บทที่ 4 บทที่ 76 ปีศาจ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 76 ปีศาจ โดย Ink Stone_Fantasy

เอลลีถูกตำรวจทั้งสองคนจับใส่กุญแจมือเอาไว้ อีกทั้งยังถูกเอาผ้ายัดปากไว้ด้วย ตำรวจคนหนึ่งจับมือของเธอไปไพล่หลัง เพื่อป้องกันเธอหนี

เห็นได้ว่าในดวงตาของเอลลีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความไม่สบายใจ และน้ำตายังคลอเต็มเบ้า

แล้วตำรวจอีกคนก็หันหน้าออกไปมองนอกประตูบ้านพัก แล้วตะโกนลั่นว่า “จับผู้ป่วยได้แล้ว คุณนาย คุณผู้ชายครับ พวกคุณเข้ามาหาลูกสาวพวกคุณได้แล้วครับ”

พูดจบ เงาคนเงาหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

 นั่นคือคุณนายแม็กกี้

 คุณนายแม็กกี้รีบวิ่งเข้ามาในบ้านพักอย่างทุลักทุเล ตอนที่เธอเห็นลูกสาวของตัวเองหลับสนิทอยู่บนโซฟา ถึงได้ถอนหายใจ รีบเดินไปข้างตัวลูกสาวอย่างรวดเร็ว แล้วกระชับเธอไว้ในอ้อมอก

“คุณแม่…” สาวน้อยลีน่าขยี้ตาตื่นขึ้นมา พอเห็นแม่ของตัวเอง ก็ร้องเรียกอย่างดีใจ ในขณะเดียวกันสาวน้อยก็ได้ยินเสียงอีกคนหนึ่ง

 เสียงของคุณพ่อเธอนั่นเอง “คุณพ่อคะ!”

 “ลีน่า!”

เงาคนอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกบ้านพัก คนคนนี้เป็นพ่อของเด็กสาวที่ลั่วชิวเห็นบนรถไฟ บนใบหน้าของเขามีรอยแผลมากมาย เหมือนถูกของบางอย่างบาดผิวหนังมาอย่างไรอย่างนั้นอีกทั้งหน้าผากของเขายังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ พร้อมรอยเลือดซึมออกมาเล็กน้อย

แล้วยังเนื้อตัวมอมแมมเหมือนไปคลุกดินคลุกทรายมา

เขาเดินมาตรงหน้าแม่และลูกสาวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างโอบกอดทั้งคู่ไว้ แล้วพูดอย่างปลิ้มปริ่ม “ดีเหลือเกิน! ดีเหลือเกิน! พ่อยังกลัวว่าพวกเธอจะเป็นอะไรไป! ดีเหลือเกิน!”

ดวงตาของสามีคุณนายแม็กกี้เริ่มมีน้ำตารื้นอยู่น้อยๆ

 “อย่าขยับ!” ตำรวจที่จับเอลลีเอาไว้ตะโกนใส่เธอ “เธอจะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่นอีกใช่ไหม?”

 เอลลีกลับดิ้นแรงขึ้น และด้วยเธอถูกอุดปากไว้จึงทำได้แค่ส่งเสียงฮือๆๆ เท่านั้น

“ใครช่วยอธิบายให้ผมฟังได้บ้างครับ?” ลั่วชิวเออ่ยปากถามเบาๆ

แล้วตำรวจอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามามอง “คุณเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้?”

