม่ทัพฉู่กลับเมืองหลวงข้าจะส่งจดหมายไปหาเซี่ยเจียงเฟิง ทั้งบอกเขาเรื่องเปาอีฝานด้วย พวกเขาไม่ได้พบหน้ากันหลายปีแล้ว น่าจะรีบเดินทางเข้ามา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

จะเปิดโรงงานกุนเชียงต้องรับสมัครคนงาน จึงต้องให้เปาชิงเหอช่วยพวกเขาอีก ทั้งสองหารือกันครู่หนึ่ง ตัดสินใจว่าจะรอแม่ทัพฉู่กลับเมืองหลวงก่อนค่อยว่ากันอีกที ถึงตอนนั้นอาการของเปาอีฝานคงดีขึ้น พอเปาชิงเหอสบายใจจะได้มาช่วยพวกเขา

 

 

ทั้งหมดเป็นเรื่องที่พวกเขาคุ้นเคยดีแล้ว เพียงแค่รับสมัครคนงานก็เริ่มงานได้ทันที เมิ่งฉีพยักหน้า พูดว่า “วันสองวันนี้ให้ขบวนรถม้ากลับไปเถอะ หากวันนี้เจ้ากลับไปเร็ว ก็เขียนจดหมายบอกพี่ใหญ่ด้วย หากไม่มีเวลา รอข้ากลับไปเขียนเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิด “อาการของคุณชายเปายังไม่ทรงตัว กว่าข้าจะกลับไปก็คงเป็นตอนค่ำ ยังต้องรักษาโรคให้ฮูหยินเหวิน ไม่มีเวลาแล้ว พี่รองเป็นคนเขียนเถอะ”

 

 

เมิ่งฉีรับคำ

 

 

บ่าวซื้อผักกลับมา วางวัตถุดิบที่ต้องใช้ในโรงงานลง แล้วนำส่วนที่เหลือส่งไปบ้านสวนนอกเมือง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกมาได้พักหนึ่งแล้ว รู้สึกไม่วางใจ กลัวอาการของเปาอีฝานจะกำเริบ จึงกลับมาจวนเปา

 

 

ชิงหลวนส่งจดหมายกลับมาแล้ว รายงานว่าตนเองบอกฮูหยินเหวิน นางจึงฝากความกลับมาว่า หากว่าท่านปลีกตัวไม่ได้ จะหยุดรักษาสักวันก็ได้ ทั้งกำชับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่าให้เหนื่อยจนล้มป่วย

 

 

พิษที่คั่งค้างในตัวฮูหยินเหวินขจัดออกไปเกือบหมดแล้ว มดลูกกำลังปรับสมดุลอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ หากวันนี้หยุดรักษา เท่ากับที่รักษามาหลายวันสูญสิ้นค่า เมิ่งเชี่ยนโยวย่อมไม่ยินยอม คิดว่าพอฟ้ามืด เปาอีฝานไม่แสดงอาการใด ตอนที่ตนเองกลับไป จะให้ชิงหลวนและจูหลีไปรับสองพี่น้องมาที่บ้านตนเองพร้อมกัน

 

 

ฮูหยินเปายังคงนั่งเฝ้าเปาอีฝานข้างเตียง เปาอีฝานก็ยังคงนอนหลับใหล เมิ่งเชี่ยนโยวเดินขึ้นหน้าถามฮูหยินเปา ฮูหยินเปาบอกว่าให้เปาอีฝานกินยาลดไข้ไปหนึ่งครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวแตะหน้าผากเปาอีฝาน รู้สึกว่าไม่มีไข้ก็วางใจลง หันมาเห็นม่อเอ๋อร์ที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างเตียง จึงพาเขาเดินออกมาในลาน สั่งบ่าวไปนำกระดาษและพู่กันมา นางวาดภาพกังหัน แล้วให้บ่าวไปทำออกมา จากนั้นสอนม่อเอ๋อร์ให้เป่ากังหัน

 

 

เป็นครั้งแรกที่ม่อเอ๋อร์เห็นของเล่นหน้าต่างประหลาดนี้ ดีใจยิ้มแฉ่ง ถือกังหันวิ่งไปวิ่งมาทั่วลาน เสียงหัวเราะใสกังวานสะท้อนไปทั่วลาน

