ตอนที่ 748 ความมั่นใจของเซียวอวี่ / ตอนที่ 749 พักอาศัยในจวนมู่หรง

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 748 ความมั่นใจของเซียวอวี่

 

 

แม้เซียวอวี่จะไม่ค่อยยิ้มแย้ม แต่น้อยนักที่จะแสดงท่าทีเคร่งขรึมกับเซียวหนิงเช่นนี้ เซียวหนิงรู้ว่าต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแล้วเป็นแน่ จึงไม่ได้พูดล้อเล่นกับเซียวอวี่อีก นางถามต่อทันทีว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”

 

 

“ข้าตามหาโจรที่ปล้นเงินและเสบียงทางการไปได้แล้ว พวกมันเป็นซ่องโจรขนาดใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่นี้ แค่กำลังของทหารในเฉาโจวเกรงว่าจะทลายรังโจรพวกมันไม่ได้ เราต้องขอกำลังทหารเข้ามาเสริมก่อนเมื่อวานข้าออกไปสังหารรองหัวหน้าโจรของพวกมัน เกรงว่าพวกมันจะกลับมาแก้แค้น ตอนนี้กองกำลังทหารเสริมยังมาไม่ถึง ที่นี่นับว่าอันตรายมาก ข้ากลัวจะดูแลท่านไม่ได้ ท่านพี่ ช่วงนี้ท่านจะอยู่กับข้าไม่ได้ มิเช่นนั้นอาจมีอันตรายถึงชีวิต”

 

 

“อันตรายเพียงนี้ เจ้าต้องระวังตัวนะ”

 

 

เมื่อได้ยินว่าเซียวอวี่จะมีอันตราย เซียวหนิงก็รู้สึกห่วงเขาขึ้นมาอย่างมาก

 

 

เซียวอวี่กลับมั่นใจยิ่ง เหมือนไม่เห็นกลุ่มโจรพวกนั้นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ “ข้าดูแลตนเองได้ ข้าห่วงแค่ท่าน ท่านอย่ามาคอยฉุดขาข้าให้ลำบากก็พอแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปส่งท่านที่ตระกูลมู่หรง มู่หรงฮูหยินเป็นสหายของเสด็จแม่ ย่อมต้องดูแลท่านอย่างดีแน่”

 

 

“ตระกูลมู่หรงที่เฉาโจวเป็นตระกูลเดียวกันกับตระกูลมู่หรงในรัชกาลก่อนใช่หรือไม่”

 

 

“ใช่พวกเขานั่นแหละ มู่หรงฮูหยินเป็นสหายสนิทของเสด็จแม่ เดิมคิดว่าเมื่อเสร็จงานแล้วจะพาท่านไปเยี่ยมมู่หรงฮูหยินด้วยซ้ำ ฝากท่านไว้ให้มู่หรงฮูหยินดูแลข้าก็สามารถวางใจได้ พรุ่งนี้ไปส่งท่านจะถือโอกาสไปเยี่ยนมคารวะด้วยเสียเลย”

 

 

เซียวหนิงให้ชุนฉินเอาขนมที่ซื้อไว้ออกมา นางเอาขนมยัดใส่มือเซียวอวี่ “ข้าซื้อมาให้เจ้า อาอวี่ รับปากข้าว่าเจ้าจะต้องกลับมารับข้าอย่างปลอดภัย ข้าจะรอเจ้าที่ตระกูลมู่หรง”

 

 

“โถ่ ท่านพี่ แค่โจรไม่กี่คน หากข้าจัดการไม่ได้ ต่อไปจะบริหารบ้านเมืองได้อย่างไร” เซียวอวี่แม้อายุยังน้อย แต่ท่าทีน่าเกรงขามดูบารมียิ่ง ความดุดันของเขามีมากกว่าเซียวเหยี่ยนผู้เป็นบิดาเสียอีก

 

 

“อย่าได้ดูเบาศัตรูไป” เซียวหนิงรู้ว่าเซียวอวี่วรยุทธ์สูงส่ง แต่ก็กลัวว่าเขาจะมั่นใจเกินไปจนประมาทศัตรู จึงเอ่ยเตือน

 

 

“ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร ข้าไม่ใช่พวกมีแค่เพียงบรรดาศักดิ์แต่ไร้ความคิด โจรกลุ่มนี้กล้าปล้นชิงของราชสำนัก มันย่อมต้องมีความสามารถไม่ธรรมดา ข้าจะต้องเอาเงินและเสบียงกลับคืนมาให้ได้”

 

 

เซียวหนิงเห็นเซียวอวี่เอ่ยเช่นนี้ก็ไม่พูดอะไรมากอีก ต้องไปอยู่ตระกูลมู่หรง เช่นนั้นนางก็จะได้พบกับชายประหลาดที่เดินชนนางวันนี้ใช่หรือไม่