ลั่วชิวพยักหน้าไปตามน้ำ

ตำรวจคนนั้นชี้ไปทางเอลลีที่ถูกจับตัวไว้แล้วพูดว่า “หนึ่งปีก่อนจู่ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นบ้า ใช้มีดแทงเพื่อนหลายคนบาดเจ็บ ก็เลยถูกจับครับ ต่อมาถูกวินิจฉัยว่ามีแนวโน้มใช้ความรุนแรง และมีปัญหาทางสภาพจิตใจขั้นร้ายแรง เธอพยายามหนีออกมาจากโรงพยาบาลหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับ”

ลั่วชิวพยักหน้ารับรู้

จากนั้นตำรวจก็ดูเวลาบนข้อมือ “อืม เมื่อวานตอนบ่าย ผู้หญิงคนนี้แอบหนีออกมาได้อีกครั้ง พอทำให้คนขับที่เติมน้ำมันในปั๊มใกล้ๆ สลบไปแล้ว เธอก็ขโมยรถอีกฝ่ายขับหนีมา หลังจากพวกเราได้รับแจ้ง ก็รีบตามตำแหน่งของรถยนต์มาตลอดทางจนเจอที่นี่ครับ แล้วก็บังเอิญเจอคุณมาร์กซ์คนนี้ด้วยครับ”

ตำรวจยักไหล่พูด “คุณมาร์กซ์น่าสงสารมากนะครับ ตอนที่เขาทำธุระส่วนตัวดันไปเจอผู้หญิงที่หนีมาคนนี้เข้า จากนั้นก็ถูกอีกฝ่ายทำร้ายจนสลบไป แต่คุณต้องรู้นะครับ ผู้หญิงคนนี้มีพฤติกรรมผิดปกติจากปัญหาทางจิตร้ายแรง ถึงจะฟ้องร้องไป ก็คงไม่มีผลอะไร”

 “ไม่เป็นไรครับ…ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้วครับ” คุณมาร์กซ์ส่ายหน้า เขามองเอลลีแวบหนึ่ง ก่อนถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้ก็น่าสงสาร ผมคงไม่สืบสาวเอาความหรอกครับ”

“ครับ ขอบคุณสำหรับความใจกว้างนะครับ” ตำรวจแย้มยิ้มเล็กน้อย

ยังไงก็ต้องยิ้ม…เพราะไม่สืบสาวเอาความก็เท่ากับลดปริมาณงานของเขาลง จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงล่ะ

มาร์กซ์ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่สางผมลูกสาวด้วยความรักใคร่ ด้วยกลัวเธอจะขวัญหนีดีฝ่อ

แล้วคุณนายแม็กกี้ก็มองไปรอบๆ เล็กน้อย แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “จริงสิ คุณอเล็กซ์ล่ะ? เมื่อกี้นี้ตอนที่ฉันออกไปหาสามีกับเขา ฉันเผลอตกลงไปในหลุมจนเท้าเจ็บ ยังดีที่เจอตำรวจสองคนตามรอยมาถึงที่นี่ พวกเราคุยกันเล็กน้อย ถึงได้รู้ว่าที่จริง…คุณเอลลีคนนี้เป็นผู้ป่วย”

ตำรวจทั้งสองกลัวว่าการบุกเข้ามาตรงๆ จะทำให้เอลลีหนีไป จึงขอให้อเล็กซ์กลับมาดูสถานการณ์ก่อน …แต่รอนานแล้วกลับไม่ได้รับข่าวอะไรเลย

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงต้องพาสามีภรรยากลับเข้ามาเงียบๆ

ตำรวจสองคนซุ่มอยู่ด้านนอกหน้าต่างบ้านพัก พอแอบสอดแนมเงียบๆ อยู่สักพักหนึ่ง พวกเขาก็เห็น เอลลีกำลังคุยกับเจ้าของบ้านด้วยท่าทางใจเย็น จึงตัดสินใจผลักประตูเข้ามาจับตัว

“คุณตำรวจ ผมกับภรรยาพาลูกสาวกลับมาเยี่ยมคุณย่าในวันหยุดครั้งนี้ ผมไม่อยากให้เสียเวลา…”

