บทที่ 557: แค่ชำเลืองมอง

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 557: แค่ชำเลืองมอง

 

หลังจากที่การโจมตีของเธอล้มเหลว   ฟางเซี่ยวหรูก็พลันกระโดดกลับเพื่อทิ้งระยะห่างจากซูหยาง

 

แต่ทว่าซูหยางติดตามเธอไปอย่างรวดเร็วทั้งยังต่อยหมัดของตนเองออก

 

“อะไรกัน—”

 

ฟางเซี่ยวหรูร้องลั่นเมื่อเห็นหมัดของซูหยางปลดปล่อยพลังแบบเดียวกันกับหมัดภูเขาสุดยอด แต่มันรวดเร็วกว่าแหลมคมกว่าวิชาของเธอเอง

 

เมื่อไม่สามารถที่จะหลบการโจมตีทันเวลา ฟางเซี่ยวหรูก็ไม่มีทางเลือกนอกจากที่จะป้องกันการโจมตีด้วยร่างกายของเธอเอง

 

“อาาา”

 

ฟางเซี่ยวหรูถูกส่งปลิวออกไปนอกเวทีไปไกลหลังจากที่รับการโจมตีของเขาอย่างยากลำบากด้วยแขนของเธอเอง

 

“เป็นข้าตาฝาดหรือว่าซูหยางใช้วิชาของตระกูลฟางไปเมื่อกี้นี้” โหลวหลานจีถามฟางซีหลานด้วยสีหน้างงงัน

 

“ม-ไม่… ท่านเห็นถูกต้อง เขาเพิ่งใช้หมัดภูเขาสุดยอด แต่ว่านั่นเป็นไปได้อย่างไร มีเพียงคนไม่กี่คนจากตระกูลฟางที่สามารถได้เห็นวิชานี้ อย่าว่าแต่จะเรียนรู้มัน” ฟางซีหลานตอบกลับด้วยเสียงตระหนก

 

นอกเสียจากว่าซูหยางได้แอบเข้าไปในตระกูลฟางและแอบเรียนวิชาการต่อสู้นี้  ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถเรียนวิชาประจำตระกูลฟางได้อย่างไร

 

เวลาหลังจากนั้นฟางเซี่ยวหรูก็กลับคืนมายังเวทีด้วยสภาพเละเทะ และเธอก็ถามเขาด้วยใบหน้าสับสนว่า “เมื่อกี้นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นหมัดขุนเขาสุดยอด… แต่ว่าทำไมท่านจึงสามารถใช้วิชาการต่อสู้ที่มีเพียงไม่กี่คนจากตระกูลฟางเรียนรู้ได้”

 

“หมัดขุนเขาสุดยอดที่เจ้ารู้นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆของวิชาการต่อสู้ที่ใหญ่กว่าและทรงอำนาจกว่า ข้ามิรู้ว่าตระกูลฟางได้มันมาอย่างไร แต่มันมิได้มีความพิเศษอย่างที่เจ้าเชื่อ” ซูหยางอธิบายให้กับเธอ

 

วิชาที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นวิชาที่แพร่หลายและทรงพลังในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ที่ใช้โดยผู้ฝึกร่างกายส่วนใหญ่ และหมัดภูเขาสุดยอดก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของภูเขาน้ำแข็งในด้านของพลังวิชานี้เต็มส่วน

 

ส่วนที่ว่าตระกูลฟางได้รับวิชานี้มาอย่างไรนั้น เขาก็แต่เพียงจินตนาการว่าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเซียนหานซิ่น ขี้ข้าของจักรพรรดิ์สวรรค์ที่โชคร้ายที่ถูกโยนมาสู่โลกนี้โดยบังเอิญ

 

เมื่อเห็นฟางเซี่ยวหรูมีท่าทางงงงัน ซูหยางก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้ามีความเข้ากันได้กับวิชานี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าจักให้วิชาการต่อสู้นี้แก่เจ้าครบทุกส่วน”

 

“จ-จริงรึ นั่นมิใช่สิ่งที่มีค่าหรอกรึ” เธอถามเขา

 

ไม่ว่าอย่างไรถ้าตระกูลฟางพิจารณาเห็นว่าส่วนเสี้ยวเล็กๆของวิชาทั้งหมดเป็นสมบัติล้ำค่า วิชาการต่อสู้ที่มีครบทุกส่วนนั้นย่อมต้องมีค่ามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

 

“เอ้อ… แม้ว่าข้ากล่าวว่าข้าจักให้วิชาเจ้าครบทุกส่วน แต่นั่นมิได้หมายความว่าเป็น “ทั้งหมด” ในเมื่อเจ้ามิสามารถที่เข้าใจมันได้ในตอนนี้ ดังนั้นข้าจักเพียงให้เจ้าแต่เพียงสิ่งที่เจ้าสามารถควบคุมมันได้ในตอนนี้ และครั้นเมื่อเจ้ามีพลังอำนาจและความรู้มากกว่านี้ ข้าก็จักให้วิชาที่แท้จริงแก่เจ้า

 

“อย่างไรก็ตาม เจ้าได้ผ่านการทดสอบแล้วและเจ้าก็มีสิ่งที่ศิษย์หลักควรจะมีไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นข้าก็จักให้ตำแหน่งนี้แก่เจ้า ครั้นเมื่อเจ้าเสร็จสิ้นการเตรียมการแล้ว เจ้าก็สามารถที่จะมาหาข้าเพื่อรับวิชานี้ได้”

