ตอนที่ 854 - เฒ่าเฉียนพันมือ

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.854 – เฒ่าเฉียนพันมือ
  ชาเอ๋อนอบน้อมกับเขาแม้จะไม่ได้หวังไว้สูงนักนางมีตำแหน่งที่ต่ำในโรงประมูลเทียนหยา ดังนั้นนางจึงทำได้แค่แจกใบปลิวบนถนนเพื่อเชิญให้ยอดฝีมือนำสมบัติมาขาย
  ที่นี่คือโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองยอดฝีมือมากมายต่างมาเพื่อที่จะขายสิ่งของ และด้วยมีผู้คนจำนวนมาก สมบัติทั้งหมดจึงมักจะไม่ผ่านการประเมินของโรงประมูลเทียนหยา
  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่ชาเอ๋อจะได้ส่วนแบ่งจากโรงประมูลถึงนางจะได้ ส่วนแบ่งก็คงไม่มากไปกว่าแก้วหนึ่งดวง แต่ชาเอ๋อก็ยังไม่ยอมแพ้ เพราะแก้วดวงเดียวก็นับว่ามากแล้วสำหรับคนจนๆอย่างนาง
  “ท่านผู้เฒ่าน่ายินดีนักที่ท่านมั่นใจ แต่ต่อให้ผู้ประเมินไม่ชอบ ท่านก็อย่าเสียใจไป มีโรงประมูลที่เล็กกว่าอีกสามโรงในเมือง ท่านลองไปเสี่ยงโชคที่นั่นดูได้”
  ชาเอ๋อยิ้มจางๆ
  เมืองเทียนหยานั้นกว้างใหญ่สมควรแล้วที่จะไม่มีโรงประมูลแค่ที่เดียว ซือหยูดีใจที่รู้ว่ายังมีโรงประมูลของดินแดนพรสวรรค์อยู่อีก และโรงประมูลเหล่านั้นก็ล้วนเป็นโรงประมูลชั้นแนวหน้า
  ส่วนผู้อยู่เบื้องหลังโรงประมูลเทียนหยาน่ะรึ?เขาค่อนข้างสงสัย เพราะไม่มีใครที่รู้ตัวตนของที่นี่อย่างชัดเจน แต่ผู้เป็นเจ้าของโรงประมูลแห่งนี้จะต้องแข็งแกร่งและสำคัญมากอย่างแน่นอน
  “หึหึ”
  ซือหยูหัวเราะเบาๆเพราะเขามั่นใจมากว่าวารีผงกลั่นดวงใจของเขาจะไม่ทำให้ผิดหวัง
  หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามชาเอ๋อนำซือหยูไปยังข้างโรงประมูลที่มีห้องศิลามากมาย ผู้คนยืนเรียงรายในแต่ละห้อง แต่ละคนนั้นเป็นคนของโรงประมูลเหมือนกับชาเอ๋อ
  “แต่ละห้องจะมีผู้ประเมินหนึ่งคนที่ผ่านการประเมินสมบัตินับไม่ถ้วนพวกเขามักจะไม่ตัดสินพลาด หลังยอดฝีมือเข้าไปในห้องจะต้องบอกเหตุที่มากับผู้ประเมินและให้ของที่อยากจะขาย”
  ชาเอ๋ออธิบาย
  “ตราบเท่าที่ได้รับอนุมัติของจะถูกส่งไปถึงผู้ประเมินใหญ่ และถ้าหากผู้ประเมินใหญ่อนุมัติด้วย สิ่งนั้นก็จะได้ขึ้นประมูล”
  ชาเอ๋อเลือกห้องที่มีคนต่อแถวไม่มากและรออย่างใจเย็นขณะที่พูดกับซือหยูเบาๆ
  “เราจะให้ผู้ประเมินคนนี้ประเมินของของท่านแต่ผู้ประเมินส่วนมากนั้นอารมณ์รุนแรง ท่านอย่าทำให้พวกเขาโกรธล่ะ! มิเช่นนั้นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่”
  ผู้ประเมินมักจะหยาบคายและอวดดีก็เพราะพวกเขามีความรู้ที่คนทั่วไปหยั่งไม่ถึงดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าพวกเขาเหนือกว่าคนอื่น และตำแหน่งในเมืองเทียนหยายังทำให้พวกเขามีเกียรติยิ่งกว่าเดิมจนทำให้พวกเขาเย่อหยิ่ง
  “เข้าใจแล้ว”
  ซือหยูพยักหน้า
  พวกเขารอในแถวไปอีกครึ่งชั่วยามแม้ว่าการประเมินของห้องนี้จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ซือหยูก็ไม่เห็นใครที่มีสีหน้ายินดีเดินออกมาเลย บางคนยังโกรธแค้นราวกับไม่พอใจขั้นตอนการประเมิน
  “ดูเหมือนผู้ประเมินจะเข้ากันได้ดีกับผู้คนนะ…”
  ซือหยูยิ้มจางๆเมื่อพูดตลก
  ชาเอ๋อขมวดคิ้ว
  “ถ้าประเมินเร็วเช่นนี้!พวกเราจะเจอเฒ่าเฉียนพันมืองั้นรึ?”
  ซือหยูมองชาเอ๋อเมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางดูแปลกไปเขาต้องถาม
  “มีอะไรแปลกๆกับเฒ่าเฉียนพันมือผู้นี้รึ?”
