ตอนที่ 855 - ผู้ประเมินใหญ

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.855 – ผู้ประเมินใหญ่
  ราคาของวารีผงกลั่นดวงใจที่เสียหายนั้นยังอยู่ในระดับสูงและพฤติกรรมของเฒ่าเฉียนพันมือก็น่าหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ซือหยูจึงเดินออกจากห้องโดยไม่มองเขาแม้แต่ครั้งเดียวและไม่พูดอะไรเลยหลังจากรับกล่องหยกของตัวเองได้!
  เขามิได้เป็นห่วงว่าจะไม่มีใครรู้จักวารีผงกลั่นดวงใจเพราะใครก็ตามที่ตรวจสอบมันอย่างอดทนจะรับรู้ฤทธิ์ที่แท้จริงของมัน ซึ่งนั่นก็คือการทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้น! มันคือโอสถวิญญาณที่ผู้คนอยากได้จนแทบคลั่ง!
  แต่ถ้าหากคนของโรงประมูลเทียนหยาดวงตาไร้แววซือหยูก็ทำได้แค่ให้มันกับโรงประมูลอีกสามแห่งที่เหลือ เพราะไม่ว่าใครจะเป็นคนขาย ชื่อของมันจะต้องดังกระฉ่อนไปทั่วเมือง!
  ซือหยูออกจากห้องด้วยความใจเย็นเมื่อชาเอ๋อที่รออยู่ด้านนอกเห็น นางก็ถามด้วยตาเป็นประกาย
  “ท่านผู้เฒ่าโอสถของท่านผ่านการประเมินหรือไม่?”
  เสียงของนางดูมีความหวังเพราะไ่มียอดฝีมือคนใดที่ออกมาจากห้องของเฒ่าเฉียนพันมือด้วยสีหน้าที่ใจเย็นเช่นนี้!แต่ซือหยูก็ส่ายหน้า
  “เฒ่าเฉียนพันมือมีมาตรฐานสูงนักเขาไม่อนุมัติโอสถของข้า”
  ใบหน้าน่ารักของชาเอ๋อผิดหวังแต่นางก็รีบฝืนยิ้มและปลอบซือหยู
  “ข้าผิดเองถ้าข้าพาท่านไปหาผู้ประเมินคนอื่น ท่านอาจจะเจอการประเมินที่ดีกว่านี้”
  ซือหยูประทับใจสาวน้อยคนนี้เขาโยนถุงให้นางโดยไม่คิดอะไร
  “เจ้าทำดีที่สุดแล้วข้าจะไปหาโรงประมูลอื่น”
  ชาเอ๋อรับถุงและเปิดดูนางพบว่ามีแก้วถึงสิบดวงอยู่ข้างใน!
  “อ๊าา!ท่านผู้เฒ่า นี่มัน…”
  ชาเอ๋อตกตะลึงร่างกายอันน่ารักของนางสั่นด้วยความตื่นเต้น
  “นี่เป็นรางวัลที่เจ้าควรได้”
  ซือหยูโบกมือให้นางและก้าวออกจากโรงประมูล
  นางดีใจมากเมื่อรู้ว่าได้มาเจอกับคนมีฐานะที่ใจดีนางรีบเดินตามเขาไปทันที
  “ท่านผู้เฒ่าขอบคุณท่านมากนะ! ข้าจะไม่ลืมน้ำใจของท่านเลย”
  แววตาของนางเต็มไปด้วยความขอบคุณ
  ซือหยูยิ้มและพยักหน้าให้นาง
  “แก้วพลังเป็นเพียงของนอกกายเจ้าไม่ต้องจำใส่ใจนักก็ได้ ว่าแต่…อีกสามโรงประมูล มีโรงประมูลที่เป็นของตำหนักโลหิตหรือไม่?”
  เพราะเขาก็เป็นศิษย์ตำหนักโลหิตและถ้าเขาไปยังโรงประมูลของตำหนักโลหิตเอง เขาคงจะไม่ถูกขับไล่ไสส่ง
  ชาเอ๋อรีบตอบ
  “มีสิ!โรงประมูลตำหนักโลหิต…อยู่ไม่ไกลจากที่นี่! ข้าจะพาท่านไปเอง”
  ซือหยูยิ้มและชี้ใบปลิวในมือของนางที่ยังแจกไม่หมด
  “เจ้าทำงานของเจ้าให้เสร็จเถอะหวังว่าจะได้เจอเจ้าอีกครั้ง!”
