“ท่านน้ากลับมาแล้ว” หวงฝู่อี้เซวียนดีใจก่อนถึงขมวดคิ้วมุ่น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ กองทัพยังมาไม่ถึง เหตุใดเขาถึงกลับมาก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เข้าไปคุยในห้องข้าเถอะ”
หวงฝู่อี้เซวียนถึงหันไปร้องเรียกเมิ่งฉี “พี่รอง”
เดิมเมิ่งฉีจะเข้าไปในห้องเมิ่งเชี่ยนโยวด้วย พอได้ยินว่าพวกนางมีเรื่องต้องคุย จึงหยุดฝีเท้า พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “น้องสาว ข้ากลับไปเขียนจดหมายให้พี่ใหญ่ที่ห้องก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดฝีเท้า พูดว่า “อาการเจ็บของเหวินเป้าและเหวินซงเกือบหายดีแล้ว ข้าบอกพวกเขาแล้ว จะให้พวกเขากลับไปกับขบวนครั้งนี้ ท่านเขียนจดหมายบอกพี่ใหญ่ด้วยว่า ต่อไปให้พวกเขาสลับกันมาเมืองหลวง ให้มีสักคนคอยอยู่ดูแลที่บ้าน”
“ข้ารู้แล้ว ข้าจะบอกพี่ใหญ่เอง” เมิ่งฉีรับคำ หันหลังเดินกลับไปเรือนตัวเอง
ทั้งสองเดินเข้ามาในห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาวักน้ำในกะละมังล้างหน้า แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า
หวงฝู่อี้เซวียนเดินไปรินน้ำชา ยื่นใส่มือนาง ทั้งเดินไปด้านหลังนวดคลึงที่บ่านาง แล้วถามว่า “เจ้าไปทำอะไรมา เหตุใดถึงดูเหนื่อยล้าเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยอกเย้าเขา “ไม่เจอหลายวัน ซื่อจื่อรู้จักทำเรื่องเอาใจคนเช่นนี้แล้ว ไม่ทราบว่าไปเรียนรู้มาจากสาวงามที่ไหนหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนที่กำลังนวดหยุดชะงัก จากนั้นก็บีบเต็มแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวเจ็บจนร้องออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนรีบคลายมือ พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เจ้าก็รู้ว่าหัวใจข้าอยู่ที่เจ้าแล้ว หากภายหน้าเจ้ากล้าพูดเช่นนี้อีก ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
ได้ฟังเช่นนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจพองโต จึงไม่หาความเขาอีก จิบชาเล็กน้อย แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟัง พูดว่า “วันนี้ตอนที่แม่ทัพฉู่จะไป ได้ย้ำกับข้า ให้ข้าบอกท่านเรื่องที่เขาจะกลับเข้าเมืองหลวงในอีกห้าวันข้างหน้า ทั้งให้เจ้าบอกพระชายาเอกด้วย”
“เรื่องกองทัพกลับเข้าเมืองหลวง พระบิดาทราบเรื่องและบอกพระมารดาตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว ทำให้สองวันมานี้พระมารดาดีใจอารมณ์ดี กำลังทำชุดให้ท่านน้าอยู่” หวงฝู่อี้เซวียนพูด
