” เจ้าควรตาย ! ”

จวินโม่เซี่ยเหลือบมองกลับไป

” ผู้เป็นอัจฉริยะได้ดูแลการบาดเจ็บของเขาแล้ว แล้วเจ้ายังกล้าถามว่าเขาตายอีกอย่างนั้นหรือ ? ”

ในเวลานี้ ไฮ่เฉินเฟิง เดินออกมาจากห้องโอสถ

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กำลังจะอ้าปากเพื่อตะโกนใส่ จวินโม่เซี่ย ตอนนี้เขาเบิกตากว้าง และอ้าปากค้างด้วยความอัศจรรย์ที่ประจักดิ์ต่อสายตา

เขานั้นอยู่ระหว่างเป็นตายในตอนที่ข้านำพาเขามายังที่นี่ และเวลานี้มันเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง แต่เขากลับเดินออกมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ?  แม้แต่หมอเทวดา ก็มิอาจรักษาผู้คนได้ไวเช่นนี้ใช่ไหม ?

โลกนี้กลับตาลปัดไปแล้วใช่ไหม ?  และวันนี้ข้ากำลังยืนอยู่ในวังมัจจุราช ?

” เอ๋ ? “

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ขยี้ตาอย่างเหลือเชื่อ

” ไม่เป็นไร ?  ความแข็งแกร่งของเขาได้รับการฟื้นฟูแล้ว ? ”

” ไม่เป็นไร ! ”

ไฮ่เฉินเฟิง ตอบกลับมาด้วยความเฉยชา บ่งบอกถึงโทสะที่อยู่ในใจเขาอย่างชัดเจน

” ไม่เคยดีเช่นนี้มาก่อนเลยท่านอาจารย์เหยี่ยว หมอเทวาดรักษาร่างกายข้าจนเป็นปกติ ”

” เจ้าพยายามจะทำอะรไ  เจ้ารู้ถึงราคาที่ต้องจ่ายในเคล็ดลับโง่ๆนี่หรือไม่ ?  เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องแบกรับคำตำหนิมากเท่าใดเพื่อช่วยเหลือชีวิตของเจ้า ?  ไม่เจ้ายังไม่คิด ! ”

โทสะทั้งหมดในใจของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟ

ไฮ่เฉินเฟิง ผู้สงบไม่สามารถตอบกลับไปได้ เมื่อเขาพบว่าร่างของเขานั้นถูกโยนลงไปบนพื้นโดยพี่น้องของอาจารย์ หลังจากนั้นเขาพบว่าร่างของเขากลายเป็นเป้าหมายของพายุฝนแห่งลูกเตะและหมัด

การทารุณนี้ประจักษ์ชัดต่อสายตาของถังหยวน ผู้ที่ยังคงนอนแผ่อยู่บนพื้น กำลังขาที่มีเพียงน้อยนิดของเขาได้หมดลงไปอีกครั้ง และพบว่าร่างของเขานั้นเปียกชุ่มยิ่งกว่าแต่ก่อน ขณะที่หัวของเขาเริ่มส่าย … ในขณะที่เขามองเหตุการณ์นี้อยู่ กล้ามเนื้อบนใบหน้าขอเจ้าอ้วนเริ่มบิดเบี้ยวได้ด้วยความหวาดกลัว …

เวลานานถัดมา

” พวกเจ้าเล่นกันเสร็จแล้วยัง ? ”

จวินโม่เซี่ยตะโกนออกไป

” ขออีกหน่อย แล้วข้าก็จะพอ “

สุดท้าย เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว จึงยืนขึ้น เตะและต่อย ไฮ่เฉินเฟิงอีกสองสามครั้ง และจากนั้นเขาจึงถอยหลังมา ปล่อยให้ ไฮ่เฉินเฟิง ผู้ที่มีดวงตาดำคล้ำร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดขณะที่กลิ่งอยู่บนพื้น

” อย่าได้แตะต้องเขาอีก เขาต้องรีบไปแล้วทำงานที่อาจารย์ต้องการให้สำเร็จ ”

จวินโม่เซี่ยเริ่มมีโทสะ  ไฮ่เฉินเฟิง เป็นเพื่อนของเขาแล้วในตอนนี้ และการเฝ้าดูเพื่อนของเขาโดนทารุณนั้นมิใช่สิ่งที่น่ายินดีนักสำหรับเขา