มาร์กซ์ถอนหายใจแล้วพูดอีกว่า “แล้วผมก็ไม่อยากเอาความเรื่องนี้แล้ว ยังไงเธอก็เป็นแค่ผู้ป่วย น่าจะไม่ต้องตรวจร่างกายก็ได้ใช่ไหมครับ? แล้วผมลงบันทึกที่นี่ได้ใช่ไหมครับ? ผมไม่อยากไปสถานีตำรวจเท่าไร เกรงว่ากลับไปกลับมาแบบนี้คงจะเสียวันหยุดไปเปล่าๆ น่ะครับ”

ตำรวจใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ได้ครับ แต่คุณต้องเขียนจดหมายรับประกันฉบับหนึ่งว่าคุณยินยอมเอง พวกเราก็ไม่อยากให้คุณผู้ชายมีปัญหาภายหลังแล้วมาโทษว่าพวกเราไม่รับผิดชอบ เพราะนี่เป็นสิ่งที่คุณยินยอมเอง ได้หรือเปล่าครับ?”

หลังมาร์กซ์คิดอยู่สักพัก ก็พยักหน้าเบาๆ

“งั้นมาเริ่มลงบันทึกกันเถอะครับ” ตำรวจหยิบกระดาษกับปากกาออกมา นอกจากนี้ยังมีปากกาบันทึกเสียง “คุณช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาอีกครั้งนะครับ”

มาร์กซ์จึงเริ่มเล่าเรื่องช้าๆ “ที่กลางป่าริมถนน ตอนนั้นพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว ผมเพิ่งคิดจะทำธุระ…แต่อยู่ๆ ก็เห็นเงาคนคนหนึ่งแวบผ่านไป ตอนนั้นผมก็ตกใจอยู่เหมือนกัน นึกว่าโดนอะไรเข้าแล้ว แต่หลังจากมองชัดๆ ก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนั้นผมแปลกใจมาก เพราะเธอเดินท่าทางล่องลอยมาก…สรุปก็คือเป็นท่าทางทีชวนให้รู้สึกแย่แบบนั้นน่ะครับ ผมก็เลยลองเรียกเธอไปสองครั้ง แต่เธอก็ไม่ตอบโต้เลย ผมเลยเดินเข้าไปหา คิดไม่ถึงว่า …”

มาร์กซ์คลำบาดแผลตรงหน้าผาก “จู่ๆ เธอก็พุ่งเข้ามาหาผมอย่างบ้าคลั่ง ระหว่างการต่อสู้ ผมถูกเธอใช้หินทุบตรงนี้จนบาดเจ็บ จากนั้นก็สลบไปเลยครับ”

ตำรวจพยักหน้า พร้อมกับจดบันทึกอย่างตั้งใจ

“ตำรวจครับ ช่วยเอาผ้ายัดปากของคุณเอลลีออกได้ไหมครับ? ผมว่าเธอคงอยากพูดอะไรบางอย่าง” ลั่วชิวพูดพร้อมกับมองเอลลี

ทว่าตำรวจกลับพูดขอไปที “อย่าเลยครับ ถ้าเธอกัดลิ้นตัวเองไปจะทำยังไงครับ? โรงพยาบาลบอกว่า เธอมีพฤติกรรมจะฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว อีกอย่างถ้าเป็นผู้ป่วยทางจิต ถึงพูดไปก็ไม่มีผลทางกฎหมายอยู่ดีครับ”

ตำรวจไม่ได้พูดผิดเลยแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น เอลลีก็ดิ้นหลุดจากมือของตำรวจอีกคนที่จับเธอไว้ แล้วก็ทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้แต่กลับทรงพลังอย่างมากออกมา มือทั้งสองของเธอถูกใส่กุญแจไพล่หลังไว้ แต่เธอกลับยังใช้ร่างกายของตัวเองกระแทกประตูอย่างบ้าบิ่น

เธอคงอยากจะพูดอะไร แต่กลับไม่มีใครฟังเข้าใจ เพราะก้อนผ้าในปากได้ปิดกั้นการสื่อสารของเธอไปแล้ว