ฉู่เหวินเจี๋ยและพระชายาเอกสนิทสนมกันแต่เด็ก ครั้งนี้ฉู่เหวินเจี๋ยไปชายแดนสี่ปี ปลอดภัยกลับมา พระชายาเอกย่อมดีใจมาก การทำชุดให้น้องชายหาใช่เรื่องแปลก เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่คิดอะไรมาก พูดว่า “ข้าก็กล่าวเช่นนี้กับแม่ทัพฉู่เช่นกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าบนตัวหายไปเป็นปลิดทิ้ง จับมือที่ยังนวดคลึงอยู่ของหวงฝู่อี้เซวียน พูดว่า “เจ้าเองก็พักบ้างเถอะ”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดมือ เดินมานั่งข้างๆ ยกชาขึ้นจิบหลายคำ
เมิ่งเชี่ยนโยววางถ้วยชาในมือลง พูดว่า “ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาเจ้าพอดี น้องชายของเหวินซื่อปรากฏตัวอีกแล้ว ข้าว่าเหวินซื่อไม่ใช่คู่ปรับของเขา ข้าอยากเคลื่อนย้ายองครักษ์หลวงจากเหลาจวี้เสียนจำนวนหนึ่งมาคุ้มกันเขา ทั้งช่วยเขาสืบว่าใครกันแน่ที่แพร่งพรายข่าวที่ข้ารักษาให้ฮูหยินเหวิน”
หวงฝู่อี้เซวียนเข้าใจถึงความหมายแฝงของนางทันที ขมวดคิ้วถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเหวินซื่อไม่ใช่คู่ปรับของเขา เขาเคยปะทะกับเขามาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ปิดบัง บอกเรื่องที่น้องชายเหวินซื่อเข้ามาขวางทางตนเองนอกเมือง ทั้งขู่เตือนให้ระวังตัว
หวงฝู่อี้เซวียนได้ฟัง หัวเราะเ**้ยม “ดูท่าที่ผ่านมาข้าจะอ่อนแอเกินไป แม้แต่คนชั้นต่ำเช่นนั้นยังกล้ามารังแกเจ้าได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “เขาไม่ได้รังแกข้า ชิงหลวนและจูหลีออกโรงก็ทำให้พวกเขาบาดเจ็บไปสองคน คาดว่าช่วงเวลานี้คงยังไม่ลงมืออะไรอีก แต่ว่า น้องชายเหวินซื่อดูจะฉลาดเป็นกรดทีเดียว เห็นอยู่ว่าโทสะถึงขีดสุดแล้ว กลับกัดฟันยอมกลืนลงไป เป็นคนที่รับมือได้ยากคนหนึ่ง ข้ากลัวเขาจะเป็นสุนัขจนตรอก ทำเรื่องร้ายแรงกับเหวินซื่อและฮูหยิน พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปจวนเปาอีกวัน หากเจ้าว่างช่วยไปบอกหลงจู๊ที่เหลาจวี้เสียนให้เคลื่อนย้ายกำลังองครักษ์มาจำนวนหนึ่ง ประเดี๋ยวฮูหยินเหวินจะเข้ามา ข้าจะให้ชิงหลวนไปอยู่กับนาง คุ้มกันความปลอดภัยให้นาง”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่เห็นด้วย พูดว่า “เขารู้สถานะเจ้าแล้ว ยังกล้าเข้ามาข่มขู่เจ้า จะต้องมียอดฝีมืออยู่กับตัว ถึงไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่อเจ้า หากเจ้าส่งชิงหลวนไป จะเป็นการให้โอกาสเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ให้เขาลงมือกับเจ้าได้ทุกเมื่อ เช่นนี้ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรความปลอดภัยของเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดว่า “ท่านลืมไปแล้วหรือ ข้าก็ไม่ใช่สตรีที่ไร้พิษสง ทั้งยังมีกัวเฟยและจูหลีข้างกาย ไม่เป็นไรดอก”