ไฮ่เฉินเฟิงเพิ่งจะได้รับการทารุนอย่างโหดร้าย แต่เขากลับลุกขึ้นมาโดยไม่สนในความเจ็บปวดและรีบจากไปอย่างรวดเร็ว …

จวินโม่เซี่ย หันไปและเหลลือบมองไปยัง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

” เอ๋ !!! ”

เสียงกรีดร้องดังผ่านลานบ้านมาทำให้พวกเขาทั้งสองตกตะลึง

เด็กสาวตัวน้อยกำลังถือถาดน้ำชาเข้ามายังลานบ้านแต่หลับพบกับการรบกวนบางยอย่าง …

” นายน้อย ไม่ดี ไม่ดี … ”

เด็กสาวตัวน้อยตกอกตกใจ

” เกิดอะไรขึ้น ? “

” นายน้อยถัง นายน้อยถัง เขา …  เขาเป็นลม …. “

เด็กสาวชี้ตรงไปยังก้อนไขมันขนาดใหญ่  ถังหยวนนอนนิ่งอยู่บนพื้น และไม่มีการคเลื่อนไหวใดบนร่างอ้วนของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นลม …

” สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? ”

จวินโม่เซี่ยเดินไปข้างหน้าเพื่อประเมินสถานการณ์ เนื่องจากไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจาเป็นลมไปได้อย่างไร …

หลังจากที่มองดูสีหน้าของเขาใกล้ๆ ตามมากด้วยการจับชีพจร ทำให้ จวินโม่เซี่ย มีสีหน้าที่ประหลาดใจอย่างมาก จากนั้นเขาจึงตรวจสอบปากของ ถังหยวนอย่างรวดเร็ว และพึมพัมกับตัวเอง

” นี่ทำให้เป็นข่าว “

เขาสามารถคายน้ำออกทางเหงื่อได้ …  มันเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก …

คายน้ำทางเหงื่อ … เจ้าอ้วนนี่มีฝีมือยิ่งนัก …  ครั้งนี้น้ำหนักของเขาจะต้องลดลงอย่างแน่นอน ..​

สิ่งนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้พบเจอ ในสองชีวิตของเขานี้ …

จะโชคดีหรือร้าย แต่พร่งนี้ถังหยวนจักต้องชั่งน้ำหนัก และจะพบว่ามันหายไปกว่าสิบกิโลกรัม สิบกิโลกรัมในหนึ่งวันนั้นอาจจะถือได้ว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ในประวัติศาตร์ในโลกแห่งการลดน้ำหนัก !

ต้องขอบคุณการบรรลุในช่วงก่อนหน้านี้ นายน้อยจวินสามารถอุ้มนายน้อยถังได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ความสำเร็จที่เขารู้ว่าไม่เคยทำได้เนื่องจากน้ำหนักของเจ้าอ้วน 

น้ำหนักของเจ้าอ้วนถังนั้นน่าสรรเสริญอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ในเรื่องความกล้าหาญของเขา เพียงแค่ได้เฝ้าดูนิสัยที่โหดร้ายของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว นั้นมากพอที่จะทำให้เขาเป็นลมได้ …

นายน้อยจวิน มั่นใจว่า ชายผู้นั้นไม่ได้รับอันตรายใดๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เขาอ้าปากของเจ้าอ้วนนั้น และรินน้ำเกลือเข้าไป  เพื่อให้เจ้าอว้นนี้มีแรง การให้ดื่มน้ำและเกลือนั้นเป็นหนทางที่ดีที่สุด มันมิได้เป็นการรักษาอันใด แต่ก็ยังให้ผลที่คล้ายคลึงกัน !

เมื่อเขารักษาการสูญเสียน้ำนี้ได้ เขาจึงวางร่างของเจ้าอ้วนลงบนเตียง และเปลี่ยนไปสนใจเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แทน จากทั้งหมดนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อับอายอย่างมาก และมีความกระหายใคร่รู้

แขกที่น่านับถือของสกุลจวินนั้นคือหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และไม่ควรทำให้ผู้ที่มีสถานะเช่นนี้ต้องรอนาน

นอกจากนี้ อาจารย์ผู้มีความสามารถเช่นนี้ยังขอคำแนะนำจากยอดฝีมือหนุ่ม …

โลกได้กลับตาลปัดไปแล้วจริงๆ !