  หลังพูดเจบเขาก็หายไปในเหล่าทะเลผู้คนมากมายในเมืองเทียนหยา
  ณห้องศิลาข้างโรงประมูลเทียนหยา
  เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้วเหล่าผู้ประเมินกำลังพักและหยุดการประเมิน แต่พวกเขาก็มิได้สบายใจนัก เพราะผู้ประเมินใหญ่กำลังจะมาตรวจสอบผลงานของพวกเขาในอีกไม่นาน
  ผู้ประเมินใหญ่จะเข้ามาในห้องของพวกเขาและสอบถามแต่ละคนด้วยตนเองด้วยเหตุนี้ พวกเขาเลยเป็นกังวลอย่างมาก เพราะถ้าหากผู้ประเมินใหญ่ไม่พอใจ เขาก็มีอำนาจมากพอที่จะไล่ผู้ประเมินคนใดก็ได้ออก
  ผู้ประเมินใหญ่มีชื่อเสียงอันดีเหล่าผู้ประเมินที่เขาไล่ออกมักจะไม่ถูกโรงประมูลอื่นจ้างอีก บอกได้เลยว่าคำพูดเดียวของเขาสามารถทำลายชีวิตของผู้ประเมินทั่วๆไปได้เลย!
  เหล่าผู้ประเมินรอการมาของเขาด้วยความกังวลใจพวกเขาทำท่าทางราวกับกำลังจะเจอศัตรูตัวฉกาจ เรื่องเช่นนี้ก็เกิดกับเฒ่าเฉียนพันมือด้วย และตอนนี้เขากำลังนั่งนิ่งขณะที่พยายามอย่างหนักเพื่อทำสีหน้าที่ดูจริงใจและทุ่มเท
  เอี๊ยด!
  เฒ่าเฉียนพันมือใจสั่นเมื่อประตูเปิดและผู้ประเมินใหญ่เดินเข้ามา
  “เฒ่าเฉียนพันมือเจ้าเจอของที่ควรค่ากับการประมูลหรือไม่?”
  ชายแก่ผมขาวหน้าแดงที่สวมผ้าคลุมลวดลายจันทราดาราถาม
  เฒ่าเฉียนพันมือยืนขึ้นตัวตรงตอบ
  “ผู้ประเมินใหญ่ข้าไม่เจอของมีค่าเลย ข้ามันใช้ไม่ได้”
  ชายแก่ส่ายหน้า
  “ข้ารู้ว่าเจ้ามีมาตรฐานสูงและไม่สนใจของธรรมดาแต่ถ้าเป็นของดี เจ้าย่อมอนุมัติมัน โรงประมูลของเรากำลังแย่และขาดของดี”
  เฒ่าเฉียนพันมือตอบอย่างหนักแน่น……..novel-lucky
  “ผู้ประเมินใหญ่ข้ายังคงคิดว่าของธรรมดาไม่เหมาะสมที่จะแสดงในโรงประมูลของเรา มันจะทำให้พวกเราเสื่อมเสียเกียรติ ข้าคิดว่าไม่มีอะไรดีไปกว่ารับของที่ยอดเยี่ยมมา และข้าก็เชื่อว่าไม่มีของล้ำค่าที่จะหลอกตาข้าได้!”
  ชายแก่พยักหน้าเบาๆเมื่อจ้องมองเฒ่าเฉียนพันมือเขาดูจะยอมรับมุมมองของอีกฝ่าย แม้ว่าเฒ่าเฉียนจะหยิ่งผยองและหยาบคาย เขาก็ยังมีความเชี่ยวชาญในหน้าที่ แต่อย่างไร เขาก็ดื้อรั้นเกินไป!