หวงฝู่อี้เซวียนยังคงไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ พรุ่งนี้ข้าจะส่งองครักษ์หลวงไปคุ้มกันเหวินซื่อ สำหรับฮูหยินเหวิน ข้าจะคิดหาวิธี เจ้าไม่ต้องยุ่ง ตอนนี้เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยว ชิงหลวนจะอยู่ห่างจากเจ้าไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความหมายของเขา ถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงัก แล้วบอกนางตามจริง “ก่อนหน้านั้นเจ้าบอกข้าเรื่องที่พระชายารองขายเครื่องแต่งงาน ข้าจึงส่งคนไปสืบ ที่แท้นางเอาเงินไปให้เฮ่อเหลี่ยน ให้เฮ่อเหลี่ยนไปปล่อยกู้ เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพระบิดา ข้าจะรอตอนที่พวกเขาเก็บเงิน เพื่อมีหลักฐานจับให้ได้คาหนังคาเขา แต่คล้ายว่าเฮ่อเหลี่ยนจะรู้สึกตัว ระมัดระวังตัวมาก อีกทั้งหลายวันก่อนเขายังมาที่จวน ไม่รู้ว่ามาพูดอะไรกับพระชายารอง ก่อนไปเจอข้า แสยะยิ้มมีเลศนัยให้ข้า ข้าว่า เขาจะต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ จะต้องหาโอกาสแก้แค้น ดังนั้นช่วงเวลานี้เจ้าจะออกไปไหน จงพาคนไปมากหน่อยจะดีที่สุด ชิงหลวนและจูหลียิ่งต้องคอยคุ้มกันไม่ห่างกายเจ้า จะให้คนอื่นไม่ได้เด็ดขาด”
หากหวงฝู่อี้เซวียนไม่พูด ช่วงนี้เมิ่งเชี่ยนโยวยุ่งจนลืมเฮ่อเหลี่ยนไปเสียสนิทจริงๆ ได้ยินดังนั้นก็พูดว่า “ครั้งก่อนจัดการเขาจนอนาถเช่นนั้น เขาหายไปไม่กี่วัน กลับออกมากระโดดโลดเต้น หรือท่านเสนาบดีจะหายอดฝีมือมารักษาให้เขาแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนส่ายหน้า “ช่วงที่ผ่านมาข้าไม่ได้สนใจพวกเขา แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เฮ่อเหลี่ยนเป็นคนร้ายลึก ไม่เหมือนคนที่ฟื้นตัวดีแล้ว”
“เช่นนั้นเขายังกล้าออกมา ไม่กลัวพวกเราเปิดโปงความลับของเราหรือไร” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
หวงฝู่อี้เซวียนตอบว่า “ตอนนี้เขาไม่มีตำแหน่งราชการ เป็นสามัญชน ต่อให้ถูกพวกเราเปิดโปงว่าเขาทำเรื่องอย่างชายไม่ได้ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร ดังนั้นตอนนี้เขาไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใด ข้ากลัวเขาจะทนไม่ไหว กลายเป็นสุนัขจนตรอก มาหาเรื่องเจ้า บัดนี้พวกเราอยู่ที่แจ้ง พวกเขาอยู่ที่มืด ไม่รู้ว่าจะลงมือเมื่อใด ดังนั้งชิงหลวนจะต้องคอยอยู่ข้างกายเจ้า”
หวงฝู่อี้เซวียนพูดมีเหตุผล เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่โต้แย้งอีก
ชิงหลวนและจูหลีมาถึงจวนเฝิง เห็นเฝิงจิ้งเหวิน จึงบอกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวให้มารับพวกเขาสองคนไปรักษา
เมิ่งเชี่ยนโยวจะต้องมีเรื่องสำคัญถึงยุ่งตลอดวัน คิดว่านางจะต้องเหนื่อยล้าแล้ว เฝิงจิ้งเหวินจึงพูดกับทั้งสองว่า “โรคของข้าไม่ใช่จะหายในวันสองวัน วันนี้น้องโยวเอ๋อร์คงเหนื่อยแล้ว ข้าไม่เข้าไปรบกวนดีกว่า”
ชิงหลวนและจูหลีได้รับการฝึกมาให้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายให้สำเร็จ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินยอม ชิงหลวนน้อมพูดว่า “ฮูหยินเหวิน นายท่านบอกว่า โรคของท่านห้ามขาดการรักษาแม้แต่วันเดียว ไม่เช่นนั้นที่ผ่านมาจะสูญเปล่า ท่านตามพวกเราไปเถอะ”
