มังกรเงินศักสิทธิ์

เมื่อซือเฟิงตกลงที่จะทำการอัญเชิญ ควันสีม่วงรอบๆกรงเล็บมังกรน้ำแข็งก็กลายเป็นเหมือนหมาป่าที่หิวโหยที่เพิ่งจะได้รับอาหาร และในเวลาไม่นานมันก็กลืนกินกรงเล็บมังกรน้ำแข็งไปทั้งหมด

หลังจากกลืนกินกรงเล็บมังกรน้ำแข็งไปแล้ว ความรุนแรงของออร่าของควันสีม่วงนี้ก็พุ่งสูงขึ้นราวกับสัตว์ร้ายที่พึ่งตื่นจากการหลับใหลอันยาวนาน ออร่าที่น่ากลัวนี้มันทรงพลังมากซะจน แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังยากจะเคลื่อนไหวได้ ออร่านั้นมัเกือบจะแข็งแกร่งกว่าออร่าของ NPC ขั้นห้า หากผู้เล่นขั้นสองมายืนอยู่ในตำแหน่งของเขา พวกนั้นอาจจะต้องล้มลงแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับออร่าที่น่ากลัวแบบนี้

เมื่อออร่าของควันสีม่วงนี้ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น แรงกดดันที่ซือเฟิงได้รับมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในขณะเขากำลังจะต้องทรุดตัวลงนั้น ควันสีม่วงก็ไหลเข้าไปในชุดวงเวทย์อัญเชิญโบราณของแท่นบูชา

ตู้ม !!

ทันทีที่ควันสีม่วงรวมเข้ากับวงเวทย์ มันก็เกิดการระเบิดขึ้นสร้างรอยแยกมิติขึ้นมารอบๆ ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าพื้นที่โดยรอบนั้นจะไม่สามารถทนกับพลังของวงเวทย์ได้

หลังจากผ่านไปหลายวินาที พื้นที่บริเวณใจกลางแท่นบูชาก็เริ่มแตกสลาย และเผยให้เห็นหลุมดำอันมืดมิด ซึ่งในพริบตาหลุมดำนี้ก็ค่อยๆขยายตัวและกลืนกินแท่นบูชาไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ก่อนที่หลุมดำนี้จะมาถึงซือเฟิง วงเวทย์ที่ถูกสลักอยู่บนแท่นบูชาอัญเชิญก็กระพริบด้วยแสงสีเงิน และหยุดมันเอาไว้ไม่ให้ขยายตัวเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเนื่องจากหลุมดำนี้ มันก็ทำให้ความหนาแน่นของมานารอบๆซือเฟิงลดลงอย่างมากเช่นกัน

ดินแดนวอย ?! ซือเฟิงจ้องมองไปที่หลุมดำตรงหน้าของเขาด้วยความประหลาดใจ มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?

หอคอยอัญเชิญนั้นได้ใช้สื่อสังเวยเพื่อเปิดประตูสู่โลกอื่น ซึ่งมันก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นอัญเชิญสิ่งมีชีวิตเป้าหมายออกมาได้

โดยธรรมชาติแล้วยิ่งสื่อมีพลังมากเท่าไหร่ ประตูที่ถูกเปิดขึ้นมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น

กระนั้นหลังจากกลืนกินกรงเล็บมังกรน้ำแข็งไป แท่นบูชาอัญเชิญกลับเปิดประตูสู่ดินแดนวอย ….

ซึ่งดินแดนวอยนั้นเป็นดินแดนแห่งความตายที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่แค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น และมันแทบไม่มีพลังงานอยู่ในนั้นเลย ไม่ต้องพูดถึงมานา

ขณะที่ซือเฟิงกำลังจ้องมองไปยังฉากตรงหน้าของเขาอย่างสับสน เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของเขา

ระบบ : คุณได้เปิดใช้งานเควสระดับอีปิค “กรงวอย”

เนื้อหาของเควส : ปลดปล่อยมังกรเงินศักสิทธิ์ที่ถูกกักขังอยู่ในห้วงลึกของดินแดนวอย รางวัล : Unknown ไม่มีการลงโทษหากทำเควสล้มเหลว คุณต้องการจะ
ยอมรับเควสไหม ?

