บทที่ 69 ลงทุน
กู่เซวียนเจาไม่อ้อมค้อมและพูดตรง ๆ “เรือเคลื่อนเมฆาขนาดใหญ่มีราคาอย่างน้อยก็ 10 ล้านหินพลังต้นกำเนิด รองรับคนได้มากที่สุดพันคน ทุกครั้งจะที่ใช้งานก็ผลาญหินพลังต้นกำเนิดเป็นหมื่น ๆ ต้นทุนในการดำเนินการสูง ความเสี่ยงก็สูง แต่กำไรต่ำ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าวางแผนจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร ?”
ซูเฉินตอบกลับ “ข้าไม่ได้วางแผนที่จะใช้เรือเคลื่อนเมฆาขนาดใหญ่แต่แรกแล้ว”
“ไม่ได้วางแผนจะใช้มัน ?” กู่เซวียนเจาตกตะลึง “แล้วเจ้าตั้งใจจะใช้อะไร ?”
“เรือมังกรทะยานเมฆ” ซูเฉินตอบ
กู่เซวียนเจาผงะ “แม้ว่าเรือมังกรทะยานเมฆจะราคาถูกและใช้พลังงานน้อยกว่า แต่ก็ต้องใช้คนถึง 200 คนในการขับเคลื่อนเรือนี้ ต้นทุนค่าใช้จ่ายยังคงสูงเกินไปและความเร็วก็ช้าเกินไป”
“ข้าไม่ได้จะใช้แรงงานมนุษย์ ข้าจะใช้อสูรกาย”
“อสูรกาย ?” กู่เซวียนเจาหรี่ตา “คุณชายซูมีวิชาที่ใช้ควบคุมสัตว์อสูรงั้นหรือ ?”
“ข้ามีเพียงแค่ยาฝึกสัตว์อสูร”
ซูเฉินได้รับแรงบันดาลใจมาจากการใช้งูบินมงกุฎใหญ่ควบคุมเรือมังกรของเผ่าเกล็ดทราย ตราบเท่าที่หาสัตว์อสูรที่เหมาะสมได้ พวกมันก็สามารถมาควบคุมเรือแทนที่คนจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย และกลายเป็นรากฐานที่สำคัญของเครือข่ายเรือเหาะ แม้ว่าการเลี้ยงอสูรกายจะมีค่าใช้จ่ายสูงแต่รวม ๆ แล้วมันก็ยังถูกกว่าหินพลังต้นกำเนิดนับหมื่นที่ต้องใช้ไปกับการขับเคลื่อนเรือเหาะเคลื่อนเมฆา นอกจากนี้สัตว์อสูรยังมีความสามารถในการต่อสู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นพวกมันจึงอาจมีประโยชน์ในกรณีที่เรือถูกโจรสลัดเข้าโจมตีอย่างยิ่ง
อันที่จริงการใช้อสูรกายเพื่อควบคุมเรือไม่ใช่สิ่งที่ซูเฉินคิดค้นขึ้น มันเป็นแนวคิดที่มีมานานแล้ว แต่เนื่องจากความต้องการผู้ฝึกสัตว์อสูรที่มีทักษะระดับสูง อีกทั้งค่าใช่จ่ายในการเลี้ยงดูฝึกฝนสัตว์อสูรอย่างพิถีพิถันเองก็ไม่ใช่ถูก ๆ ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่เคยได้รับความนิยม
แต่ซูเฉินมั่นใจว่าเขาสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลงได้ เพราะตัวเขาเองก็เป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง
ในขณะที่กู่เซวียนเจากับซูเฉินยังคงพูดคุยเกี่ยวกับเครือข่ายเรือเหาะอย่างรอบคอบ ผู้อาวุโสสี่ก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อนเลยแม้แต่น้อย หากชายหนุ่มทำสำเร็จ มันจะกลายเป็นแหล่งกำไรในระยะยาวอย่างแน่นอน สิ่งนี้ยังเป็นผลประโยชน์มหาศาลต่อการพัฒนาเมืองกลืนธาราอีกด้วย
กู่เซวียนเจารู้จักซูเฉินมานานกว่าวันสองวัน เขารู้ว่าซูเฉินไม่ใช่คนที่พูดโอ้อวดไปเรื่อยแต่เป็นชายหนุ่มที่เก็บความลับของตัวเองได้เป็นอย่างดี ทำให้ทุกคนเกิดรู้สึกเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำงานได้สำเร็จอย่างแน่นอน