 

 

คงเพราะพ่อลูกมีใจเชื่อมโยง เปาอีฝานจึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากเสียงหัวเราะ ร้องเรียกม่อเอ๋อร์ให้เข้ามาในห้อง พูดกับเขาครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวใช้โอกาสนี้ให้บ่าวไปยกซุปโสมเข้ามาให้เปาอีฝานดื่ม ทั้งสั่งบ่าวให้มาเปลี่ยนข้าวของบนเตียงที่เต็มไปด้วยคราบเลือดน่าหวาดผวาพวกนั้นออกไป

 

 

หลังจากเปลี่ยนเสร็จ เปาอีฝานก็เหนื่อยจนหลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ลมหายใจนิ่ง หน้าอกก็กระเพื่อมมีแรง เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขารอดมาได้จริงๆ แล้ว จึงยอมวางใจอย่างสิ้นเชิง เขียนใบสั่งยา ให้พ่อบ้านไปจัดมา หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ให้เขาสั่งบ่าวไปต้มมาให้เขาดื่มให้ตรงตามเวลา สำหรับยาลดไข้ ให้ดื่มตามเวลาอีกหนึ่งวันก็พอ

 

 

พ่อบ้านจดจำขึ้นใจ

 

 

กระทั่งเวลาพลบค่ำ เปาอีฝานไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ก็ไม่มีอากาไข้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงลุกขึ้นขอตัวลากลับบ้าน

 

 

ฮูหยินเปาอยากให้นางอยู่พักที่บ้านตัวเองอีกคืน ครั้นพอได้ยินว่าเมิ่งเชี่ยนโยวยังต้องไปรักษาคนอีก จึงล้มเลิกความคิด หลังจากกล่าวขอบคุณอย่างสุดหัวใจ ก็เดินออกมาส่งถึงหน้าประตูจวนพร้อมเปาชิงเหอและซุนฮุ่ย มองดูพวกนางขี่ม้าออกไปไกล ถึงรีบเดินกลับมาดูเปาอีฝานที่ห้อง

 

 

คนทั้งหมดออกจากจวนเปา ขี่ม้ามุ่งหน้ามาโรงงานก่อน

 

 

คนงานในโรงงานกำลังเลิกงานพอดี เมิ่งฉีเห็นพวกนางเข้ามา สั่งการบ่าว พอคนงานไปหมดแล้วให้ลงกลอนให้ดี แล้วขี่ม้าตัวเดียวกับกัวเฟยเดินทางกลับ

 

 

ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือ เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งชิงหลวนและจูหลีไปรับสองพี่น้องเฝิงมาบ้านตนเอง

 

 

ทั้งสองรับคำ ควบม้ามุ่งหน้าไปจวนเฝิง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีรวมถึงกัวเฟยตะบึงฮ่อกลับไปบ้านตนเอง

 

 

เพิ่งจะถึงหน้าประตู คนเฝ้าประตูก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงาน “นายท่าน ซื่อจื่อเข้ามาตอนบ่าย ตอนนี้ยังรอท่านอยู่ที่เรือนขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เดินตรงมาลานเรือนพร้อมเมิ่งฉี

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินเสียง เดินออกมาจากในห้อง ถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ไหนบอกว่าช่วงนี้ไม่ยุ่ง จะอยู่แต่ในบ้าน เหตุใดถึงออกไปนานเช่นนี้อีกแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองเขา พูดว่า “เกิดเรื่องที่จวนใต้เท้าเปา ข้าไปช่วยเล็กน้อย ท่านมาพอดีเลย ข้ามีเรื่องจะบอกท่านพอดี”

 

 

“เรื่องอะไร” หวงฝู่อี้เซวียนจับจ้องใบหน้าเปื้อนยิ้มของนาง ถามอย่างไม่รู้ตัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบความ “เมื่อวานเกิดเรื่องทำให้แม่ทัพฉู่กลับเมืองหลวงกลางดึก เขาให้ข้าบอกท่านว่า อีกห้าวันให้หลังจะกลับเมืองมาพร้อมกองทัพ”