แดนนิรมิตเทพ บทที่ 851
ดูเหมือนว่าเฉินโม่จะมองออกว่าหรูหั่วเจตนาที่จะทำให้เขารู้สึกลำบากใจ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับว่า “เมื่อก่อนที่ผมพูดถึง มันนานกว่านั้น นานจนเธอนึกไม่ออก”

หลังจากกล่าวจบ เฉินโม่มองเล่หรูหั่วที่ขมวดคิ้วและครุ่นคิด ยิ้มบาง ๆ หันหลังแล้วเดินจากไป

เฉินโม่เดินไปหาเฉินซงจื่อและกล่าวว่า “ภารกิจของหอการค้าโม่เจียเสร็จสิ้นแล้ว หาผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถเพื่อดำเนินการต่อ แล้วค่อยกลับไปที่ฮ่านหยาง!”

“ลูกศิษย์น้อมรับคำสั่งของอาจารย์!”

เฉินซงจื่อที่เย่อหยิ่งเผด็จการและทรงพลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินโม่แล้ว เขากลับเชื่อฟังเหมือนเด็ก

เฉินโม่หันไปมองเล่ชิงชางด้วยสีหน้าเย็นชาและกล่าวว่า “ต่อไปถ้าใครกล้าไม่เคารพการตัดสินใจของคุณหนูหรูหั่ว ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใคร ก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง!”

“ถูกต้อง!” เฉินซงจื่อมองเล่ชิงชางด้วยสีหน้าข่มขู่

เฉินโม่กวาดสายตาไปทั่วห้องโถง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะก้มหน้า และไม่มีใครกล้าสบตาเฉินโม่

“ไปกันเถอะ!” เฉินโม่กล่าวเบา ๆ แล้วเดินจากไปอย่างสงบ

เฉินซงจื่อกวาดมองทุกคนอย่างเย็นชา แล้วเดินตามเฉินโม่ออกไปจากประตู

หลังจากพวกเขาสองคนเดินออกไปแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกโล่งอกทันที ราวกับว่าภูเขาสองลูกที่กดทับหัวใจหายไปแล้ว

“น่าเกรงขามจริง ๆ!” หยูหมั่นกวนถอนหายใจ

“ตระกูลหยุนถูกเขาทำลายล้างไปแล้ว ในหัวเซี่ยจะมีสักกี่คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้?” ผู้นำตระกูลหวางหัวเราะเยาะตัวเอง ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

“ตระกูลเล่คำนวณผิดพลาดแล้ว พลาดโอกาสที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ไปต่อหน้าต่อตา มิเช่นนั้น หากตระกูลเล่สามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับเขาได้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี ตระกูลเล่ก็สามารถแข่งขันกับตระกูลมหาอำนาจในยานจิงได้!” หยูหมั่นกวนมองเล่ชิงชางที่สีหน้าซีดเผือด ด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยและรู้สึกมีความสุขกับความโชคร้ายของคนอื่น

“ตระกูลหยุนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน? ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน มิเช่นนั้นตระกูลอันดับหนึ่งในโลกฝึกบู๊ของเมืองจงไห่จะมีจุดจบเช่นนี้ได้อย่างไร?” ผู้นำตระกูลหวางสายศีรษะด้วยรอยยิ้มขมขื่น และถอนหายใจ

หยูหมั่นกวนกล่าวเยาะเย้ย “มันไม่เหมือนกัน ตระกูลหยุนวางอำนาจบาตรใหญ่จนชิน ถึงแม้ว่าตระกูลหยุนจะไม่เจอเขา สักวันหนึ่งพวกเขาก็จะได้พบเจอคนที่พวกเขาไม่สามารถรุกรานได้ หลังจากกลับไปแล้ว ผมจะกำชับคนรุ่นใหม่ของตระกูล ไม่ว่าสถานะจะสูงแค่ไหน ทำอะไรก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนไว้ก่อน เพราะไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งอาจจะพบเจอกับเทพสังหารเช่นนี้ก็เป็นได้!”

“ผมด้วย!” ผู้นำตระกูลหวางพยักหน้าเห็นด้วย

“กลับกันเถอะ!”

ฝูงชนค่อย ๆ แยกย้ายกันไป และทุกคนอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะด้วยความปลง

นึกไม่ถึงว่างานแต่งงานของตระกูลหยุน จะกลายเป็นงานศพของคนทั้งตระกูล

เล่หรูหั่วมองทิศทางที่เฉินโม่เดินจากไป เธอยังคงไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเฉินโม่

อย่างไรก็ตาม เล่หรูหั่วมีความรู้สึกหลงผิด เธอมักจะรู้สึกว่าตนเองรู้จักเฉินโม่มานานแล้ว เหมือนชะตากรรมที่ถูกลิขิตไว้แล้ว

ตอนนี้ดูเหมือนเล่ชิงชางจะแก่ลงไปสิบปี หลังจากผู้คนแยกย้ายกลับไปแล้ว เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมอยู่ความอึ้ง

เล่หรูเฟิงเดินเข้าไปและกล่าวเบา ๆ “คุณพ่อ คนกลับกันหมดแล้ว พวกเราจะกลับไหม? ”

“อ้อ!” เห็นได้ชัดว่าเล่ชิงชางใจลอย เขามองห้องโถงที่เกือบจะว่างเปล่า ถอนหายใจและกล่าวว่า “กลับกันเถอะ!”

เล่หรูเฟิงมองไปยังที่ไม่ไกล เห็นเล่หรูหั่วที่สวมชุดแต่งงาน และถามเบา ๆ “แล้วน้องสาวล่ะ?”

เล่ชิงชางตัวสั่นสะท้าน มองเล่หรูหั่วด้วยดวงตาที่ซับซ้อน ถอนหายใจเบา ๆ “ให้แม่ของลูกปลอบโยนเธอเถอะ ไม่จำเป็นต้องกังวลความปลอดภัยของเธอ เกรงว่าต่อไปคงไม่มีใครในเมืองจงไห่กล้ารุกรานเธออีกแล้ว”

คนที่มาร่วมงานวันนี้ เป็นคนใหญ่คนโตเกือบทั้งหมดในโลกมนุษย์และโลกฝึกบู๊ของเมืองจงไห่ เกรงว่าร่างของเฉินโม่ที่เหมือนเทพสังหาร คงทิ้งเงามืออยู่ในใจของทุกคนแล้ว

ทุกคนรู้ดีว่าเล่หรูหั่วอยู่ภายใต้การดูแลของเฉินโม่ เพื่อเธอแล้วเฉินโม่ไม่ลังเลที่จะทำลายล้างตระกูลหยุน แล้วใครจะกล้าล่วงเกินเล่หรูหั่วอีก?

หลังจากจัดการเรื่องของตระกูลหยุนแล้ว เฉินซงจื่อมอบหอการค้าโม่เจียให้หลินฝานเป็นคนรับผิดชอบดูแล แล้วเขาก็กลับไปหาฮ่านหยาง เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เฉินโม่ถ่ายทอดให้เขา