  ชายแก่ไม่คิดจะไล่ต้อนไปมากกว่านี้เขาจึงพยักหน้าให้ก่อนจะประสานมือไพล่หลังเดินจากไป และเมื่อประตูเปิด สายลมอ่อนๆพัดเข้ามา กลิ่นในห้องจึงได้แล่นออกมาที่ด้านนอกผ่านประตู
  ผู้ประเมินใหญ่ที่กำลังจะออกจากประตูหยุดเดินในทันทีเขาย่นจมูกด้วยความแปลกใจ เขาหันไปจ้องเฒ่าเฉียนพันมือและยิ้มจางๆ
  “เฒ่าเฉียนพันมือเจ้าคิดจะรอให้ถึงเย็นก่อนแล้วค่อยบอกข่าวดีกับข้ารึ?”
  เฒ่าเฉียนพันมือตกใจเขาถามด้วยความสงสัย
  “ท่านผู้ประเมินใหญ่ท่านความหมายว่าอย่างไรรึ?”
  ผู้ประเมินใหญ่หัวเราะชอบใจ
  “เจ้าคิดว่าเจ้าจะปิดบังข้าจากกลิ่นโอสถในห้องนี้ได้หรือ?นี่เป็นกลิ่นโอสถใหม่ที่ข้าไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน! ข้าสัมผัสได้ว่ามันมีผลในการเพิ่มพลังดวงวิญญาณ”
  เขาพูดต่อ
  “เอามันออกมาเร็วข้าประเมินโอสถมาหลายสิบปีแล้ว ข้าไม่เคยเห็นโอสถที่จะเพิ่มพลังดวงวิญญาณได้มากกว่าสองครั้ง และพวกมันคือโอสถชั้นสูงที่แม้แต่อสูรเนรมิตรยังอยากได้!”
  แววตาของผู้ประเมินใหญ่เปล่งประกายเฒ่าเฉียนพันมือลุกขึ้นด้วยความกลัว เพราะโอสถที่จะทำให้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นนั้นมีเพียงโอสถที่เขียนเอาไว้ในตำราโบราณ ….มันมาปรากฏที่ห้องของข้าได้ยังไง?
  “ผู้ประเมินใหญ่ท่านพูดเรื่องตลกงั้นรึ? ถ้าข้าเจอโอสถเช่นนั้นจริง ข้าก็คงจะให้ท่านไปแล้ว!”
  เฒ่าเฉียนพันมืองุนงง
  รอยยิ้มของผู้ประเมินใหญ่หายไปเมื่อมองเฒ่าเฉียนพันมือ
  “เจ้าคิดจะโกงโอสถนี้เรอะ?”
  มิใช่ว่าเรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อผู้ประเมินเห็นสมบัติที่ล้ำค่ามากจากยอดฝีมือ พวกเขามักจะโลภและเก็บไว้กับตัวเอง และเมื่อใดที่ถูกล่วงรู้ ผู้ประเมินคนนั้นจะลงเอยด้วยโทษประหารจากโรงประมูลเทียนหยา!
  เฒ่าเฉียนพันมือกลัวมากเขาคุกเข่าลงหนึ่งข้างและตอบ
  “ข้ามิบังอาจ!ท่านผู้ประเมินใหญ่ ท่านจะค้นตัวข้าก็ได้!”
  ผู้ประเมินใหญ่ตกใจกับท่าทางของเฒ่าเฉียนพันมือที่ดูเหมือนไม่ได้โกหกเขามองไปยังกองขยะบนโต๊ะและรีบก้าวเดินออกไปราวกับเจออะไรบางอย่าง เขาเจอหยดของเหลวสีม่วงที่เหือดแห้งที่ถูกสิ่งอื่นกองทับ
  เขาตาลุกวาว
  “นี่แหละ!”
  เฒ่าเฉียนพันมือมองตามด้วยความตกใจและสับสน
  ผู้ประเมินใหญ่ใช้ดัชนีจิ้มไปที่หยดที่แห้งและดึงนิ้วขึ้นมาดมจากนั้น ความรู้สึกสดชื่นในส่วนลึกของดวงวิญญาณก็แสดงออกมา ดวงวิญญาณของเขามั่นคงยิ่งกว่าเดิม
  “นี่คือโอสถโบราณวารีผงกลั่นดวงใจ! มันจะช่วยเพิ่มฐานพลังและทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้น!”