เนื่องจากเธอทำอะไรได้ไม่สะดวกนัก ไม่นานก็ถูกตำรวจสองคนกดลงไปกับพื้นอีกครั้ง

เอลลีดิ้นไปมาอย่างบ้าคลั่งบนพื้น ก่อนเงยหน้าขึ้นมาพยายามออกแรงกัดผ้าในปากอย่างแรง ทั้งยังถลึงตาโตจนลูกตาแทบจะทะลักออกมาจากเบ้า ซ้ำการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งยังทำให้ใบหน้าของเธอเห่อแดงไปด้วย

ตอนนี้เธอกำลังจ้องลั่วชิวตาเขม็ง

ในดวงตาฉายแวววิงวองอย่างไร้ที่สิ้นสุด

เธอเบิกตาอยู่แบบนี้ตลอด แม้ว่าเธอจะถูกตำรวจสองคนลากไปแล้ว แต่เธอก็ยังถลึงตาโตจ้องมองมา…จนกระทั่งเธอถูกลากออกไปจากประตูบ้านนี้

“ลงบันทึกเสร็จแล้วครับคุณมาร์กซ์ หวังว่าคุณจะเปิดมือถือไว้ตลอดนะครับ มีเรื่องอะไรพวกเราจะติดต่อคุณไป” ตำรวจคนหนึ่งหันหน้ากลับมาพูดอีก “ตอนนี้พวกเราจะพาผู้ป่วยกลับไปก่อน แล้วเดี๋ยวจะนำรถที่สูญหายคันนี้ส่งคืนเจ้าของรถครับ ขอให้พวกคุณมีความสุขในวันหยุดนะครับ คุณมาร์กซ์”

วินาทีที่เอลลีถูกผลักขึ้นรถตำรวจ เธอก็เอาหัวกระแทกกับหน้าต่างรถทันที …ราวกับว่าอยากพุ่งหนีออกไปจากทางหน้าต่างนี้ให้ได้

ตอนนี้ดวงตาของเธอก็ยังเบิกกว้างอยู่ …จนกระทั่งรถแล่นจากไปไกล จนมองไม่เห็นอีกเลย

จากนั้นคุณสาวใช้ก็ปิดประตูเบาๆ ภายนอกมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากในบ้านส่องไปที่ลานสนามหญ้านอกบ้านเป็นแสงสลัวๆ จึงพอมองเห็นสีเขียวเข้มในความมืดได้เล็กน้อย

 …

“คาดไม่ถึงว่าจะเจอคุณที่นี่”

หลังจากผ่านไปสักพัก มาร์กซ์สามีของคุณนายแม็กกี้ถึงพูดยิ้มพูดทำลายความเงียบ “ตอนแรกพวกเราควรจะผ่านถนนเส้นนี้ไปเลย คาดไม่ถึงว่าจะต้องมาหยุดกลางคันแบบนี้”

ตอนนี้พอคุณนายแม็กกี้เห็นบาดแผลของสามี ก็รีบพูดขัดก่อน“ ขอโทษนะคะ ที่นี่มีกล่องยาไหมคะ? ฉันคิดว่าสามีของฉันต้องทำความสะอาดบาดแผลพวกนี้ก่อน อีกอย่าง…คืนนี้พวกเราคงต้องขออาศัยที่นี่แล้วล่ะค่ะ พวกเราไม่เป็นอะไร แต่ว่า …”

เธอมองลูกสาวของตัวเองแวบหนึ่ง เด็กขนาดนี้เกรงว่าคงตกใจแย่เลย เธอผู้เป็นแม่ ต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบมาปลอบโยนลูกสาวของของเธอให้เต็มที่สักหน่อย

“ฉันไปลองหากล่องยานะคะ” โยวเย่ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินจากไป

แล้วมาร์กซ์ก็รู้สึกได้ว่าเจ้าของบ้านพักเหมือนมองเขาอยู่ตลอด แต่พอเขามองใบหน้าลั่วชิวกลับต้องชะงักไป

