” ใช่ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น … ”
ฮั่นหยานเมิงยังคงสะอื้นต่อไป เสียงของนางตะกุกตะกักขณะคิดถึงเรื่องที่ได้ประสบกับชายเปลือยในป่าเมเปิ้ล และตามมาด้วยการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ผู้ฟังของนางนั้น อาวุโสและคงด้วยประสบการณ์มากพอที่บอกได้ว่า นี่คือเรื่องเข้าใจผิดและไม่มีอะไรเกินกว่านี้ !
จากความแข็งแกร่งของปราณเชวียนของชายผู้นั้น พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ชายผู้นั้นคงจะวิ่งไปทั่วป่าเพื่อฝึกฝนเคล็ดบางอย่าง เมื่อองค์หญิงน้อยและ เซี่ยวเฟิงวู รบกวนการฝึก จนทำให้ชายผู้นั้นต้องหยุด ซึ่งเป็นการทำให้ชายผู้นั้นอารมณ์เสีย !
จากท่าทีในสิ่งที่เกิดขึ้น จะต้องยกความดีให้กับความฉลาดของพวกเขา เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาคาดเดานั้นมีความถูdต้องในบางส่วน
” ชายผู้นั้นรู้ถึงที่มาของเจ้าไหม ? ”
ผู้อาวุโสหกถามคำถามที่สำคัญ
” เขารู้ … ”
ฮั่นหยานเมิงปาดน้ำตา และพูด
” ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้เรื่องของเราในตอนแรก แต่เมื่อชายผู้นั้นกำลังจะจากไป พี่เซี่ยวพูดอะไรบางอย่าง และมันทำให้ชายผู้นั้นมีโทสะขึ้นมาทันที … จากนั้นเขาจึงคว้าตัวพี่เซี่ยวไป และเริ่มโจมตีเขา จากนั้น … พี่เซี่ยวจึงกลายเป็นเช่นนี้ ! ”
” เฟิงวูพูดอะไรกับเขา ? ”
ชายทั้งห้าถามขึ้นมาพร้อมกันอย่างร้อนรน ชายทั้งห้าคาดว่า ประโยคที่สำคัญนั้นคือสิ่งที่ยั่วยุชายเปลือยผู้นั้น ดังนั้น เมื่อรู้ถึงประโยคนี้จึงจะสามารถอธิบายปัยหาที่ก่อให้เกตุเหตการณ์เช่นนี้ขั้นได้
” พี่เซี่ยวพูดว่า เมืองพายุหิมะขาวจะไม่ละเลยเรื่องนี้ พวกเราจะทำลายสกุลของเจ้าทิ้ง ! … ”
เห็นได้ชัดว่า องค์หญิงน้อย รู้ว่าจะต้องเลียoแบบผู้อื่นเช่นไร เนื่องจากนางเลียนแบบน้ำเสียงของ เซี่ยวเฟิงวู ได้อย่างเม่นยำ น้ำตายังคงอ่ออยู่ตรงขอบตา ขณะที่นางบรรยายจบ และสัมผัสได้ถึงปฏิกริยาที่เหมือนจะผิดแปลกไปพร้อมกับประโยคที่สำคัญนี้
ผู้อาวุโสทั้งสาม ถอนหายใจในเวลาเดียวกัน
มันเป็นเพียงโชคร้ายใช่ไหม ? มันเป็นปกติที่จะจากไปได้โดยไม่เจ็บตัว เมื่อเจ้ารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งกว่าตัวเองมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าอยู่เพียงลำพัง และไม่มีผู้สนับสนุน แทนที่จะถอย เขากลับเริ่มคุกคามชายผู้นี้ และก้าวเกินกว่านั้น และขู่จะทำลายสกุลของเขาทั้งหมด ? ….. หากเขาต้องการแก้แค้นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ เขาควรจะปล่อยไปก่อนนี่… เด็กผู้นี้ช่างอ่อนประสปการณ์ทางโลกยิ่งนัก !