  ผู้ประเมินใหญ่ตกตะลึงเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
  เขาดูเหมือนคนที่ได้เจอสมบัติเลอค่าที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้!แม้เขาจะไม่มีสูตรโอสถ เขาก็มีความรู้และนึกถึงมันได้อย่างง่ายดาย
  “วารีผงกลั่นดวงใจ!”
  เฒ่าเฉียนก็รู้จักมันเช่นกันความตกตะลึงถาโถมเข้าใส่
  ผู้ประเมินใหญ่สีหน้าเย็นยาเขาหันไปพูด
  “พูดมา!โอสถน้ำนี่อยู่ไหน? ถ้าเจ้าไม่ส่งมา ข้าจะส่งเจ้าไปลงโทษเดี๋ยวนี้!”
  ปั้ง!
  เฒ่าเฉียนพันมือกลัวจนเข่าอ่อนใบหน้าซีดราวกับคนตาย เม็ดเหงื่อมากมายซึมผ่านหน้าผาก เขาคุกเข่าลงกับพื้นและรีบอ้อนวอน
  “ท่านผู้ประเมินใหญ่ไว้ชีวิตข้าด้วย!ข้าไม่ได้ซ่อนโอสถน้ำนี่ไว้เลย!”
  เขาพูดต่อ
  “ข้าเอาคืนไปแล้วเพราะคิดว่าโอสถมันไม่เหมาะสมแขกรับโอสถตัวเองคืนและกลับไปแล้ว!”
  “อะไรนะ?”
  ผู้ประเมินใหญ่ตกใจมากเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าเฒ่าเฉียนพันมือโกหกเขา
  เฒ่าเฉียนพันมือรีบพูด
  “ข้าพูดจริงนะ!คนรับใช้พาเขามา และพอเขาถูกปฏิเสธ เขาก็กลับไป ถามคนที่พาเขามาก็ได้ นางพิสูจน์ได้!”
  ผู้ประเมินใหญ่ทั้งตกตะลึงและโกรธแค้น
  “เจ้าประเมินโอสถโบราณพลาดไปได้ยังไง?เจ้าต้องถูกเอาไปทดสอบอีกครั้ง!”
  เฒ่าเฉียนพันมือนั้นเย่อหยิ่งและอวดดีและนั่นทำให้เขามั่นใจในวิชาการประเมินของตนมากเกินไป เขาจึงประมาทในการประเมินสินค้า
  เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองประเมินโอสถโบราณผิด!เขาเสียใจมากเพื่อคิดได้เช่นนี้ และตอนนี้ เขาจะถูกบันทึกไว้เป็นจุดดำของโรงประมูลเทียนหยา ถึงโรงประมูลเทียนหยาจะไม่ไล่ผู้ประเมินออกจากความผิดพลาดครั้งเดียว เขาก็จะยังคงมีชื่อเสียงด้านลบร้ายแรงติดตัว
  “คนผู้นั้นกลับไปเมื่อไหร่?”
  ผู้ประเมินใหญ่รู้แล้วว่ามันคือวารีผงกลั่นดวงใจเขาจะต้องไม่เลิกคิดตามหามัน!
  เฒ่เฉียนพันมือรีบตอบ
  “เขาออกไปเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน!”
  “เขาไปไหน?”
  ผู้ประเมินใหญ่มองขู่
  เฒ่าเฉียนพันมือสีหน้าขมขื่นเพราะเขาไม่รู้อะไรเลย!แต่จากนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้
  “ใช่สิ…คนรับใช้ผู้หญิงที่พาเขามาจะต้องรู้แน่!”
  ผู้ประเมินใหญ่ตาลุกวาว
  “คนไหน?เจ้าจำได้หรือไม่?”
  เฒ่าเฉียนพันมือพยักหน้าหลายครั้ง
  “ข้าจำได้นางเป็นคนขยันและมักจะพาคนมาที่นี่ ข้าคิดว่านางชื่อชาเอ๋อ!”
  ความกังวลใจปรากฏบนสีหน้าผู้ประเมินใหญ่เมื่อเขาสั่ง
  “เรียกชาเอ๋อมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”
  ขณะที่พวกเขากำลังตามหาซือหยูซือหยูก็ได้มาถึงโรงประมูลตำหนักโลหิตแล้ว