ได้ยินดังนั้น เฝิงจิ้งเหวินจึงไม่ปฏิเสธอีก ร้องเรียนเฝิงจิ้งซู ขึ้นบนรถม้าตัวเอง ตามชิงหลวนและจูหลีมาถึงบ้านเมิ่งเชี่ยนโยว
พอพวกนางคล้อยหลังไป ก็มีเงาร่างหนึ่งแอบออกมาจากจวนเฝิง วิ่งตามพวกเขาไปห่างๆ
สองพี่น้องเฝิงลงจากรถม้า ตามชิงหลวนและจูหลีมาถึงเรือนเมิ่งเชี่ยนโยว
หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินเสียงในลาน ขมวดคิ้วมุ่น
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงนึกได้ว่าลืมบอกเรื่องที่เฝิงจิ้งเหวินจะมารับการรักษาคืนนี้ รีบลุกขึ้น เดินไปข้างเขา ยิ้มพูดว่า “วันนี้ข้ายุ่งมาก ไม่มีเวลารักษาให้ฮูหยินเหวิน พอออกมาจากจวนเปา ก็ให้ชิงหลวนและจูหลีไปรับพวกเขามา เจ้าไปที่เรือนของพี่รองก่อน พอข้ารักษาให้นางเสร็จ จะส่งพวกเขากลับไปทันที”
หวงฝู่อี้เซวียนทำหน้าไม่พอใจ “กว่าเจ้าจะรักษาก็เป็นเวลาใดแล้ว พี่รองจะต้องรีบไล่ข้ากลับไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ไม่เป็นไร พอรักษาเสร็จ เจ้าตามข้าไปส่งฮูหยินเหวิน พี่รองจะต้องไม่คิดว่าเจ้าจะตามข้ากลับมาอีก”
หวงฝู่อี้เซวียนดวงตาเปล่งประกาย “เจ้าหมายความว่า คืนนี้ข้าค้างที่นี่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงฝาด ตีหน้าผากเขาแก้เขิน เดินออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนถูกตีจนหน้าผากแดง แต่ไม่โกรธ หัวเราะฮิๆ ลุกขึ้นยืนเดินตามนางออกไป
เฝิงจิ้งเหวินและเฝิงจิ้งซูเดินตามชิงหลวนและจูหลีมาถึงหน้าประตูแล้ว เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวออกมากำลังจะกล่าวทักทาย กลับเห็นหวงฝู่อี้เซวียนข้างหลังนางก็ให้ชะงักอึ้ง แล้วรีบทำความคำนับเขา
หวงฝู่อี้เซวียนแย้มยิ้มเบิกบาน น้ำเสียงสุขใจ “ฮูหยินเหวินไม่ต้องมากพิธี ต่อไปหากตอนกลางวันไม่ว่าง เข้ามาตอนกลางคืนได้เลย”
เฝิงจิ้งเหวินและซิมไม่เข้าใจคำพูดเขา ต่างมึนงง
เมิ่งเชี่ยนโยวถอยหลังหนึ่งก้าว ยื่นมือไปบิดเอวเขาเต็มแรง
หวงฝู่อี้เซวียนเจ็บจนร้อง “ซี้ด”
เฝิงจิ้งเหวินและซิมก้มหน้าไม่เห็นการกระทำของเมิ่งเชี่ยนโยว พอได้ยินเสียงก็เงยหน้าอย่างประหลาดใจ
ชิงหลวนและจูหลีกลับเห็นอย่างชัดเจน ปิดปากกลั้นหัวเราะ
หวงฝู่อี้เซวียนกระแอมกลบเกลื่อน รีบเดินไปเรือนเมิ่งฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินขึ้นหน้า เข้าไปคล้องแขนเฝิงจิ้งเหวิน “อาซ้อรีบเข้ามาในห้องเถอะ ด้านนอกอากาศเย็น เดี๋ยวท่านจะหนาว”
เฝิงจิ้งเหวินตามนางเข้ามาในห้อง ซิมเดินรั้งท้าย
เพิ่งจะเข้ามาในห้อง ยังไม่ทันนั่งลง เฝิงจิ้งเหวินก็พูดอย่างรู้สึกผิด “น้องโยวเอ๋อร์ ข้าเห็นเจ้าเหนื่อยมาทั้งวัน ตกค่ำยังต้องรักษาให้ข้า ข้าไม่สบายใจเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดว่า “ข้าหาใช่คนนอกสักหน่อย อาซ้อพูดเช่นนี้อีกข้าจะไม่พอใจแล้วนะ”