นี่เป็นประโยชน์ของการที่ซูเฉินเข้าหาทุกคนด้วยมุมมองทางธุรกิจ
ถ้าเขาเปิดกระดานด้วยการโผล่มาบอกว่าตนมาที่นี่เพื่อแต่งงานกับกู่ชิงลั่ว ทุกคนก็จะระแวงและตั้งแง่กับเขา จากนั้นไม่ว่าเขาจะทำได้ดีแค่ไหน ทว่าความประทับใจแรกก็จะกลายเป็นอคติค่อยหักลบคะแนนความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
ดังนั้นซูเฉินจึงไม่ได้ใช้ทางเส้นนั้น เขาเลือกที่จะปรากฏตัวภายใต้หน้ากากของหนุ่มนักธุรกิจคนหนึ่งแทน ก่อนอื่นก็กว้านซื้อสถานที่ทั้งหมดที่ผู้คนชอบใช้จ่าย เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและแสดงให้เห็นถึงเงินในกระเป๋าที่ราวกับไร้ก้นของเขา สร้างโอกาสทำความรู้จักกับผู้อาวุโสและพูดคุยกับพวกเขา
จากนั้นก็ค่อย ๆ พบปะพูดคุยทำความรู้จักกันไปเรื่อย ๆ เมื่อคุ้นเคยกันแล้วสำเร็จก็จะก่อตัวเกิดขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ
นี่เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งของการสร้างความปั่นป่วนไปทั่วเมือง เหล่าคนสำคัญของตระกูลกู่ทุกคนจะได้รู้จักเขา และบางคนอาจจะชอบเขาด้วยซ้ำ
ขั้นตอนต่อไปคือการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ตระกูลชั้นสูงจะร่ำรวย ทว่าความร่ำรวยนั้นก็เป็นของตระกูลไม่ใช่ตัวบุคคล ใคร ๆ ก็ย่อมต้องการสร้างรายได้ที่เป็นของตัวเองบ้างอยู่แล้ว
ซูเฉินได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อวางกรอบสำหรับเครือข่ายเรือเหาะเอาไว้แล้ว
เครือข่ายเรือเหาะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ มันยากมากที่จะพัฒนาทุกอย่างตัวคนเดียว เงินเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ เมื่อเปิดเส้นทางการบินได้แล้ว ก็จะต้องมีใครสักคนมารับผิดชอบเรื่องการคุ้มกันเรือด้วย มิฉะนั้นต่อให้สัตว์อสูรอยู่บนเรือมากมายแค่ไหน ก็มีโอกาสที่จะมีโจรสลัดมากกว่าอยู่ดี หากมีลูกค้าคนใดคนหนึ่งประสบปัญหา ความสูญเสียรวมทั้งหมดอาจจะมากถึงหลายสิบล้าน
ด้วยเหตุนี้ซูเฉินจึงจำเป็นต้องรวบรวมกลุ่มคนที่มีอิทธิพล มาช่วยเขาจัดระเบียบสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่บนลงล่าง การดูแลซึ่งกันและกันเท่านั้นถึงจะทำให้ธุรกิจพัฒนาไปได้ด้วยดี
การอยากมีส่วนร่วมในเครือข่ายเรือเหาะเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นซูเฉินเลยสามารถดึงตระกูลกู่ลงมาเล่นบนกระดานนี้กับเขาได้ และไม่ใช่แค่ตระกูลกู่เท่านั้น แม้กระทั่งตระกูลอื่น ๆ ก็ยังถูกดึงมาด้วย ทำให้ชื่อเสียงและอิทธิพลของเขาเพิ่มขึ้นไปอีก
ใช่ นี่คือสิ่งที่ซูเฉินคาดเอาไว้
เขาต้องการรับกู่ชิงลั่วมาเป็นภรรยา แต่เขาไม่ต้องการใช้เงินซื้อนางมาจากตระกูลกู่ กลับกันเขาจะทำให้สมาชิกของตระกูลกู่ เป็นฝ่ายเสียเงินให้กับเขาแทน
แค่เพียงให้เงินแก่อีกฝ่าย ก็เพียงพอที่จะผูกมัดพวกเขาไว้ให้เป็นมิตรกัน ?