  ชาเอ๋อสว่ายหน้า
  “เขาไม่ได้แปลกแต่ทุกคนรู้ว่าเขามาตรฐานสูง เขาไม่ค่อยอนุมัติสมบัติที่ประเมิน ยอดฝีมือหลายคนถึงเกลียดเขา ข้าไม่ได้รู้สึกดีกับเขาเลย เปลี่ยนคนกันเถอะ”
  ชาเอ๋อขบริมฝีปากด้วยความกังวลใจ
  ถึงนางจะคิดว่าสิ่งที่เหมือนสมบัติโอสถของซือหยูจะไม่ถูกเลือกจากผู้ประเมินคนใดนางก็ยังรู้สึกว่าจะดีกว่าหากลองกับผู้ประเมินคนอื่น
  “หึหึแม่นางชาเอ๋อ เจ้าคิดอ่านได้ดีจริงๆ แต่มาลองดูก่อนเถอะ”
  ซือหยูยิ้มจางๆและส่ายหน้า
  “คนต่อไป…”
  เมื่อประตูห้องเปิดชายหนุ่มที่ใบหน้าโศกเศร้าและแค้นเคืองเดินพุ่งออกมา
  ซือหยูยิ้มให้ชาเอ๋อ
  “รอข้าสักประเดี๋ยว”……..novel-lucky
  ซือหยูเดินเข้าไปในห้องประตูห้องนั้นปิดไปเองขณะที่มีชั้นผนึกปรากฏขึ้นมา นี่จะป้องกันไม่ให้คนภายนอกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้อง นี่ก็เพื่อรักษาความลับของยอดฝีมือ
  ห้องนั้นมีแสงสว่างจ้ายิ่งกว่าด้านนอกชายแก่ผู้มีใบหน้าเฉียบคมนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขามองซือหยูอย่างเย็นชา
  เขาพูดด้วยเสียงราวกับเครื่องจักร
  “เอาของออกมา”
  เขามีท่าทางที่ไม่สนใจสิ่งใดซือหยูมองโต๊ะศิลาและเห็นโอสถและวัตถุดิบมากมายที่ค่อนข้างมีค่า บางชิ้นเหมือนจะถูกขว้างทิ้ง มีบางขวดที่แตกจนของข้างในกระจายเลอะเทอะ
  ซือหยูพยักหน้าและหยิบกล่องหยกออกมาจากกระเป๋ากล่องนี้มีวารีผงกลั่นดวงใจที่ล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้ายอยู่ มันนับว่าเป็นของเสียที่ไม่มีผลของโอสถถึงสองในสาม
  “ข้าอยากจะขายสิ่งนี้มันคือโอสถน้ำ โปรดประเมินด้วย”
  ซือหยูวางมันลงบนโต๊ะเบาๆ
  เฒ่าเฉียนพันมือขมวดคิ้วก่อนที่จะตรวจสอบด้วยซ้ำนั่นก็เพราะเขาได้ยินว่ามันคือโอสถน้ำ
  เขากลอกตาถาม
  “เจ้ากล้าเอาโอสถน้ำที่ไม่ได้หายากมาที่โรงประมูลเทียนหยางั้นเรอะ?คนที่ข้ารังเกียจที่สุดก็คือพวกที่มาเพื่อเสี่ยงโชค!”
  ซือหยูโกรธกับคำพูดวางท่าของเขาซือหยูทำเป็นไม่ได้ยิน ถึงเฒ่าเฉียนพันมือจะพูดเช่นนั้น เขาก็ทำหน้าที่โดยการเปิดกล่องหยกไปประเมินโอสถ
  ทันทีที่เปิดกลิ่นสดชื่นจู่โจมจมูกของเขา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
  “โอสถน้ำนี่ทำให้จิตใจสดชื่นขึ้นรึ?”
  เฒ่าเฉียนพันมือไม่รอคำตอบเขาใช้หนึ่งหยดวางลงบนเครื่องประเมิน ผ่านไปนานก่อนที่เขาจะพูดอีกครั้ง
  “มันสามารถเพิ่มฐานพลังของภูติชั้นกลางได้!มันคือโอสถส่งผลสองประเภท นั่นคือการเพิ่มฐานพลังกับทำให้จิตใจสดชื่น”
  เขาบอกฤทธิ์โอสถได้ในระยะเวลาไม่นานนั่นแสดงให้เห็นว่าทักษะของเขาค่อนข้างดี แต่เขานั้นรีบประเมินจนไม่ได้ดมกลิ่นให้ดี นั่นทำให้เขาพลาด…
  “สรุปแล้วมันก็แค่โอสถชั้นกลางมันคือโอสถน้ำที่จะเพิ่มฐานพลังและนับว่าเป็นของดีในบรรดาโอสถระดับเดียวกัน”
  เฒ่าเฉียนพันมือเงยหน้าและพูด
  เขาพูดต่อ
  “แต่มันยังเป็นของที่เสียหายเป็นผลผลิตจากการปรุงที่ล้มเหลว ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าเอามันมาให้ข้าประเมิน! เอาของเจ้าคืนแล้วไสหัวไปซะ!”
  เฒ่าเฉียนพันมือถอนหายใจแรงด้วยความหยามเหยียดเขาสะบัดแขนเสื้อพัดกล่องหยดออกจากโต๊ะ! ซือหยูโกรธมากเมื่อไปรับกล่องหยกที่กำลังจะตกพื้น แม้ว่าเขาจะรับได้ โอสถสองหยดก็หยดลงบนโต๊ะไปแล้ว
  ซือหยูเข้าใจแล้วว่าทำไมวัตถุดิบล้ำค่าทั้งหมดถึงกระจายรอบโต๊ะเช่นนี้เขายังรู้ด้วยว่าทำไมถึงมีหลายคนออกมาจากห้องนี้ด้วยความโกรธแค้น นั่นก็เพราะเฒ่าเฉียนพันมือมิได้มีแค่ความหยาบคายเท่านั้น แต่เขายังมีพฤติกรรมที่เกินจะทนและปฏิบัติต่อผู้คนอย่างหยาบช้า!