ภาคแยก | บทที่ 9 นางคือพรหมลิขิต

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

“ให้ตายเถอะ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นใครแต่หลงรักไปแล้ว?”

วอลเทอร์มองรอธซีด้วยสายตาเวทนา รอธซีเห็นดังนั้นก็หลบตาและพยายามแก้ตัว

“ก็มันไม่มีเวลาให้ถาม นางรีบร้อนจากไปเสียก่อน”

“แล้วไปเจอกันได้อย่างไร”

“ระหว่างทางมาที่นี่รถม้าของข้าเกิด…อุบัติเหตุนิดหน่อย ส่วนนางนั่งอยู่ในรถอีกคัน”

“โอ้ โรแมนติกเหมือนกันนะเนี่ย”

วอลเทอร์โยนผ้าขนหนูชุบน้ำที่วางแปะอยู่บนหน้าผากไปด้านข้าง เรื่องนี้ดูน่าสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“ไม่มีเบาะแสอะไรเลยหรือ” เขาถาม

“นางมีผมสีแดงราวกับเปลวเพลิง นัยน์ตาดูราวกับดวงอาทิตย์…”

“ไม่ต้องพรรณนาสละสลวยขนาดนั้น เจ้าจะเขียนนิยายหรือไร”

“ผมสีแดง ตาสีทอง”

“ง่ายๆ แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย”

วอลเทอร์หัวเราะคิกคักและเสนอทางแก้ “ฟังนะ โร ข้ามีความคิดดีๆ”

“อะไร”

“อีกไม่นานก็จะถึงวันงานรำลึกวันสถาปนาจักรวรรดิแล้วใช่ไหม”

“ใช่”

“เลดี้แทบทุกคนต่างก็เข้าร่วมงานนั้น เพราะมันเป็นที่ที่เหมาะจะหาว่าที่เจ้าบ่าวดีๆ สักคน เหมือนกับงานสังคมทั่วๆ ไป”

“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น?”

“เพราะฉะนั้น เจ้า! ไปร่วมงานนี้ซะ”

“แต่ถึงข้าไปก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าข้าจะได้เจอนางอีก”

“แต่ถ้าเจ้าเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องก็เท่ากับเจ้าไม่มีโอกาสได้เจอนางอีกเลย ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์”

ก็จริง รอธซีพยักหน้าเห็นด้วย

“ข้าไม่ได้ไปที่แบบนั้นมานานมากแล้ว”

“น่าภูมิใจนักหรือไง ไอ้เจ้านี่” วอลเทอร์เอ็ดเสียงเขียว “ถ้าเจ้าขยันออกงานสังคมบ้าง เจ้าอาจจะได้พบนางเร็วกว่านี้ก็เป็นได้”

“ก็ไม่แน่” รอธซีตอบกลับส่งๆ “นางคงมาร่วมงานกระมัง” เขาถามวอลเทอร์

“อืม ถ้านางมิใช่คนมนุษย์สัมพันธ์แย่ยิ่งกว่าเจ้า นางต้องไปแน่”

วอลเทอร์ตอบพลางหัวเราะคิกคักแล้วจู่โจมรอธซีต่อ “ว่าแต่…แล้วถ้านางมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้วจะทำอย่างไร”

“อืม…”

วอลเทอร์เพียงแต่ถามเล่นๆ แต่รอธซีกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง ความจริงจังที่เหนือความคาดหมายนั้นทำให้วอลเทอร์ตกใจตะโกนออกมา

“จะรีบตีตนไปก่อนไข้ทำไม! ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางเลยแท้ๆ”

“นั่นก็จริง” รอธซีสนับสนุนคำพูดของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงชัดใส “ตอนนี้เล็งไปที่งานรำลึกฯ ก่อนแล้วกัน”

***

“อยู่ที่ไหนนะ…”