” เอาละ เจ้าต้องการอะไรอีก ? ”

นายน้อยจวิน รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เขาต้องการได้ยิน เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ร้อขอคำแนะนำจากเขา

” วันนี้ข้าโชคดีที่ได้พบกับอาจารย์ของเจ้า ฮ่า ฮ่า ฝีมือ และระดับการเพาะปลูกของเขานั้นเป็นเลิศอย่างมาก และ ความรู้ทางการรักษาของเขานั้นยังเป็นดั่งของขวัญจากสรวงสวรรค์ ! ท่านผู้เฒ่าและข้าได้พูดคุยกันเป็นเวลานาน และพัฒนาไปดั่งเป็นเพื่อนเก่าอย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนที่น่าสนใจอย่างมาก “

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อ้าปาก และสูดอากาศเข้าไปเพื่ออารัมภบทถึงสถานะอันสูงส่งของเขา

แน่นอน เขาไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเพียงเรื่องไร้สาระในสายตาของ จวินโม่เซี่ย !

” โอ้ว ? ”

จวินโม่เซี่ย ต้องควบคุมความคิดของตัวเองเพื่อไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา และ แสดงสีหน้าดั่งต้องการจะพูดว่า

” เป็นเช่นนี้เอง ”

ดูเหมือว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะปิติกับเรื่องนี้ และพูดต่อด้วยพลังอันแรงกล้า

” พวกเราพูดคุยกันอย่างมีความสุข แต่แล้ว อาจารย์ของเจ้าก็เอ่ยขึ้นมาว่าเจ้าคือศิาย์ของเขา และดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยมีกำลังใจ เนื่องจากเขาได้สอนกระบวนท่า หมัดอินทรีย์ให้แก่เจ้า และมันยังไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากนิสัยที่ขี้เกียจของเจ้า  อย่างไรก็ตาม ช่างโชคดี ที่เขาได้พบกับข้าในวันนี้ และด้วยการที่รู้กันว่าไม่มีผู้ใดมีความรู้ในเรื่องการต่อสู้ของอินทรย์ ได้ดีเท่ากับข้า ดังนั้นเขาจึงของให้เขามาหาเจ้า และช่วยเจ้าในการฝึกฝน “

น้ำเสียงของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว นั้นมีความมั่นใจมากขึ้นราวกับเขากำลังโน้มน้าวตัวเองด้วยคำพูด

” แม้ว่าข้านั้นยุ่งมาก แต่มันยากมากที่จะได้มีเพื่อนที่ดีเช่นนี้ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจยอมรับการร้องขอของเขา และช่วยเขาฝึกฝนเจ้า ”

นายน้อยจวิน ยืนอยู่พร้อมก้มหัวครุ่นคิด แต่ความจริงแล้วเขาพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา และพยายามกำหนดสติของตัวเองไปยังลมหายใจ มือขวาของเขาวางอยู่บนท้องเพื่อรักษาความเจ็บปวดภายในที่เขาต้องประสบเนื่องจากคำพูกเหล่านั้นด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย

ร่างของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวโค้งงอราวกับผู้เคร่งศาสนา ในขณะที่เขาสะบัดมือและพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง

” ตอนนี้เจ้าว่างแล้ว แสดงให้ข้าเห็นว่าอาจารย์ของเจ้าสอนอะไรบ้าง และข้าจะทำให้มันถูกต้อง และเมื่อพวกเราสำเร็จข้าก็จะไปจากเมืองนี้ภายในเวลาเพียงไม่นาน  ข้าต้องการกลับไปทำธุระของข้าให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ และข้าไม่มีเวลาที่จะมามัวโอ้เอ้ ”

” ผู้อาวุโสเหยี่ยว เช่นนั้นไม่ถูกต้อง ! “

 จวินโม่เซี่ย เบิกตากว้างขณะที่พูดด้วยน้ำเสี่ยงประหลาดใจอย่างที่สุด

” เมื่อเดือนก่อน ท่านอาจารย์บอกข้าว่ากระบวนท่า หมัดอินทรีย์ กรงเล็บอินทรีย์ อุ้งเท้าอินทรีย์ และ คมมีดอินทรย์ ของข้านั้นได้ไปถึงขั้นสุดยอดในโลกนี้แล้ว และแม้แต่เขาเองก็ไม่มีอะไรจะสอนข้าแล้ว แล้วเหตุใดเขาถึงส่งเจ้ามาที่นี่ ?  แม้ว่าฝีมือโดยทั่วไปของข้านั้นจะน้อยนิด แต่ข้านั้นฝึกฝนอย่างหนักมาเสมอ ความจริงแล้ว นั่นคือสิ่งที่อาจารย์ของข้าใฝ่ฝันไว้ในตอนที่รับข้าเป็นศิษย์ ดังนั้น เหตุใดอาจารย์ของข้าถึงบอกกับท่านเช่นนั้น ? “