ผู้อาวุโสทั้งสาม พิเคราะห์สถานการณ์นี้ด้วยความระมัดระวังอย่างมาก และเชื่อว่าพวกเขาเองควรถอยเมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ชายทั้งสามเห็นพ้องกันว่า ชีวิตของ เซี่ยวเฟิงวู นั้นยังคงไว้ได้เพราความเมตตาของชายเปลือยผู้นั้น
” แน่นอนว่าเมืองพายุหิมะขาวคือ ก๊กที่ทรงพลังที่สุดในโลกหล้า และทุกผู้เกรงกลัวอำนาจของพวกเรา แต่กระนั้น ในบางครั้งการโอ้อวดชื่อเสียงของพวกเราจักนำพาพวกเจ้าไปสู้อันตรายถึงชีวิตได้ ! ”
ผู้อาวุโสสามถอนหายใจ
” ชายผู้นี้อาจไร้เมตตา แต่เขาก็มิได้เป็นฆาตกร … “
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปในทันที และดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา และ แม้นว่าเขายังพูดไม่จบ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเองนั้นยากจะพูดต่อไปได้
ผู้อาวุโสสาม หก และเก้า ทำงานร่วมกันมานานนับปี และเข้าใจถึงความคิดของกันและกันได้อย่างแจ่มชัด ใบหน้าของทั้งสามดูน่าเกลียดเช่นเดียวกันเนื่องจาก พวกเขาประเมินสถานการณ์ด้วยความคิดเดียวกัน
ทั้งสามคิดถึงสิ่งเดียวกันในเวลานี้ หากคนผู้นี้อยู่ในระดับที่ไม่เกรงกลัวต่อการยั่วยุ เมืองพายุหิมะขาว ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่ตัวเลือกเดียวหากพวกเราไม่ต้องการประสบกับปัยหาอื่นในอนาคต
พวกเราจะต้องทำให้ชายผู้นั้นเงียบหายไป !
อย่าไรก็ตาม ผู้อาวุFสทั้งสามยังคงไม่ตัดสินใจเลือกตัวเลือกนี้ …
เพราะชายผู้นั้นอาจจะทำเช่นเดียวกันนี้ แต่เขาไม่ทำ !
ไม่เพียงแต่เขาไม่เลือกการตัดสินใจอันโหดร้าย แต่เขายังไว้ชีวิตของหนุ่มสาวทั้งสองของพวกเขา ทั้งชายผู้นั้นไม่คุกคามองค์หญิงน้อย อย่างไรก็ตาม ชายผู้นั้นยังทำให้ เซี่ยวเฟิงวูต้องอับอายอย่างมากหลังจากที่โจมตีเขาจนเป็นตาย ! มันจึงเป็นการจุดไฟแห่งความเกลียดชังในใจของ เซี่ยวเฟิงวู อย่างแน่นอน ซึ่งจะไม่มีวันมอดลงหากชายผู้นั้นยังคงอยู่ !
ชายผู้นั้นมิได้สังหาร เซี่ยวเฟิงวู แต่มั่นใจว่ามันเป็นการยั่วยุเขาด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุด และการกระทำเช่นนี้สามารถบอกได้ถึงสิ่งเดียว เขาหาได้สนใจในความแข็งแกร่งของ เมืองพายุหิมะขาว ไม่ !
อีกนัยหนึ่งคือ ชายผู้นั้นไม่เพียงแต่มั่นใจว่าเขาไม่เกรงกลัว เมืองพายุหิมะขาว แต่ยังถือว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งเพียงพอในการต่อกรกับพวกเขาได้ ! เดิมทีแล้ว หากเหตุการณ์นี้ถูกแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของ เมืองพายุหิมะขาว จักถูกเหยียบย่ำ
เห็นได้ชัดว่าจัดต้องประเมินความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ และผู้อยู่เบื้องหลังของเขาให้ชัดเจน !
แต่กระนั้น ในเวลานี้ มีก๊กเหล่ามากมายที่กล้าอวดดีต่อเมืองพายุหิมะขาวได้ !