มังกรเงินศักสิทธิ์ ? ซือเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบ

เขาใช้เพียงกรงเล็บมังกรน้ำแข็งเป็นสื่อ เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเปิดประตูไปหาตำแหน่งของมังกรเงินศักสิทธิ์

มังกรนั้นจัดเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ขั้นสูงสุดของ God domain มังกรตัวโตเต็มวัยใดๆแบบสุ่มก็จะมีพลังที่ขั้นห้าแล้ว และพวกมันก็จัดว่าเป็นอมตะเลยในหมู่สิ่งมีชีวิตขั้นเดียวกัน แม้แต่ฮีโร่ของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับพรจากเหล่าทวยเทพก็ยังแทบไม่สามารถจะเทียบกับมันได้

อย่างไรก็ตามสถานะของมังกรนั้นมันก็มีความแตกต่างกันออกไป

มังกรศักสิทธิ์นั้นคือมังกรสายเลือดบริสุทธิ์ในยุคโบราณ ซึ่งพูดได้ว่ามังกรทั่วไปหลายตัวนั้นไม่สามารถจะเทียบกับมันได้เลย

ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของมังกรศักสิทธิ์กับมังกรทั่วไปนั้น มันคล้ายกับความแตกต่างของมอนสเตอร์สายพันธุ์โบราณ กับมอนสเตอร์ทั่วไปเลย ทั้งสองอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โดยทั่วไปแล้วมังกรทั่วไปนั้นก็จะจัดว่าเป็นอมตะเลยในหมู่ขั้นเดียวกัน อย่างไรก็ตามมังกรศักสิทธิ์นั้นจะมีพลังที่สามารถก้าวข้ามขั้นได้

ทุกคนใน God domain นั้นล้วนต้องแสดงความเคารพอย่างเหมาะสมต่อหน้ามังกรศักสิทธิ์ ไม่มีใครอยากจะทำให้สิ่งมีชีวิตระดับนี้ขุ่นเคือง ซือเฟิงนั้นคิดว่าอย่างน้อยก็คงจะต้องใช้แม่มดแห่งความอิจฉาจึงจะสามารถต่อกรกับมังกรระดับนี้ได้

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ทำการยอมรับเควสระดับอีปิคทันที

แม้ว่ามันจะไม่ได้มีบทลงโทษใดๆสำหรับความล้มเหลวหรือการปฎิเสธ แต่หากซือเฟิงละทิ้งความพยายามในเรื่องนี้ เขาก็จะสูญเสียกรงเล็บมังกรน้ำแข็งไปฟรีๆ แถมยังต้องรออีกหนึ่งเดือนด้วยกว่าจะลองอัญเชิญได้อีกครั้ง ซึ่งเขาไม่สามารถจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้

ยิ่งไปกว่านั้นโอกาสที่เขาได้รับมาในเควสครั้งนี้นั้นจัดเป็นแจ๊คพอตเลย หากเขายอมละทิ้งมันไป ครั้งหน้าเขาอาจจะไม่ได้รับมันอีก

การอัญเชิญเทพขั้นหกใน God domain นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และมันก็ไม่เคยมีซุเปอร์กิลๆใดในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงที่เคยได้รับส่วนหนึ่งของตัวตนระดับนี้ หรือศพ …. นี่ไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่ามันอยู่ไกลเกินเอื้อมมากสำหรับสภาสิบแปดปีกในปัจจุบัน

หากไม่นับเทพขั้นหก มังกรศักสิทธิ์ขั้นห้านั้นก็จะนับเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วที่เขาจะสามารถอัญเชิญได้

หลังจากซือเฟิงยอมรับเควส แท่นบูชาก็ได้สร้างวงเวทย์ขึ้นใต้เท้าของเขา และบาเรียสีเงินนั้นก็ก่อตัวขึ้นรอบตัวเขา ซึ่งด้วยมีบาเรียนี้คอยปกป้อง การเอาตัวรอดของซือเฟิงในดินแดนวอยจึงไม่น่าจะมีปัญหามากนัก

ต้องการให้ฉันเข้าประตูไปงั้นหรอ ?

เมื่อบาเรียสีเงินนี้เสร็จสมบูรณ์ ซือเฟิงก็สังเกตเห็นบัฟใหม่ในหน้าต่างค่าสถานะของเขา ซึ่งบัฟนี้นั้นจะอยู่ได้สามวันโดยธรรมชาติ

ดินแดนวอยนั้นจัดเป็นดินแดนต้องห้ามอย่างแท้จริง นอกเหนือจากพวกเทพและวิญญาณวอยแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นในดินแดนวอย และเติบโตขึ้นมาในดินแดนวอยได้นั้นแทบจะไม่เคยมีมาก่อน และแม้จะมีบาเรียนี้ช่วย แต่ซือเฟิงก็จะโชคดีมากแล้ว หากเขาสามารถแสดงพลังการต่อสู้ตามปกติออกมาได้ถึงสามสิบเปอเซ็นต์ เพราะท้ายที่สุดดินแดนวอยนั้นไม่มีมานา และซือเฟิงก็ยังไม่ได้ล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้อย่างเต็มที่