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เพ่งมองมาด้วยความสงสัย ตระหนักได้ว่าคำหลอกลวงของเขานั้นถูกจับได้แล้ว จากนั้นเขาจึงจ้องกลับไปและพูด

” อาจารย์ของเจ้านั้นเป็นคนอ่อนน้อม และข้าอาจเข้าใจคำพูดของเขาผิดไป แต่หากเจ้าเป็นเพียงแค่หินผาที่ยังไม่ได้เจียรใน เดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นหยก ดังนั้น มันจะดีกว่าหากเข้าอนุญาติให้ข้าช้วย !   เจ้าจะยอมรับหรือไม่ ? ”

สีหน้าของจวินโม่เซี่ยไม่แยแส

” เอาละ แต่วันนี้ข้าไม่ได้ฝึกเคล็ด อินทรย์ แล้ว เนื่องจากการฝึกฝนนั้นจะทำให้การพัฒนาของข้าช้าลง ซึ่งเป็นเหตุให้อาจารย์มอบเคล็ดวิชาใหม่ให้ข้าฝึกฝน และข้าก็ได้เริ่มมันไปแล้ว !  บางทีท่านอาจารย์ชี้น้ำให้เจ้ามาหาข้าเพื่อความช่วยเหลือในการรักษา และคงไม่ได้หมายความว่าให้เจ้าช่วยข้าในการฝึกฝนด้วยใช่หรือไม่ ?  ดังนั้น ข้าคิดว่าข้าจะต้องไปพักผ่อนก่อน และเจ้าควรจะรักษาความแข็งแกร่งของเจ้าเอาไว้ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับเราทั้งสอง เข้าใจหรือไม่ ?! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เพ่งมองด้วยความสงสัยอยู่เป็นเวลานาน จนไม่สามารถหาคำพูดใดๆได้ 

ยอดปรมาจารย์เสนอความช่วยเหลือให้ แต่เจ้าเด็กนี่กลับปฏิเสธ !

โลกนี้มันผิดแปลกอันใดกัน ?  สวรรค์ได้หายไปแล้วอย่างนั้นหรือ ?

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว รู้สึกราวกับว่าโลกนี้ได้กลับตาลปัดไปในทันที !  เขาจำช่วงเวลาในวัยเด็กได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาและเพื่อนฝ่าฟันกันอย่างยาวนานเพื่อให้ยอดฝีมือชี้ข้อบกพร่องของพวกเขา และจากนั้นพวกเขาได้นำคำแนะนำจากบอดฝีมือเหล่านั้นมาใส่ใจดั่งสมบัติที่ล้ำค่า เป็นช่วงเวลาที่เขาใฝ่ฝัน ที่จะให้คำแนะนำในเรื่องศิลปะการต่อสู้กับเด็กหนุ่มนั่นไม่ใช่ความฝันที่น่าขันเสียเลยในวันนี้ ! 

เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กัน ?

หรือว่าโลกแห่งการสั่งสนอสำหรับอาจารย์ที่มีชื่อระดับโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ?

” ฮี่ ฮี่ ความจริงแล้ว ความจริงก็เป็นเช่นนั้น … ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ตระหนักได้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นจึงพูดความจริง เกือยจะยอมตายด้วยความลำบากใจในเรื่องนี้ 

“ แล้วนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าควรจะพูดก่อนหน้านี้ ”

สุดท้าย จวินโม่เซี่ย จึงพยักหน้าเข้าใจ ขณะที่ในใจของเขากไลังหัวเราะเบาๆ

เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าสามารถหาประโยชน์จากข้าได้อย่างง่ายดาย ?