รอธซีไม่ได้ออกงานสังคมมานานจึงรู้สึกว่าทุกอย่างในงานรำลึกฯ ดูแปลกตาไปเสียหมด เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนเขาก็เคยมาร่วมงานอยู่สองสามครั้งแต่มันก็นานจนแทบจำอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อรัชสมัยเปลี่ยนไป รูปแบบของงานเลี้ยงก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปด้วย ตั้งแต่ลูซิโอขึ้นครองราชย์ นอกจากงานเลี้ยงหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว เขาก็ไม่เคยไปร่วมงานไหนอีกเลย

“เลิกทำตาหลุกหลิกเสียที! ทำอย่างกับคนตาเหล่”

รอธซีตอกกลับคำบ่นของวอลเทอร์อย่างชัดถ้อยชัดคำ “หุบปาก”

“คนเยอะขนาดนี้เจ้าจะหาตัวนางอย่างไร ตามหาบ่อน้ำในทะเลทรายยังจะง่ายเสียกว่า!”

หรือไม่ก็ไปงมเข็มในมหาสมุทร! รอธซีทิ้งสหายที่เอาแต่สรรหาเรื่องมาบ่นไว้เบื้องหลังและเดินไปทางอื่นเพียงลำพัง เขาคิดว่าจะหานางเจอ เขาต้องหาให้เจอ นางมีรูปโฉมที่ค่อนข้างง่ายต่อการมองหา

โดยเฉพาะสีผม เขาจำเรือนผมสีแดงสดนั้นได้ขึ้นใจ แม้จะอยู่ไกลเขาก็สามารถหาเจอได้ เพราะฉะนั้นขอแค่เขากวาดสายตามองหาอีกนิดก็พอ อีกแค่นิดเดียว…

“อ๊ะ!”

ตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็ร้องออกมาและล้มลงกับพื้น จังหวะนั้นรอธซีรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งมากระแทกเขาอย่างจังจนเซไปด้านหลัง รอธซีมองสำรวจคนที่เดินมาชนด้วยแววตาสับสน

‘เอ๊ะ…?’

คนที่ดูคุ้นตา ไม่สิ คนที่เขาอยากเจอเหลือเกินล้มลงอยู่ตรงนั้น

คงเพราะตอนล้มนางถือแก้วค็อกเทลอยู่ ค็อกเทลจึงหกราดชุดเดรสจนเกิดรอยเปื้อนอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่นางไม่ได้ทำแก้วแตก หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดกับสภาพเละเทะของตัวเองจึงส่งเสียงออกมา

“อือ…”

ถ้าพรหมลิขิตมีจริงก็คงเป็นอะไรแบบนี้กระมัง

“เป็นอะไรไหมครับ เลดี้?” เขาเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ได้ยินดังนั้น ฝ่ายหญิงก็เงยหน้าขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ทุกอิริยาบทของหญิงสาวทำหัวใจของรอธซีเต้นแรง ครั้นนางเห็นหน้าเขาแล้วก็เผลออุทานออกมา

“เอ๊ะ!”

ผ่านไปครู่หนึ่งนางถึงร้องออกมาราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้

“คนในรถม้าเมื่อตอนนั้น! ใช่ไหมคะ?”

จำได้ด้วยสินะ

รอธซีคิดถึงแต่เรื่องที่อีกฝ่ายจำตนได้พร้อมกับเผยยิ้มกว้าง เขายื่นมือให้นางอย่างมีมารยาทและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“จับมือนี้แล้วลุกขึ้นก่อนเถอะครับ เลดี้”

“เอ่อ…ค่ะ”

ฝ่ายหญิงตอบรับน้ำใจของเขาอย่างสุภาพแล้วลุกขึ้นยืน อาจเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่น้อยทำให้เขาไม่รู้สึกถึงแรงที่ฝ่ามือเลยสักนิด ทำไมถึงผอมขนาดนี้นะ รอธซีบ่นในใจ จากนั้นเขาก็กล่าวขออภัยต่อหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ต้องขออภัยเลดี้ ข้าควรจะระวังให้มากกว่านี้ ทำให้เลดี้ต้องลำบากแล้ว”

“หามิได้ค่ะ ลอร์ด ข้าเองก็ไม่ทันระวังเช่นกัน เช่นนั้นข้าขอตัว…”