ไม่ !
นั่นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์
จิตใจมนุษย์นั้นยากจะเชื่อมั่น เหล่าคนกลับกลอกพร้อมที่จะลอกคราบเป็นอีกคนทันทีที่พวกเขาเปลี่ยนฝั่ง ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำงานให้อย่างซื่อสัตย์หลังจากที่ได้รับผลประโยชน์บางอย่างไปแล้ว แม้ว่าเราจะทำบางอย่างเพื่อพวกเขา แต่พวกเขาก็จะทำเพียงกล่าวพูดดี ๆ ไม่กี่คำเป็นการตอบแทน สิ่งที่ได้รับกลับมาจะไม่มีวันเปรียบเทียบได้กับสิ่งที่ต้องจ่ายไป
แต่ถ้าเราเอาเงินของอีกฝ่ายมา เรื่องทุกอย่างก็จะต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ไม่เพียงแค่จะได้เงินของอีกฝ่ายมาใช้ทำธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถขอให้อีกฝ่ายมาทำงานให้ได้อีกด้วย
จะไม่ทำงานงั้นหรือ ? ไม่อยากได้กำไรมาทบคืนทุนหรืออย่างไร ?
ด้วยเหตุนี้แผนของซูเฉินจึงไม่ใช่การให้เงินพวกเขา แต่เป็นการขอมาแทน
เขาต้องการผูกมัดตัวเองกับตระกูลกู่ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน และเมื่อพวกเขาลงเรือลำเดียวกันแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถแยกจากกันได้อีกต่อไป
หลังถึงเวลานั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องกู่ชิงลั่วอีกต่อไป
อันที่จริงเขาอาจไม่จำเป็นต้องหยิบยกมันขึ้นมาพูด ก็อาจจะมีผู้อาวุโสบางคนยื่นคำขอเรื่องการแต่งงานมาเองเสียด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ายังมีอีกหลายสิ่งให้ต้องทำ ก่อนที่สถานการณ์จะไปถึงจุดนั้นได้
กู่เซวียนเจายังคงถามคำถามเกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายเรือเหาะต่อไป และซูเฉินตอบกลับไปทีละคำถาม
นี่ไม่ใช่การหลอกลวงตั้งแต่แรก แค่เป็นแผนที่มี ‘จุดประสงค์เล็ก ๆ’ ซ่อนอยู่ข้างในเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงตอบคำถามไปด้วยความมั่นใจ และไม่ปิดบังรายละเอียดเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงคนของซูเฉินได้พบฐานเครือข่ายเรือเหาะจุดแรกที่เหมาะสมและได้เริ่มการก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว พวกสัตว์อสูรที่จะขับเคลื่อนเรือมังกรเองก็อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการแล้วเช่นกัน
หลังจากที่ซูเฉินตอบคำถามทั้งหมดของเขาแล้ว กู่เซวียนเจาก็มีท่าทีครุ่นคิด เป็นสัญญาณว่าเขาสนใจมันอย่างเห็นได้ชัด
หากแผนของซูเฉินประสบความสำเร็จ ด้วยเรือมังกรทะยานเมฆที่ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเรือเคลื่อนเมฆาขนาดใหญ่มาก ผลกำไรที่สามารถทำได้ต่อปีก็จะคุ้มค่าเกินจะเอ่ยอย่างยิ่ง
ดวงตาของกู่เซวียนเจาเริ่มเปล่งประกาย
“คุณชายซู เป็นไปได้ไหมที่ข้าจะเข้าร่วมการลงทุนนี้ด้วยคน ?”