” เช่นนั้นเจ้ารอสักพักได้ไหม ?  ข้าหมายความว่า เจ้ามิได้ยุ่งหรือมีอันใดใช่หรือไม่ ? “

 น้ำเสียงของ จวินโม่เซี่ยเปลี่ยนไป 

“ตอนนี้ข้ามีเวลา เหตุใดพวกเราไม่เริ่มกันเลย ? ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว รู้สึกร่างเริงขึ้นมาทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความก้าวหน้า 

“ข้าบอกว่าตอนนี้ข้าว่าง แต่ข้าเหนื่อยมากหลังจากการรักษาที่หนักหน่วงก่อนหน้านี้ ! ”

จวินโม่เซี่ยตอบกลับ

” อีกอย่าง ในเมื่อเจ้าและท่านผู้เฒ่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เหตุใดเจ้าจึงไม่ขอให้เขาสอนเจ้าด้วยตัวเอง ?   เหตุใดเขาจึงส่งเจ้ามาหาข้า ?  เห็นได้ชัดว่าเขาอู้งานอยู่ที่ใหนสักแห่ง ! เขานี่ช่างหลอกใช้งานข้าได้หนักหน่วงยิ่ง !  บอกได้เลยว่า เขาต้องการให้ข้าใช้ความพยายามา และเขาเองรับชื่อเสียงไป …. ผู้เฒ่าผู้นั้นช่างทรยศยิ่งนัก ฮึ่มมม … ข้าจะไม่ทำมัน “

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เพ่งมองอยู่ด้วยความตกตะลึงหลังจากที่ความหวังของเขาพังทะลายลงอีกครั้ง !  ข้าไม่เคยหวังว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เพียงแต่หลอกลวง แต่ไม่มีจุดอ่อนใดๆ … แล้วตอนนีข้าควรจะทำเช่นไร ?

” ข้าเข้าใจความลำบากและเข้าใจความรู้สึกของเจ้า “

จวินโม่เซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเหตุผล

“แต่เจ้าต้องพยายามเข้าใจข้าด้วย .. มันเป็นนิสัยของข้าที่จะไม่ทำอะไรทั้งนั้นหากข้าไม่ได้อะไรกับคืนมา “

” เจ้าต้องการอะไร เด็กน้อย ?    เพียงแค่บอกว่าเจ้าต้องการอะไร ? “

 เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพบว่าตัวเขาเองกำลังขบฟันอยู่

สักวันเด็กผู้นี้จะทำให้ข้าเป็นบ้า !

อย่างไรก็ตาม ตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เกือบจะหลุดออกมาจากเบ้าในทันที …

เนื่องจากในตอนนี้ มือขวาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกำลังเคลื่อนไหว และแม้ว่าจะดูเหมือนว่าง่าย แต่เป็นท่าทางที่ห่างไกลจากคำว่าง่ายในความเป็นจริง  นิ้วทั้งห้าของเขางอเข้ามาครึ่งหนึ่ง คล้ายกับอุ้งมือของอินทรีย์ ในขณะที่แขนของเขาจะดูเหมือนจะเปลี่ยนตำแหน่งไปจากใต้ข้อศอก ข้อมือของเขาโค้งงอ ในขณะที่นิ้วของเขาดูไม่อาจคาดเดาได้ และจากการเปลี่ยนไปของแขนของเขาสามารถบอกได้ว่าอุ่งมือนี้มีพลังที่เพิ่มาากขึ้น !  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประหลาดที่สุดคือ แขนที่อยู่เหนือข้อศอกของเขานั้นหยุดนิ่ง !

แม้แต่ผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์เช่นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นก็ไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนในชีวิต !   แต่กระนั้น สายตาอันแหลมคมของเขาก็สามารถบอกถึงพลังที่แท้จริงของกระบวนท่านี้ได้อย่างชัดเจน !  เขาบอกได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อเขาได้เป็นสุดยอดในเคล็ดวิชาของเขา เคล็ดเพียงหนึ่งเดียวนี้จะกลายมาเป็นสิ่งที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย แค่หนึ่งเคล้ดนี้คุ้มค่าอย่างมากกับการเดินทางของเขาและผู้คนทั้งหมดที่เขาได้เผชิญหน้าเพื่อเรียนรู้มัน ! 