ถ้าเขาพบวิญญาณวอย ด้วยสถานะของเขาตอนนี้เขาจะตายแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแม้แต่วิญญาณวอยที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีพลังเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ทั่วไปเลย ในขณะที่วิญญาณวอยที่แข็งแกร่งนั้นสามารถจะเทียบกับมังกรที่โตเต็มวัยได้เลย

อย่างไรก็ตามแม้จะรู้เรื่องนี้ แต่ซือเฟิงก็ยังเลือกจะเสี่ยงเข้าสู่ดินแดนวอย

แม้ว่าวิญญาณวอยจะทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันก็มีอยู่ไม่มากนัก โอกาสที่เขาจะเจอกับวิญญาณวอยพวกนี้ในระหว่างเดินทางผ่านดินแดนวอยนั้นมันค่อนข้างต่ำ และต่อให้เขาต้องพบกับวิญญาณวอยจริงๆ เขาก็สามารถจะใช้หนังสือฮีโร่ อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ออกมาปกป้องเขาได้ และเมื่อเขามีฮีโร่ขั้นสี่อยู่เคียงข้างนั้น เขาก็จะไม่มีปัญหาใดๆเลย นอกซะจากว่าจะเผลอไปเจอเข้ากับวิญญาณวอยขั้นห้า

เมื่อซือเฟิงเข้ามาในหลุมดำนั้นฉากรอบตัวของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป

เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ เขาก็พบว่าตัวเองอยู่บนเกาะลอยน้ำขนาดมหึมา และทั้งเกาะนั้นก็รกร้างว่างเปล่ามากๆ และที่ตั้งอยู่ใจกลางของที่นี่ก็คือกรงเวทย์มนต์ขนาดมหึมา ซึ่งกรงนี้ความสูง กว้าง และยาวหลายร้อยเมตร ซึ่งมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูนศักสิทธิ์ทุกประเภทที่แผ่ออร่านิรันดร์ออกมา

ภายในกรงมีมังกรเงินเด็กอยู่ และแม้จะติดอยู่ในกรงนี้ แต่ออร่าของมังกรเงินเด็กตัวนี้ก็ยังคงรุนแรงมากๆ และเมื่อมันมายังซือเฟิงนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจำนวนมหาศาลที่กดทับลงมาเลย

ช่างเป็นชนชั้นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากๆ !!! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าของมหาอำนาจต่างๆในอดีตจึงไม่สามารถจะเทียบเคียงกับมังกรศักสิทธิ์ขั้นห้าได้เลย ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ซือเฟิงตกตะลึง ขณะที่เขาจ้องมองไปยังมังกรเด็กที่ถูกกักขังอยู่ในกรง

เขานั้นเคยเห็นมังกรทั่วไปมามากมายทั้งในชีวิตนี้ และชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา แต่เขาไม่เคยเห็นมังกรศักสิทธิ์มาก่อน

มังกรน้ำแข็งที่เขาได้ต่อสู้ด้วยที่หุบเขาใบไม้ผลินั้นไม่มีอะไรเลย เมื่อเทียบมังกรศักสิทธิ์เด็ก ตรงหน้าของเขานี้ ความแตกต่างระหว่างทั้งสองตัวนั้นเป็นความแตกต่างที่เหมือนกับหินทั่วไปและเพชร

ซือเฟิงนั้นเริ่มมองหาวิธีที่จะเปิดกรงเวทย์มนต์

ผู้เล่นส่วนใหญ่ในระยะนี้ของเกมนั้นจะไม่เคยเห็นกรงเวทย์มนต์กันมาก่อน และจะไม่รู้แน่นอนว่าต้องเปิดอย่างไร อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ใช่ผู้เล่นส่วนใหญ่

โดยทั่วไปแล้วกรงเวทย์มนต์นั้นจะถูกใช้ในสมัยโบราณเพื่อกักขังอาชญากร ในขณะที่พวกเขารอการถูกลงโทษ และพลังของเวลาที่ผ่านไปก็จะบั่นทอนความแข็งแกร่งของนักโทษลงเรื่อยๆ นี่คือสาเหตุที่ God domain นั้นมีเควสระดับอีปิคมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ต้องการจะให้ผู้เล่นทำการฆ่าอาชญากรเพื่อความยุติธรรม

เพื่อที่จะยุติชีวิตอันน่าสังเวชและยาวนานของอาชญากรเหล่านี้ ผู้เล่นจะต้องปลดผนึกกรงเวทย์มนต์ของนักโทษ