เฝิงจิ้งเหวินรีบโบกมือ “ไม่พูดๆ อาซ้อจะไม่พูดอีกแล้ว หากวันหน้ามีอะไรที่อาซ้อช่วยได้ อาซ้อจะช่วยเจ้าอย่างเต็มความสามารถเทียว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแหย่เย้า “ข้าจะคำพูดนี้ของอาซ้อไว้ ถึงตอนนั้นท่านจะกลับคำนะเจ้าคะ”
ระหว่างที่พูดคุย เฝิงจิ้งเหวินก็นอนลงบนเตียงปลอดเสื้อตัวบนออกอย่างที่เคยทำ
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเข็มออกมา ฝังให้นางเสร็จโดยไว
ทั้งสามพูดคุยสรวลเสกันครึ่งชั่วยาม
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถอนเข็มออก
เฝิงจิ้งเหวินลุกขึ้น แต่งกายเรียบร้อย นั่งพักอีกครู่หนึ่งถึงลุกขึ้นกลับจวน
เมิ่งเชี่ยนโยวย่อมไม่ยอม พูดว่า “อาซ้อ ข้ายังไม่ได้กินข้าว พวกท่านอยู่กินเป็นเพื่อนข้าก่อนกลับนะ”
เฝิงจิ้งเหวินรู้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ด้วย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมอยู่กินข้าวด้วย แอบกระซิบที่ข้างหูนางว่า “ครั้งก่อนพวกเราทำให้ท่านเสียเรื่อง ซื่อจื่อทำท่าราวกับจะกินพวกเรา หากวันนี้พวกเรายังไม่รู้ความอีก ข้าว่าต่อไปข้าคงไม่ได้มารักษาที่นี่อีกแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวถูกนางถูกหยอกเย้าจนหน้าแดง พูดว่า “วันนี้อาซ้อพูดผิดแล้ว เขาอยากให้พวกท่านไปยิ่งดึกยิ่งดี”
เฝิงจิ้งเหวินตะลึงงันถาม “เพราะเหตุใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มไม่พูด
เฝิงจิ้งเหวินเดาไม่ออก กำลังจะซักถาม ชิงหลวนก็เดินเข้ามา รายงาน “นายท่าน ซื่อจื่อสั่งว่าให้ฮูหยินเหวินกินอาหารค่ำก่อนค่อยกลับไปเจ้าค่ะ”
เฝิงจิ้งเหวินตะลึงงงอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกสาวใช้ให้เตรียมสำรับไว้ในห้องตนเอง เฝิงจิ้งเหวินจึงไม่ปฏิเสธอีก ร่วมกินข้าวด้วยพร้อมกับซู
กินอาหารค่ำเสร็จ ทั้งสามคุยกันอีกครู่หนึ่ง มองดูท้องฟ้าเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงลุกขึ้นบอกลา
ครั้งนี้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รั้งไว้อีก สั่งชิงหลวน “ไปบอกซื่อจื่อ ฮูหยินเหวินจะกลับแล้ว ให้เขาไปส่งฮูหยินเหวินพร้อมข้า”
เฝิงจิ้งเหวินสะดุ้งตกใจ รีบร้อนโบกมือ “น้องโยวเอ๋อร์ ไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อมีสถานะสูงศักดิ์ จะให้เขาไปส่งพวกเราได้อย่างไร เจ้าให้สาวใช้ไปส่งพวกเราก็พอ”
“อาซ้อ นี่ก็ดึกมากแล้ว ระหว่างทางไม่ปลอดภัย ให้ข้าไปส่งพวกท่านกลับไปดีกว่า” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เฝิงจิ้งเหวินไฉนเลยจะยอมให้พวกเขาไปส่ง เอาแต่พูดปฏิเสธ
หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามาพูดว่า “ข้าให้คนเตรียมรถม้าไว้แล้ว ฮูหยินเหวินอย่าปฏิเสธอีกเลย”