นี่ทำให้เขาตกใจจริงๆ …ตอนที่ถูกสายตาแปลกๆ จ้องมองพร้อมกับรอยยิ้มคลุมเครือแบบนี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจพิลึก

“ขอโทษนะครับ…ผมขอยืมใช้ห้องน้ำที่นี่ได้ไหมครับ?” มาร์กซ์ใช้มือดึงคอเสื้อของตัวเอง “ผมอยากทำความสะอาดตัวสักหน่อยน่ะครับ”

ลั่วชิวคลี่ยิ้มเล็กน้อย แล้วยื่นมือชี้ไปทางหนึ่ง พูดเบาๆ ว่า “ทางนั้นครับ…ผมจะให้คนเตรียมผ้าขนหนูให้คุณนะครับ”

มาร์กซ์พยักหน้า

เขาไม่อยากอยู่ตรงหน้าวัยรุ่นชาวตะวันออกคนนี้นานนัก …เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เลยได้แต่เดินก้มหน้าไปตามทางที่ลั่วชิวชี้อย่างรวดเร็ว

 “แม็กกี้ คุณก็มาอาบน้ำสักหน่อยสิ พาลีน่ามาด้วยล่ะ” เขาหันหน้ากลับมาพูด

ตอนที่ห้องรับแขกเหลือเพียงลั่วชิว เขาจึงนั่งลงไปอีกครั้ง  แล้วฉีกเปิดซองจดหมายสีดำที่อเล็กซ์ทิ้งไว้ให้ซองนั้น

ลั่วชิวหยิบการ์ดสีดำขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือใบหนึ่งออกมา

มุมด้านหนึ่งของการ์ดดำตั้งอยู่กลางฝ่ามือของลั่วชิว แล้วเริ่มหมุนช้าๆ …พอมองมัน ลั่วชิวก็ถูกดูดเข้าไปอยู่ในห้วงความคิด

ทันใดนั้นเอง สายตาของเจ้าของร้านลั่วก็ดุดันขึ้นมา

ผิวของการ์ดดำที่เคลือบสีดำเอาไว้ลอกออกจนหมด เผยให้เห็นการ์ดสีทองเงินวิบวับข้างใน…

“ใบที่สอง”

พอรถตำรวจที่ขับอยู่ข้างหน้าหยุดลง ตำรวจที่ขับรถของกลางอยู่ด้านหลังก็จอดตาม

แล้วตำรวจที่อยู่ข้างหน้าก็พาตัวเอลลีลงมาจากที่นั่งด้านหลัง

ส่วนตำรวจจากคันหลังก็ลงจากรถเดินมาข้างหน้า

ที่นี่เงียบสงบไร้ผู้คน สองข้างทางเป็นขอบหน้าผาที่ถูกความมืดกลืนกิน มองไม่เห็นปลายทาง แต่พวกเขาก็ยังเห็นสภาพรอบด้าน

ตอนนี้ตำรวจข้างหน้าหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนมองคู่หูของตัวเอง แล้วคู่หูก็พยักหน้า

ทั้งสองลากเธอเข้าไปในป่าโดยไม่สนการดิ้นรนของหญิงสาวคนนี้ แล้วก็ล็อกมือทั้งสองของเธอไว้กับต้นไม้

หนึ่งในนั้นเริ่มถอดกางเกงของตัวเอง ส่วนอีกคนก็คอยปลดเสื้อผ้าบนตัวเอลลีออก…แต่เขาปลดไปได้แค่ครึ่งเดียวก็ยั้งมือ “รอเดี๋ยว…”

“อะไรนะ? ผมถอดกางเกงขนาดนี้แล้ว คุณจะบอกให้ผมหยุด? คุณอยากจัดการก่อนหรือไง?” ตำรวจอีกคนพูดอย่างไม่พอใจ

“ไม่ใช่…คุณดูสภาพเธอสิ มันผิดปกติไปบ้างหรือเปล่า?”