 

 

เซียวหนิงรู้สึกสนใจในตัวชายผู้นั้นไม่น้อย จึงเอ่ยถามต่อว่า “อาอวี่ บุตรชายของมู่หรงฮูหยินเป็นคนไม่ใคร่ชอบพูดจาใช่หรือไม่”

 

 

“ท่านหมายถึงมู่หรงเซียงหนานบุตรชายคนเดียวของมู่หรงฮูหยินหรือ เขาเคยได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เยาว์วัยทำให้เสียหูไปหนึ่งข้าง เป็นคนไม่ค่อยพูดจาจริงๆ ท่านคงไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ”

 

 

“เจ้าพูดเหลวไหลอันใด ข้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง”

 

 

เซียวหนิงนึกถึงตอนที่นางพบกับมู่หรงเซียงหนาน ผมที่ร่วงตกลงมาปิดที่ใบหูของเขาทำให้นางไม่ได้สังเกตจุดนั้น ได้รับบาดเจ็บจากอะไรกันแน่ถึงทำให้เด็กผู้หนึ่งต้องเสียหูไปถึงข้างหนึ่ง เรื่องที่เขาไม่ชอบพูดจาจะเกี่ยวกับสิ่งที่ได้พบเมื่อตอนเยาว์วัยหรือไม่ ยิ่งคิดเซียวหนิงก็ยิ่งรู้สึกสนใจในเรื่องราวของมู่หรงเซียงหนาน

 

 

“ท่านพี่ คิดอะไรอยู่ รีบกลับห้องเถิด ข้ายังต้องไปปรึกษาเรื่องจับพวกโจรกับใต้เท้าจังอีก”

 

 

“อย่านอนดึกเล่า และต้องกินขนมที่ข้าซื้อมาให้หมดด้วย” เซียวหนิงเอ่ยกำชับแล้วเดินออกจากห้องเซียวอวี่ ก่อนหน้านี้นางไม่เคยได้ยินหลิงอวี้จื้อพูดถึงสหายเก่าที่อยู่ในเฉาโจวเลย หรือหลิงอวี้จื้อก็เป็นคนไร้ไมตรีคนหนึ่งเช่นกัน

 

 

เมื่อนึกถึงมู่หรงเซียงหนานที่บังเอิญพบกันวันนี้ นางก็รู้สึกเฝ้ารอที่จะได้ไปที่ตระกูลมู่หรงขึ้นมา คล้ายว่ามู่หรงเซียงหนานมีบางอย่างที่แสนพิเศษที่สามารถดึงดูดนางเอาไว้ได้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 749 พักอาศัยในจวนมู่หรง

 

 

เช้าวันต่อมาเซียวอวี่ก็พาเซียวหนิงไปที่ตระกูลมู่หรง เมื่อรู้ว่าพวกเขามา จูจิ่น มู่หรงฮูหยินจึงพามู่หรงเซียงหนานมาต้อนรับที่หน้าประตูด้วยตนเอง เมื่อเห็นเซียวหนิงและเซียวอวี่มาถึง นางก็พาบ่าวไพร่ในจวนแสดงความเคารพอย่างนบน้อมทันที “หม่อมฉันถวายพระพรไท่จื่อและองค์หญิงเพคะ”

 

 

เซียวอวี่ก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วพยุงจูจิ่นให้ยืนขึ้น “มู่หรงฮูหยินไม่ต้องมากพิธี ข้ากับพี่ใหญ่ต่างหากที่มารบกวนท่านแล้ว”

 

 

“ไท่จื่อกับองค์หญิงมาพักที่นี่ นับเป็นวาสนาของจวนมู่หรง ไท่จื่อ องค์หญิง เชิญเพคะ”

 

 

จูจิ่นผายมือเชิญทั้งสองเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ สาวใช้ต่างยกน้ำชาเข้ามาต้อนรับทันที

 

 

จูจิ่นลอบสังเกตเซียวอวี่และเซียวหนิงอยู่เงียบๆ เด็กสองคนนี้ช่างคล้ายบิดามารดานัก องค์หญิงคล้ายเซียวเหยี่ยน เซียวอวี่คล้ายหลิงอวี้จื้อยิ่ง

 

 

หลังจากที่มาตั้งรกรากอยู่ที่เฉาโจว นางก็ไม่ได้จากเฉาโจวไปไหนอีกเลย นางกับหลิงอวี้จื้อและเซียวเหยี่ยนไม่ได้พบกันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก ยังจำตอนที่ร่ำสุราด้วยกันได้อยู่แท้ๆ พริบตาเวลาก็ผ่านไปถึงยี่สิบกว่าปีแล้ว