” เหมือนว่า คฤหัสน์ฉือฮั่น มิได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ …. “
ผู้อาวุโสสามเห็นพ้อง อย่างไรก็ตาม ยังมีความคิดที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
” คนของคฤหัสน์ฉือฮั่นมิได้แสดงตัวออกมาในการแย่งชิงแกนเชวียนเลย ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นได้ที่จะเป็นฝีมือของหนึ่งในพวกเขา อย่างไรก็ตาม หากนี่คือฝีมือของพวกเขา ด้วยชื่อเสียงที่เย่อหยิ่งของพวกเขา จะต้องมีร่องรอยอะไรบางอย่างที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง พวกเขาชอบที่โลกให้การยอมรับ แต่เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นอย่าเงียบเฉียบ ดังนั้นจึงไม่น่าป็นไปได้ที่พวกเขาจะกระทำเช่นนี้ ”
” แล้ว ผู้ใดกันที่เจ้าคิดว่าอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ? “
ผู้ยาวุโสหก เลิกคิ้วสีเงินของเขาขึ้น
” ข้าเชื่อว่า มีเพียงสกุลเดียวในเมืองเทียนเชียง ที่มีความเกลียดชังที่ลึกซึ้งมาพอจะทำเช่นนี้ ”
เซี่ยวฮั่นกระพริบตาอย่างเยือกเย็น
” และสกุลนั้นคือ สกุลจวิน ! มีเพียงสกุลเดียวที่อ่อนไหวต่อแซ่เซี่ยว ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกเขา ! ”
” ตามที่ องค์หญิงน้อยบอกเล่า ชายผู้นั้นเอ่ยว่า ข้าเกลียดแซ่เซี่ยว ! ชัดเจนว่าชายผู้นี้มีความปฏิปักษ์ต่อสกุลเซี่ยว และหลังจากนั้น เมื่อ เซี่ยวเฟิงวูเปิดเผยตัวตนจริงของเขา ชายผู้นั้นคุกคามเขาอย่างดุร้าย สิ่งที่อนุมานได้จากเรื่องนี้คือ คนผู้นี้อาจมิได้เป็นศัตรูกับ เมืองพายุหิมะขาว แต่เขาคือศัตรูของสกุลเซี่ยว ! และเมื่อถึงจุดนี้ ข้าจะเอ่อยได้อย่างชัดเจนว่า สกุลส่วนใหญ่ที่กระทำผิดต่อสกุลเซี่ยนั้นตายไปหมดแล้ว และที่ยังคงเหลืออยู่ในตอนนี้มิได้อยู่ในเมืองเทียนเชียง ดังนั้น มีเพียงสกุลเดียวที่เข้าข่ายคือสกุลจวิน และจวินวูอี้ ! ”
เซี่ยวฮั่น ถือว่าจวินวูอี้คือศัตรูคู่แค้นอย่างชัดเจน
ดังนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่พลาดที่จะใส่ร้ายศัตรูของเขา และสกุลของชายผู้นั้น แม้ว่าท่าทีที่เขาใช้ในการเอ่ยข้อโต้แย้งนี้ฟังดูมีเหตุผล แต่เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง ยิ่งไปกว่านั้น การจะกระทำการตอบโต้ จวินวูอี้ และ สกุลจวินในเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่กระนั้น เขาไม่เคยคิดฝันว่า การคาดการอย่างไร้เหตุผลของเขานั้นจะเกิดขึ้นในความเป็นจริง ! เขาไม่เคยคาดคิดว่า การกระทำเหล่านี้คือการกระทำของสกุลจวิน !
” เซี่ยวฮั่น ข้ารู้ถึงนิสัยที่ชั่วช้าของเจ้าเสมอ แต่ข้ามิได้สั่งสอนให้เจ้าทำตัวชั่วร้ายเช่นนี้ ! มีสองสิ่งที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และตอนนี้เจ้ายังยืนยันที่จะกล่าวโทษจวินวูอี้อีกอย่างนั้นหรือ ? แม้ว่าเจ้ามีความอาฆาตกัยชายผู้นั้น การใส่ร้ายแซ่ของเขาด้วยท่าทีเช่นนี้นั้นไม่ยุติธรรม ! ดังนั้น เหตุใดเจ้าจึงไม่กล่าวถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความเป็น ปรปักษ์ของคนผู้นี้กัน ? และต่อต้านสกุลเซี่ยวเพียงผู้เดียว ? ”
เห็นได้ชัดว่า เซี่ยวฮั่น ไม่ยอมอ่อนข้อ