ไม่นะ! เขาตะโกนลั่นในใจ นางกำลังจะหนีไปอีกแล้ว หากเขาปล่อยนางไปตอนนี้ เขาคงเป็นคนที่โง่งมที่สุดในโลก คราวนี้เขาจะไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปเฉยๆ เด็ดขาด อย่างน้อย…อย่างน้อยก็ต้องได้รู้จักชื่อ

“เดี๋ยวครับ” เขารีบรั้งหญิงสาวไว้

ทำได้ดีมาก โร! รอธซีชมตัวเองเพื่อเรียกความกล้า ในขณะเดียวกันฝ่ายหญิงก็เงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าสับสน รอธซียิ้มอย่างนุ่มนวลพลางกล่าว

“นี่คงเป็นพรหมลิขิตนะครับ”

“…”

“โบราณว่าไว้ เพียงชายเสื้อเฉียดกันก็นับเป็นพรหมลิขิตแล้ว”

จากนั้นรอธซีก็แนะนำตัวเสียงสั่น “รอธซี ไอล์ ลี เบรดิงตันครับ”

“เปโตรนิยา ลอว์รา เลอ โกรเชสเตอร์ค่ะ”

เปโตรนิยา

นามก็ไพเราะ แต่โกรเชสเตอร์…โกรเชสเตอร์นี่เคยได้ยินมาจากไหนนะ…? เขาทวนคำสามพยางค์นั้นซ้ำไปซ้ำมา ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคือพี่สาวฝาแฝดของจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันและนั่นทำให้เขาตกใจอย่างมาก นางคือบุตรีตระกูลมาร์ควิส

ในตอนนั้นเอง เปโตรนิยาบอกกล่าวชื่อเสียงเรียงนามแล้วก็ทำท่าจะจากไป รอธซีตกใจอีกครั้งรีบรั้งตัวหญิงสาวไว้อย่างเสียมารยาท

“เอ่อ เดี๋ยวก่อนครับ”

“…”

รั้งตัวอีกฝ่ายไว้ได้แล้ว แต่เขากลับไม่มีอะไรจะกล่าว ข้าควรจะทำอย่างไรดี? ข้าควรจะพูดอะไรดี? รอธซีพยายามเค้นสมองที่สับสนปั่นป่วนมาตั้งแต่เมื่อครู่คิดหาข้ออ้าง ตอนนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นชุดเดรสเปื้อนค็อกเทลของนางเข้าจึงนำมาใช้เป็นข้อแก้ตัว

“ชุดของเลดี้เปื้อน…”

“…”

“หากข้าปล่อยเลดี้ไปเช่นนี้ ข้าคงรู้สึกผิดมาก”

“เอ่อ ไม่เป็นไรเลยค่ะ…”

“แต่ข้าเป็นครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“ช่างเป็นเลดี้ที่ดื้อรั้นจริงๆ นะครับ”

“ค่ะ ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”

“ข้าไม่ใช่คนน่าสงสัยเสียหน่อย…”

“ข้าก็ไม่เคยบอกว่าท่านเป็นคนน่าสงสัยนะคะ ลอร์ด”

“เช่นนั้นไยจึงเอาแต่หลบเลี่ยง… ข้าเพียงแต่รู้สึกผิดต่อเลดี้เท่านั้นจริงๆ นะครับ”

“ก็ได้ค่ะ ลอร์ด ข้าสงสัยจริงๆ…ว่าท่านต้องการให้ข้าทำอย่างไรกันแน่”

ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของรอธซีก็เด่นชัดยิ่งขึ้น เรียบร้อย! หาจุดเชื่อมโยงได้แล้ว! รอธซีพยายามเก็บซ่อนน้ำเสียงที่สั่นเครือขณะกล่าวกับอีกฝ่าย

“ก่อนอื่นข้าจะชดใช้เรื่องชุดเดรสที่เลดี้สวมในวันนี้ให้ครับ”