 

 

มู่หรงเซียงหนานที่นั่งอยู่ด้านข้างเอาแต่เงียบไม่พูดจา จู่จิ่นกำลังเอ่ยถามไถ่พวกเขาอยู่ นางจึงถามต่ออีกว่า “ฮ่องเต้กับฮองเฮาทรงสบายดีหรือไม่”

 

 

“เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ทรงสบายดี ก่อนหน้านี้มักจะได้ยินเสด็จแม่เอ่ยถึงมู่หรงฮูหยินอยู่บ่อยครั้ง ทราบดีว่าฮูหยินเป็นสหายสนิทของเสด็จแม่ เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้พบหน้าสักที ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบแล้ว มารบกวนกะทันหันเช่นนี้เป็นเรื่องไม่สมควรยิ่ง แต่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำจึงไม่อาจดูแลพี่ใหญ่ได้ คงได้แต่ฝากพี่ใหญ่ไว้ที่นี่ชั่วคราวก่อน หวังว่ามู่หรงฮูหยินจะช่วยดูแลนางสักหน่อย”

 

 

“ไท่จื่อพูดอันใดกัน องค์หญิงมาพักที่จวนมู่หรงนับเป็นเกียรติกับจวนมู่หรงแท้ๆ” จูจิ่นมีท่าทีอ่อนโยนยิ่ง ใบหน้าก็แต้มด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ

 

 

เซียวหนิงที่ชมชอบเจรจาอยู่เสมอกลับไม่พูดแทรกอันใดเลย นางกำลังลอบสังเกตมู่หรงเซียงหนาน เมื่อวานตอนที่เดินชนเขา เขารีบเดินหนีไปจึงไม่ทันสังเกตว่าเขามีหน้าตาเช่นไร ยามนี้ได้มามองใกล้ๆ นางจึงได้เห็นชัดกับตาแล้ว

 

 

มู่หรงเซียงหนานนับเป็นบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง นัยน์ตาหงส์ องคาพยพทั้งห้าคมเข้ม จมูกเป็นสัน ผิวขาว เพียงแต่หน้าตาเย็นชามากไปสักหน่อย ตลอดเวลานางไม่เคยได้ยินเขาพูดเลยสักคำ หากไม่รู้จักกันคงคิดว่าเขาเป็นใบ้แน่ๆ

 

 

เมื่อเห็นว่าเซียวหนิงเอาแต่ลอบมองมู่หรงเซียงหนาน เซียวอวี่ก็แค่นเสียงแผ่วเบาขึ้นคราหนึ่งเป็นการเตือนสติเซียวหนิงว่าอย่าจ้องบุรุษอย่างเปิดเผยถึงเพียงนั้น อย่างน้อยนางก็เป็นถึงองค์หญิง

 

 

เซียวหนิงเห็นจูจิ่นมองมาที่ตนพอดี ยิ่งรู้สึกประหม่า เมื่อครู่นางคงมองอย่างเปิดเผยเกินไปใช่หรือไม่ นางจึงเผยรอยยิ้มเจิดจ้าให้กับจูจิ่น “ฮูหยิน ท่านกับเสด็จแม่รู้จักกันมานานแล้วหรือ”

 

 

“นานแล้ว ยี่สิบกว่าปีได้เพคะ”

 

 

“ตอนที่เสด็จแม่ยังเป็นเพียงสาวน้อย ท่านเป็นเช่นใดหรือ แล้วรู้จักกับเสด็จพ่อได้อย่างไร…” เซียวหนิงสนใจเรื่องในอดีตเหล่านี้มาก แต่หลิงอวี้จื้อไม่ยอมบอกนาง ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบกับสหายเก่าของเสด็จแม่เมื่อตอนยังเป็นสาวน้อย นางไม่มีทางปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้หลุดไปได้แน่

 

 

เซียวอวี่คิดไม่ถึงว่าเซียวหนิงจะถามคำถามเหล่านี้ นางคิดว่าที่นี่คือในวังหรืออย่างไร

 

 

เขาแค่นเสียงฮึเป็นการเตือนสติคราหนึ่ง “พี่ใหญ่ อย่าเสียมารยาท ที่นี่ไม่ใช่วังหลวง”

 

 

“หากองค์หญิงอยากทราบ ประเดี๋ยวอยู่กันสองคน หม่อมฉันจะเล่าให้ฟังเองเพคะ”

 

 

จู่จิ่นกลับชอบเซียวหนิงยิ่ง นางมีอุปนิสัยตรงไปตรงมา ดูแล้วคล้ายหลิงอวี้จื้อนัก โดยเฉพาะยามยิ้มยิ่งเหมือนหลิงอวี้จื้อ