 

“ขอบคุณ” เธอโค้งคำนับเขาแม้ว่าร่างกายจะเจ็บปวด

 

ซูหยางพยักหน้าและหันไปดูฟางซีหลาน

 

“ข้าจักปล่อยเธอไว้ในมือของเจ้าในตอนนี้” เขากล่าวกับเธอ

 

หลังจากนั้น ฟางซีหลานก็นำฟางเซี่ยวหรูไปรับชุดศิษย์และป้ายประจำตัวของเธอ

 

ในขณะที่พวกเขาเดินไปนั้นฟางเซี่ยวหรูก็พลันถามอีกฝ่ายว่า  “พี่สาว ท่านมีเพศสัมพันธ์กับซูหยางหรือยัง”

 

ฟางซีหลานเกือบหกล้มหลังจากที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้น และเธอก็ตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า  “อย่าทำให้มันฟังดูหยาบคายเช่นนั้น พวกเราเรียกกันว่าการฝึกคู่ในที่แห่งนี้ และใช่แล้ว ข้าได้ร่วม “ฝึกคู่” กับเขามาก่อน และหลายครั้งด้วย”

 

“จริงรึ ข้าช่างอิจฉา” ฟางเซี่ยวหรูกล่าว

 

“เจ้าอิจฉาข้ารึ นั่นเป็นสิ่งที่ข้ามิได้คาดคิดว่าจะได้ยินในชีวิตนี้ ในเมื่อข้าเองนั้นเป็นคนที่อิจฉาเจ้ามาโดยตลอด ในเมื่อเจ้านั้นมีพรสวรรค์มากกว่าข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าได้รับความรักทั้งหมดของตระกูล” ฟางซีหลานถอนหายใจ

 

“ท่านโกรธข้ารึ” ฟางเซี่ยวหรูถามเธอ  “ที่มิได้ช่วยท่าน”

 

“ทำไมข้าจักต้องโกรธเจ้าด้วย เจ้าเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่มิได้รังแกข้า ถ้าข้าควรจะโกรธใครสักคน นั่นก็ควรจะเป็นพ่อแม่ของพวกเราและตระกูลฟางเอง ในเมื่อพวกเขาทำกับคนที่มีพรสวรรค์น้อยกว่าเหมือนกับพวกเขาเป็นขยะ”

 

“มิว่าอย่างไรก็ตาม เลิกคุยเรื่องตระกูลฟางกัน เจ้าเข้ามาร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเพราะซูหยางใช่ไหม”

 

ฟางเซี่ยวหรูพยักหน้าหลังจากที่ได้ยินคำถามของเธอ ไม่ปฏิเสธว่าซูหยางเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอสนใจในที่แห่งนี้

 

“ซูหยางช่างน่าพิศวงเสียจริงๆ เมื่อคิดว่าเขาสามารถโปรยเสน่ห์ใส่คนอย่างเจ้าโดยมิต้องใช้ความพยายามใด เพียงแค่ยืืนอยู่ในห้องเดียวกับเจ้าเท่านั้น” ฟางซีหลานอดที่จะยิ้มไม่ได้

 

จากนั้นเธอก็พูดต่อว่า “เช่นนั้นอะไรที่เป็นของเขาที่เป็นเหตุให้หัวใจของเจ้าเต้นระรัว เป็นเพราะใบหน้าหล่อเหลาของเขา ท่าทางของเขา หรือว่ากลิ่นอายอันหลุดพ้นที่รายล้อมรอบตัวเขา”

 

“สายตาของเขา” ฟางเซี่ยวหรูตอบโดยไม่ลังเล

 

“สายตาของเขางั้นรึ…” ฟางซีหลานพูดทวนย้ำตาม

 

เธอพยักหน้าและอธิบายด้วยเสียงหลงไหลว่า “เมื่อตอนที่เขามองมายังที่ข้านั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การชำเลืองมองผ่านอย่างรวดเร็ว แต่มันก็รู้สึกราวกับว่าเขาสามารถเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวข้า และข้าก็มิได้แตกต่างไปจากการยืนเปลือยเปล่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสายตาของเขา ข้ามิเคยรู้สึกถึงสายตาที่ทรงพลังและล้ำลึกเช่นนั้นมาก่อน และมันก็เป็นเหตุให้หัวใจของข้าเต้นระรัวดังระทึกขึ้นในทันที”

 

“…”

 

ฟางซีหลานพูดไม่ออก เมื่อเธอเห็นสีหน้าของฟางเซี่ยวหรูขณะที่เธอพูดถึงสายตาคมกริบของซูหยาง ในเมื่อมันไม่ต่างไปจากสาวน้อยที่ได้รับประสบการณ์ของรักแรกของเธอ

 

“เพียงแค่ได้รับการชำเลืองมองจากซูหยางเพียงครั้งเดียวถึงกับทำให้คนแบบฟางเซี่ยวหรูผู้ที่รู้ว่าเป็นคนที่เหินห่างและวางท่า ถึงกับต้องยอมคุกเข่าให้…” ฟางซีหลานแอบถอนหายใจในเมื่อเธอไม่มั่นใจว่าเธอควรจะกลัวหรือว่านับถือความสามารถที่น่าหวาดหวั่นเช่นนั้นดี