“นี่ … ” ซูเฉินแสร้งทำเป็นลำบากที่จะตัดสินใจ “อันที่จริงแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อนส่วนหนึ่งเพิ่งจะมาลงทุนด้วย ตอนนี้ต้นทุนที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดก็เกือบจะเพียงพอแล้ว เราก็เลยยังไม่ได้ขาดเรื่องเงินทุนเสียเท่าไหร่ … ”
“ไอหยา มันจะไปพอได้อย่างไรกัน ? ธุรกิจมันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง ค่าใช้จ่ายหลังจากนี้ยังต้องให้เจ้าเสียเงินอีกเยอะ” กู่เซวียนเจากล่าวอย่างกังวล “นอกจากนี้เครือข่ายเรือเหาะก็ไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกจำกัดไว้ที่สถานที่เพียงแห่งเดียว แต่ควรกระจายไปในหลาย ๆ เขต ! คุณชายซูไม่สามารถซื้อโรงเตี๊ยม หอนางโลมหรือโรงพนันไปทั่วทุกที่เหมือนอย่างที่ทำที่นี่ได้จริงไหม ? เจ้าจำจะต้องมีคนมาคอยช่วยดูแลสิ่งต่าง ๆ ให้นะ”
“เรื่องนั้นก็จริง” ซูเฉินพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นผู้อาวุโสสี่พอจะมีช่องทางการติดต่อประเภทใดบ้าง … ”
“ข้าเคยอาศัยในเมืองชิงผิงอยู่ช่วงหนึ่ง จึงพอจะรู้จักตระกูลใหญ่ในพื้นที่พอสมควร ข้าจะช่วยพูดกับพวกนั้นให้ แล้วจากนั้นเรือมังกรของเราก็จะสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ”
“เยี่ยมเลย !” ซูเฉินตบโต๊ะ “ถ้าเช่นนั้นข้าต้องขอฝากผู้อาวุโสสี่ช่วยดูแลจัดการเส้นทางจากเมืองนี้ไปยังเมืองชิงผิงให้แล้ว ในทางกลับกันข้าจะจัดสรรส่วนแบ่ง 1 ล้านหินพลังต้นกำเนิดไว้ให้ท่าน ท่านสามารถตัดสินใจได้เองเลยว่าต้องการซื้อพวกมันไปเท่าใด”
เดิมทีกู่เซวียนเจาวางแผนที่จะลงทุนเพียง 300,000 หินพลังต้นกำเนิดเท่านั้น แต่เมื่อซูเฉินพูดมาเช่นนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าถ้าเขาไม่รับโอกาสที่หายากนี้เขาจะต้องเสียใจที่หลังเป็นแน่ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ 1 ล้าน !”
“ตกลง !” ทั้ง 2 ต่างก็หัวเราะอย่างมีความสุข
สำหรับกู่เซวียนเจา 1 ล้านนี้ก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เช่นกัน นั่นเป็นเงินออมทั้งหมดที่เขามีอยู่ในมือตอนนี้ เขารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมากเมื่อต้องจ่ายออกไป อย่างไรก็ตามเพื่อผลกำไรที่จะได้รับกลับมา กู่เซวียนเจาจึงตัดสินใจกัดฟันเสี่ยงลงทุนไป
เขาไม่กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากธุรกิจของซูเฉินพบกับความสูญเสีย พวกเขายังมีส่วนแบ่งในโรงเตี๊ยมและร้านรวงมากมายพวกนั้นอยู่มิใช่หรือ ?
หากก่อนหน้านี้ซูเฉินไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางการเงินที่น่าทึ่งของเขา กู่เซวียนเจาก็คงไม่ได้ตกลงที่จะมอบเงินอย่างรวดเร็วขนาดนั้น