ตั้งแต่เมื่อกี้นี้…หรือพูดให้ถูกก็คือ ตั้งแต่ล็อกตัวเธอไว้กับต้นไม้ หญิงสาวคนนี้ก็ไม่ขัดขืนอีกเลย

ตาของเธอนิ่งค้างและเบิกกว้าง จนเหมือนกะพริบตาไม่เป็นไปแล้ว

“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ผมว่ามีบางอย่างแปลกๆ…” คนที่ยั้งมือไว้ขมวดคิ้ว “ผู้หญิงคนนี้จ้องผมจนเริ่มอึดอัดแล้วสิ”

คนที่ถอดกางเกงออกมาได้ยิน ก็เอากางเกงไปพันรอบตาทั้งสองของเธอทันที แล้วยังยื่นมือไปตบใบหน้าของหญิงสาวอีก ก่อนแสยะยิ้มพูดว่า “แค่นี้ก็โอเคแล้ว? รีบหน่อย เสร็จแล้วยังต้องทำความสะอาดก่อนเอาตัวกลับไปอีกนะเว้ย! วางใจได้ นี่ก็แค่ผู้ป่วยโรคจิต ไม่ว่าเธอพูดอะไรก็ไม่มีคนเชื่อหรอก”

พูดจบเขาก็เข้าไปแนบชิดตัวเอลลี แล้วเริ่มขบเม้มต้นคอขาว …จนความรู้สึกสุขสมมาเยือน

แล้วจึงเริ่มลูบไล้ไปจนสัมผัสเข้ากับบริเวณกลีบอ่อน ฉับพลันก็ยิ่งรู้สึกถึง

ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวมาจากใบหูของเขา!

อ๊า*!*

เขาร้องเสียงแหลม จากนั้นก็ร้องโอดครวญเป็นระยะ พร้อมจับหูของตัวเองอย่างทรมาน ตอนนี้ใบหูของเขาถูกกัดจนขาดแล้ว เลือดสดๆ ไหลนองเต็มครึ่งใบหน้าของเขา

“อ๊า*!!*”

ไม่รู้ว่าผ้าที่ยัดอยู่ในปากของหญิงสาวถูกคลายออกมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ทว่าปากของเธออาบไปด้วยเลือดสีแดงสดแล้ว …เธอ

เธอกำลังเคี้ยวหูส่วนที่ขาดไปข้างนั้น

กุญแจมือที่ล็อกเธออยู่ก็ขาดแล้วเช่นกัน หญิงสาวใช้มือฉีกกางเกงบนใบหน้าออก เผยให้เห็นดวงตาสีแดงฉาน…พร้อมทั้งเบ้าตาที่กำลังปริออก

ดวงตาแดงฉาน …อีกทั้งปากยังฉีกออกจากกัน

“ปี…ปีศาจ!”

พวกเขาขวัญหนีดีฝ่อ ล้มหงายพับอยู่กับพื้นทันที พร้อมทั้งถีบขาของตัวเองอย่างหวาดกลัว ด้วยคิดจะถอยหนี

แต่เธอก็พุ่งเข้ามาก่อน ทั้งสองมือแทรกเข้าไปกลางอกของหนึ่งคนในนั้น แล้วฉีกมันออกจากกัน

ส่วนตำรวจอีกคนที่เหลือก็กลัวมากเกินไป จนเขาไม่อาจคิดใคร่ครวญทุกอย่างได้ …และไม่ทันสังเกตเห็นว่า ด้านหลังของหญิงสาวที่กลายร่างเป็นปีศาจคนนี้ มีม้วนหนังแกะโบราณม้วนหนึ่งแผ่กว้างออกมา

จริงๆ เขาอาจจะมองไม่เห็นเลยก็ได้

เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขามองเห็นได้

ยามนี้ท้องฟ้ากำลังมืดมิดลงเสียแล้ว