” นี่คือหนึ่งในเก้ากระบวนพื้นฐาน “

จวินโม่เซี่ย ยิ้ม

” ดีใช่ไหมละ ? “

ดวงตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเปล่งประกายขณะที่สุดท้ายเขามองถึงกระบงนท่านี้ออก ในขณะที่หัวใจของเขา เริ่มมีความสุข ยิ่งเขาครุ่นคิด เขายิ่งรู้สึกดี ยิ่งความรู้ของเขาเพิ่มพูน เขาอดที่จะรู้สึกกระหายใคร่รู้ให้มากกว่านี้ไม่ได้ และบังคับให้ตัวเองถามคำถามเดิมอีกครั้ง

” เจ้าต้องการอะไรจากข้า เด็กน้อย ? “

เขาถามคำถามเดิมอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปจากครั้งที่แล้ว  สองครั้งที่แล้วนั้นกระวนกระวาย แต่ครั้งนี้นั้นร้อนรนยิ่งกว่าครั้งก่อน !

” ข้าไม่ต้องการอะไรจากเจ้า แต่ข้าต้องการให้อะไรบางอย่างจากฝั่งของข้า “

จวินโม่เซี่ยยิ้มราวกับสุนัขจิ้งจอก

” ข้าจะช่วยเจ้าพัฒนาเคล็ดวิชา และข้าจะช่วยเจ้าพัฒนาความแข็งแกร่ง แต่กระนั้น เจ้าจะต้องเป็นหนี้บุญคุณข้า  จะต้องจำไว้ว่า เจ้ามิได้เป็นหนี้บุญคุณอาจารย์ข้า เจ้าจะต้องเป็นหนี้บุญคุณข้า !  สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ! ”

ข้าติดหนี้อาจารย์ของเจ้า และตอนนี้ข้ายังต้องติดหนี้เจ้า ?!  เพียงสิ่งเดียว ข้าต้องติดหนี้คนถึงสองคน ?  หน้าผากของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวย่นด้วยโทสะ แต่ไม่นานมันก็จางหายไปขณะที่เขาตระหนักได้ว่ามันยังคงคุ้มค่า

“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเจ้าเป็นนักทดลอง ข้ามั่นใจว่าเจ้าเข้าใจว่ากฏที่สูงที่สุดในการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกระบวนท่าที่ลึกซึ้งนี้จะไม่สามารถสำเร็จได้ภายในชั่วข้ามคืน ซึ่งเป็นเหตุที่ข้าขอให้เจ้าอยู่ในเมืองเทียนเชียงสักระยะ แล้วพวกเราจึงจะค่อยๆสำรวจและคิดคำนวนการพัฒนาฝีมือของเจ้าอย่างช้าๆและระมัดระวัง … “

นิ้วของจวินโม่เซี่ยจำลองท่าทางของคำพูด

” หยุด ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ขัดจังหวะของเขา

” ครึ่งแรกในสิ่งที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผล แต่ครึ่งหลังนั้นไม่เป็นความจริง  หยุดอ้อมค้อมเด็กน้อย และบอกในสิ่งที่เจ้าต้องการจากข้าให้ชัดเจน ! “

” ให้ข้าเป็นคนดูแลเจ้าหนึ่งปี ? ”

จวินโม่เซี่ยโค้งปากขึ้นอย่างไร้เดียงสา และยิ้มน่าเอ็นดู

” ข้าไม่ของอะไรจากเจ้ามาก และในเวลาหนึ่งปีนี้ ข้าจักจัดหาทุกสิ่งให้แก่เจ้า ไม่ว่าจะเป็นที่พัก หรือ อาหาร หรือสุรา … ข้าจะดูแลเจ้าทุกอย่าง “

นายน้อยจวิน เย้ายวนชายผู้นี้ต่อ

” และสิ่งที่ดีกว่านี้คือ ข้าจะมอบสุราของข้าให้แก่เจ้ามากเท่าที่เจ้าต้องการในระยะเวลาหนึ่งปีนี้ … โดยไม่มีค่าใช้จ่าย …  จ้าสามารถดื่มเท่าใหร่ก็ได้ตามที่เจ้าต้องการโดยไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะ ! “

” หากเจ้าต้องการไปเล่นสนุที่ทะเลสาปหมอกวิญญาณ ข้าจะดูแลเจ้าในเรื่องนั้น !  ข้าไม่เพียงแต่จะให้ความสำราณ ข้าจะมอบอาหารที่ดีที่สุดแก่เจ้าด้วย… ”

นายน้อยจวินยิ้มขณะที่เขาเลิกคิ้ว

“เจ้าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทั่วโลก ใช่ไหม ?   ที่ใดกันที่เจ้าจะสามารถหากข้อเสนอที่ดีเช่นนี้ได้ ? ”