ซือเฟิงนั้นไม่เคยทำการเปิดกรงเวทย์มนต์มาก่อน แต่จากสิ่งเขาได้เรียนรู้มาจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ก่อนอื่นมันก็จำเป็นที่จะต้องค้นหาวงเวทย์หลัก ซึ่งตั้งอยู่รอบนอกซะก่อน จากนั้นผู้เล่นก็จะสามารถทำลายหรือปลดล๊อคเพื่อเปิดกรงเวทย์มนต์ได้

ซือเฟิงนั้นใช้เวลาค้นหาอยู่มากกว่าสิบชั่วโมง และในระหว่างนั้นเขาก็ค้นพบวงเวทย์ทั้งเจ็ดที่อยู่รอบเกาะที่รกร้างแห่งนี้ ซึ่งทุกวงเวทย์นั้นก็มีความซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นผลมาจากการออกแบบ มันเป็นผลมาจากการคำณวนองค์ประกอบที่น่ากลัวสำหรับแต่ละวงเวทย์ และแม้แต่ในฐานะปรมาจารย์นักเวทย์ ซือเฟิงก็ยังรู้สึกปวดหัว เมื่อได้ตรวจสอบวงเวทย์เหล่านี้

ใครก็ตามที่เป็นผู้ออกแบบวงเวทย์นี้นั้นจัดว่าโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง !! นี่พวกเขาไม่ได้มีความตั้งใจจะปล่อยให้มังกรเงินศักสิทธิ์เป็นอิสระเลยงั้นหรอ ?! วงเวทย์ทุกวงนี้ล้วนน่ากลัวมากๆ หากไม่ได้มีความเชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์ทั้งเจ็ดสายธาตุ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถจัดการกับพวกมันได้ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงรู้สึกท้อแท้มากๆ

อย่างไรก็ตามผู้เล่นส่วนใหญ่นั้นก็จะเชี่ยวชาญแค่ราวสามถึงห้าสายธาตุเท่านั้น เมื่อมาถึงขั้นห้า ดังนั้นการจะปลดล๊อควงเวทย์พวกนี้จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฎิบัติ ….

ดูเหมือนว่าการทำลายมันจะเป็นทางเลือกเดียวของฉัน !! ซือเฟิงนั้นเริ่มตระหนักแล้วว่าเขาไม่สามารถจะปลดล๊อควงเวทย์ทั้งหมดได้

แม้ว่าวงเวทย์ที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดนี้มันจะดูทรงพลังมาก แต่มันก็ไม่ได้มีกลไกการป้องกันใดๆ ตราบใดที่เขาสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าที่วงเวทย์นี้จะทนได้ เขาก็น่าจะสามารถทำลายมันได้

จากนั้นซือเฟิงก็นำเรือเหาะมังกรสีเลือดออกมา และใช้ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์โจมตีเข้าใส่วงเวทย์

ตู้ม !!

ลำแสงจากการโจมตีพุ่งเข้าใส่วงเวทย์ และทำให้ทั้งเกาะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ซึ่งขณะที่ฝุ่นจางลง ซือเฟิงก็สังเกตเห็นว่าแสงของวงเวทย์นั้นลดลงเล็กน้อย

เยี่ยม !! มันได้ผล !! ความตื่นเต้นของซือเฟิงเพิ่มขึ้น เมื่อเขาได้เห็นผลัพธ์จากการโจมตีของเขา

พลังของการโจมตีจากปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์นั้นทำให้ค่าความทนทานของวงเวทย์ลดลงอย่างชัดเจน และหากเขาสามารถระดมโจมตีโดนใช้ปืนใหญ่เอลฟ์ยิงไปได้เรื่อยๆ เขาก็จะสามารถทำให้มันแตกสลายได้แน่นอน

ในช่วงเวลาหนึ่งซือเฟิงก็ได้ทำการใช้ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ระดมโจมตีเข้าใส่วงเวทย์เรื่อยๆ เมื่อคูลดาวน์ของปืนใหญ่เสร็จสิ้น เขาไม่ได้สนใจเรื่องค่าใช้จ่ายที่เป็นคริสตัลเวทย์มนต์ เพราะท้ายที่สุดเขายังมีอีกมากมาย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ….

ในที่สุดหลังจากทำการโจมตีอยู่หนึ่งวันเต็ม และใช้คริสตัลเวทย์มนต์ไปแทบทั้งหมด ซือเฟิงก็ได้ทำลายวงเวทย์นี้ลงได้

ซึ่งในขณะที่วงเวทย์พังทลาย กรงเวทย์มนต์นั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