“…ชุดสีเข้มนะคะ คงไม่เป็น… ไม่สิ ตกลงค่ะ เช่นนั้นท่านช่วยส่งชุดไปที่คฤหาสน์มาร์ควิสโกรเชสเตอร์…”

“ยังมีอีกเรื่องครับ”

“…อะไรหรือคะ”

สิ้นคำถามของเปโตรนิยา รอธซีก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนที่สุดในโลกพลางคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าหญิงสาว ด้วยเหตุนี้ระดับสายตาของเขาจึงต่ำลง รอธซีได้เงยหน้ามองเปโตรนิยาที่ยืนอยู่สูงกว่าเขาเป็นครั้งแรก เขายิ้มบางๆ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“วันนี้ช่วยเต้นรำกับข้าสักเพลงได้ไหมครับ เลดี้?”

“…คะ?”

รอธซีรู้ได้ทันทีว่าเปโตรนิยากำลังสับสน ทว่า สำหรับเขาแล้วความรู้สึกชอบพอที่เขามีต่ออีกฝ่ายสำคัญกว่าความเขินอายในตอนนี้จึงถามซ้ำอีกครั้ง

“ข้าถามว่าท่านจะช่วยเต้นรำกับข้าได้ไหมครับ เลดี้”

“ข้า…”

เปโตรนิยาลังเลและเลี่ยงตอบคำถาม รอธซีเห็นดังนั้นก็รอคอยอย่างอดทน เรื่องรอเขาถนัดยิ่ง สิ่งสำคัญคือคำตอบจะออกมาเป็นแบบไหนต่างหากเล่า ขอเพียงคำตอบเป็นไปในทางที่ดี จะกี่ร้อยกี่พันปีเขาก็รอได้

“ข้า…ไม่คิดเช่นนั้นค่ะ”

และนี่คือการปฏิเสธ แต่รอธซีก็ไม่ละความพยายาม เพราะถ้าเขายอมแพ้ตรงนี้ทุกอย่างก็จะจบ ทั้งรักแรกของเขา รักข้างเดียวของเขา ทุกอย่างจะจบลง

“ให้โอกาสข้าแค่สักครั้งไม่ได้หรือครับ” เขาถามอย่างเว้าวอน

หากเคาน์เตสเบรดิงตันมาเห็นภาพนี้นางคงตกใจลมแทบจับและถามว่าตัวเขาในตอนนี้คือคนเดียวกับตัวเขาเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่ เปโตรนิยาตกตะลึงกับความเด็ดเดี่ยวของชายหนุ่มจึงถามกลับ

“ไยท่านจึงรบเร้าข้าเช่นนี้ล่ะคะ”

“ข้า…” ใบหน้าของรอธซีแดงระเรื่อขณะที่สารภาพออกไป “ข้าคิดว่าข้าตกหลุมรักเลดี้เข้าแล้วล่ะครับ”

ปัญหาเริ่มจากตรงนี้ สีหน้าของฝ่ายหญิงพลันแข็งทื่อในทันใด รอธซีเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นก็พยายามคิดทบทวนว่าขณะที่สารภาพรักเขาทำอะไรพลาดไปหรือไม่ ทว่า นอกจากคำสารภาพรักแล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ รอธซีกลืนก้อนน้ำลายเหนียวๆ ด้วยความประหม่า

“ชะ…ชอบหรือคะ”

“ครับ”

“ข้าน่ะหรือคะ”

“ครับ”

“ทำไมล่ะคะ ดูเหมือนท่านจะลืมไปนะคะ ลอร์ด พวกเราเพิ่งพบหน้ากันเพียงสองครั้งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนพบกันครั้งแรกก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เองนะคะ”

“สำหรับความรัก ระยะเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ สิ่งสำคัญคือพรหมลิขิตและหัวใจมิใช่หรือครับ”

“น่าเสียดายนะคะที่ข้าไม่เชื่ออะไรแบบนั้น…”

“ข้าตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกพบแล้วครับ เลดี้”

“เดี๋ยวสิ แล้วท่านมาตกหลุมรักข้าได้อย่าง…”

“ดูเหมือนเลดี้จะไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบนะครับ”

“ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลน่ะค่ะ”

“ตัวข้าคือหลักฐานครับ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าก็ได้แต่งงานกันเพราะเรื่องนั้น”

“ขออภัยแต่ข้าไม่ค่อยชอบเรื่องพรรค์นั้น ข้าคิดว่าการคบหาดูใจกันเป็นเวลานานน่าจะ…”

“อา แย่จริง”

รอธซีพึมพำด้วยสีหน้าสับสน ยังมีปัญหาอื่นอยู่ด้วยสินะ เขาตำหนิตัวเองที่ทำตัวโง่งมและกล่าวขอโทษอีกฝ่าย

“ขออภัยด้วยครับ เลดี้ เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเลดี้ ขออภัยจริงๆ ครับ”

“หามิได้ค่ะ ไม่ถึงกับต้องขอโทษ…”

“ถ้าอย่างนั้น เลดี้ครับ” รอธซีเงยหน้ามองเปโตรนิยาด้วยรอยยิ้มหวาน “ช่วยคบหาดูใจกับข้า ‘นานๆ’ ได้ไหมครับ”

“เดี๋ยวสิคะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้…”

“ข้าอยากคบหากับเลดี้อย่างเป็นทางการครับ”

“…”

แม้เรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในขณะที่ทั้งสองเพิ่งพบกันได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่รอธซีก็ไม่สนใจ ดูเหมือนว่าเขาจะตกหลุมรักอีกฝ่ายอย่างหาทางกลับขึ้นไปไม่เจอแล้ว ช่างเป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วและน่ากลัว แต่เขาก็หาได้สนใจ เพราะหัวใจที่เต้นระรัวอยู่นี้บอกชัดแล้วว่า…

ผู้หญิงคนนี้คือพรหมลิขิตของเจ้า เพราะฉะนั้น จงคว้านางไว้

“ขอโทษนะคะ ลอร์ด ข้าไม่ได้ชอบท่านค่ะ”

ทว่า สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำปฏิเสธ แต่ถึงกระนั้นรอธซีก็ยังไม่หมดหวัง มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว อีกฝ่ายเพิ่งพบเขาวันนี้เป็นครั้งที่สอง หากนับเวลาก็เรียกได้ว่ายังไม่ครบหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาก็ยิ่งยอมแพ้ไม่ได้

“ข้าหวังว่าเลดี้จะมอบโอกาสให้เราได้ทำความรู้จักกันนะครับ” เขาอ้อนวอน

“ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านต้องมาทำตัววุ่นวายเช่นนี้ แต่ข้าพูดชัดเจนแล้วนะคะว่าข้าไม่ได้ชอบท่าน”

“…เพราะรักครับ”

“คะ?”

“ข้ารักท่านตั้งแต่แรกเห็น”

“…”

“และข้าจะไม่ทำตัวครึ่งๆ กลางๆ กับคนที่ข้ามอบใจให้หรอกครับ”

รอธซียิ้มหวานอย่างมีเอกลักษณ์พลางขอร้องเปโตรนิยาอีกครั้ง

“เพราะฉะนั้น เลดี้ครับ ได้โปรด…”

“…”

“เต้นรำกับข้าสักเพลงได้ไหมครับ”

“…”

“นะครับ เลดี้”

“…เฮ้อ”

เปโตรนิยาถอนหายใจ รอธซีกลัวว่าคำต่อไปที่จะออกจากปากของอีกฝ่ายจะเป็นคำปฏิเสธอีกครั้ง แต่โชคดีที่ดูเหมือนหญิงสาวจะเห็นใจเขาจึงเอ่ยตอบคำที่คาดไม่ถึงออกมา

“ก็ได้ค่ะ แต่แค่เพลงเดียวนะคะ”

ได้ยินดังนั้น รอธซีก็ยิ้มกว้างราวกับได้ครอบครองโลกทั้งใบ

“ขอบคุณครับ เลดี้”

แม้จะน่าขำอยู่บ้าง แต่ก็เพียงพอที่คำขอบคุณจะหลุดออกจากปากโดยอัตโนมัติ