” ปรปักษ์ ? บางทีท่านอาจจะไม่เข้าใจ แต่คนอื่นๆเข้าใจนี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเพียงแค่นั้น ! อย่างไรก็ตาม หากหลานของเจ้าไม่ยะโส เรื่องเหล่านี้คงมิเกิดขึ้น และหากสิ่งเหล่านี้เกิดจากการกระทำด้วยความแค้น เจ้าคิดจริงๆหรือว่าชายผู้นั้นจะมีเมตตาเช่นนี้ ? “
มูซื้อทงพูดขึ้นด้วยโทสะ
” กระทำอย่างเมตตา ? ชายผู้นี้ไร้เมตตาและหยาบคายที่ละทิ้งเฟิงวูไว้ด้วยสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย นอกจากสกุลจวินแล้ว ข้าไม่คิดว่ามีก๊กเหล่าใดในเมืองเทียนเชียงที่มีความเกลียดชังต่อสกุลเซี่ยว และกระทำการอย่างชั่วช้า เมื่อถูกคุกคามด้วยสกุลเซี่ยวและ เมืองพายุหิมะขาว ! “
การโต้แย้งของ เซี่ยวฮั่น เริ่มฟังดูมีเหตุผลขึ้นมาบ้างแล้ว
” เช่นใดเจ้าจึงไม่บอกข้าว่า … ผู้ใดในสกุลจวินที่มีความแข็งแกร่เช่นนี้ ?! เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่ามีผู้ใดในสกุลจวินที่มีพรสวรรค์มากพอที่จะเป็นยอดฝีมือหยกเชวียนในช่วงอายุของเจ้า ?! “
มูซื้อทงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยโทสะ
“ สายลับของพวกเราได้รวบรวมข้อมูลความแข็งแกร่งของสกุลจวิน รวมถึงเส้นสายที่เป็นความลับของพวกเขา เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้าว่าผู้ใดที่มีความเหมาะสมจะเป็นผู้ร้าย ? ”
” ตาเฒ่าผู้นั้น จวินจ้านเทียน … เขามิได้เป็นสวรรค์เชวียนอย่างนั้นรึ ? นี่เป็นงานที่ง่ายสำหรับเขา มีอะไรประกันได้ว่าเขามิได้ทำเช่นนี้ ?! ”
เซี่ยวฮั่น โต้แย้งกลับไป
ทุกคนในที่นี้เพ่งมองไปยังยังเขาราวกับเพ่งมองไปยังคนบ้า
เจ้าสงสัยในชายผู้นั้นจริงหรือ ? เจ้าเสียสติไปแล้วหรือย่างไร ? ลืมเรื่องอื่นไปซะ หากเจ้าคิดว่าผู้เฒ่าผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับโอกาสที่จะสังหารสกุลเซี่ยทั้งสกุล ข้าเชื่อว่าผู้เฒ่าผู้นั้นคงจะไม่วิ่งแก้ผ้าไปมาอย่างแน่นอน
” ผู้นั้น … คนผู้นั้นหนุ่มมาก และอ่อนวัยเกินกว่าจะเป็นสูงชายของผู้เฒ่าจวิน หรือตัวผู้เฒ่าจวินเอง ! ”
องค์หญิงน้อยเอ่ยขึ้น องค์หญิงน้อยได้ยินถึงเรื่องความรักใคร่ของพี่สาวและจวินวูอี้อยู่บ้าง รวมถึงเรื่องราวบางอย่างของสกุลจวิน และประทับใจอย่างมากกับผลงานของสกุลจวิน
” องค์หญิงน้อยเจ้าคงไม่รู้ว่า ในโลกนี้มีเคล้ดบางอย่างที่สามารถปลอมแปลรูปลักษณ์เป็นผู้อื่นได้ … “
เซี่ยวฮั่น รู้ว่ามันยากที่จะเอาชนะความเชื่อใจของทุกคนด้วยความผิดพลาดของเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะปกป้องตัวเอง
“ ใช่ ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของจวินวูอี้พัฒนาไปถึงขั้นสวรรค์เชวียนแล้ว และเขาจะไม่ใส่ใจที่จะวิ่งไปทั่วเพื่อแก้แค้นสกุลเซี่ยว … ”
” เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้ารู้ดีถึงความพิการของจวินวูอี้ และเจ้ายังต้องการโต้แย่งอีกอย่างนั้นหรือ ? เจ้าต้องการเอาอะไรจากเรื่องนี้ ? “
มูซื้อทงโต้กลับไปด้วยโทสะ
” หากเรากล่าวหาและสังหารจวินวูอี้ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ข้าเกรงว่า องค์หญิงคนโตคงจะกระโดดลงมาจากยอดเขาในเมืองพายุหิมะ และฆ่าตัวตายเพื่อไปพบกับคนรักของนางในโลกหน้า เจ้าได้อะไรจากการบังคับให้คนรักทั้งสองกระทำเช่นนี้ ?! ”
ดวงตาของเซี่ยวฮั่ยแดงก่ำในขณะที่หายใจหอบด้วยโทสะ และแม้ว่าเขาจะเหนื่อยที่จะพูดหลายครั้ง …. ในที่สุดเขาก็ทำไม่ได้
” ข้ามั่นใจว่านี้มิใช่การกระทำของสกุลจวิน เพราะมีสิ่งหนึ่งที่ข้ายังมิได้พูดถึง ! “
ใบหน้าขององค์หญิงเผยถึงความหวาดกลัวในขณะที่นางคิดถึงอะไรบางอย่าง
” อะไรหรือ ? “
ทุกคนถามขึ้นขณะที่หันไปมองใบหน้าที่หวังกลัวของนาง
” หลังจากที่ชายผู้นั้นทิ้งพวกเราไว้เพียงลำพังในป่าเมเปิ้ล ทันใดนั้นทั่วทั้งป่า … มันหายไปในทันที … “
ดวงตาขององค์หญิงน้อยเบิกกว่างด้วยความหวาดกลัวขณะที่นนางบรรยายเหตุการณ์นั้นด้วยน้ำเสียงขวัญหนี
“ทั่วทั้งป่ากลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นลมพัด … และทั้งป่านั้น … หายไป … และคงไว้เพียงพื้นที่โล่ง … พื้นที่อันว่างเปล่า … ไม่มีสิ่งอื่นใดเลย ! ”
ผู้อาวุโสทั่งสามยืนขึ้นทันทีหลังจากได้ยินสิ่งเหล่านี้ แม้แต่ผู้อาวุโสเก้าผู้ที่กำลัง วุ่นอยู่กับการรักษาการบาดเจ็บของ เซี่ยวเฟิงวู เบื้องต้น ก็ไม่เว้น ปล่อยให้เด็กหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บกระอักเลือดออกมาจากปาก
” เป็นจริงเช่นนั้นหรือ ? เจ้ามั่นใจหรือว่าสิ่งที่บอกพวกเรานั้นถูกต้อง ? ”
ผู้อาวุโสทั้งสามเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวหาผู้อาวุโสทั้งสามถึงความตื่นตระหนกได้หลังจากที่ได้ยินเรื่องเช่นนี้ เพราะแม้แต่ผู้ที่มีความรู้และประสบการร์ดั่งเช่นพวกเขาก็ไม่เคยได้ยินถึงปรากฏการณ์เช่นนี้ แม้แต่ในตำนาน ! เหตุการณ์นี้ เกินว่าความเสียหายที่เกิดจากปราณเชวียนไปแล้ว !
เมืองพายุหิมะขาว ส่งคนมากมายออกไปเพื่อพยายามรวบรวมวัตถุและสมบัติทุกชนิด เพื่อศึกษาและค้นกว่าเพื่อหาสมบัติหายากที่ปลดขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ต่อปราณเชีวยน !
ดังนั้น เห็นได้ชัดว่าปฏิกริยาของผู้อาวุโสทั้งสามนั้น แสดงออกถึงความกังวลเมื่อได้ยินว่า มีสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถเช่นนนี้ได้ !
” ข้าจักติดตามองค์หญิงน้อยไปยังป่าเพื่อดูสิ่งนี้ด้วยตัวข้าเอง เซี่ยวฮั่น เจ้าจงติต่อกับ ราชวงศ์แห่งเมือเทียนเชียงโดยเร็ว และ ร้องขอหมอหลวงจากพวกเขา ใช่ทุกอย่างใน หอมณีวิจิตร เพื่อรับประกันว่า ความบาดเจ็บของเด็กผู้นี้จะได้รับการฟื้นฟู น้องเก้า เจ้าจงอยู่ที่นี่ และดูแล หอมณีวิจิตรไว้ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจงส่งพิราบสื่อสารกลับไปยังเมืองพายุหิมะขาว เพื่อสอบสวนหากนี่คือการกระทำของ คฤหัสน์ฉือฮั่น .. แม้ว่ามันอาจจะมิใช่ มูซื้อทง เจ้าจงติดตามน้าหกของเจ้าไปยังที่พำนักสกุลจวิน และต้องประเมินปฏิกริยาของพวกเขาต่อสถานการณ์นี้ เพื่อตรวจสอบว่าว่าพวกเขามียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ในสกุลหรือไม่ แม้ว่าพวกเขาจะมิได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่พวกเขายังคงเป็นผู้ต้องสงสัย แยกกันดำเนินการจำเป็นต้องได้รับการจัดการในทันที และพวกเราจะแยกกันดำเนินการ และดำเนินการพร้อมกัน “
ผู้อาวุโสสามออกคำสั่งด้วยท่าทีสงบและสุขุม