บทที่ 953 หรือจะเป็นเนื้อค

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 953 : หรือจะเป็นเนื้อคู่!
  แม้เย่ซิงเฉินจะมีทีท่าระล้าระลังก่อนจากไปแต่เมื่อตัดสินใจเดินหันหลังให้หลิงหยุนแล้ว นางก็ไม่หันกลับมามองอีกเลย
  ขณะที่หลิงหยุนจ้องมองเย่ซิงเฉินค่อยๆก้าวเดินออกไปทีละก้าวนั้น ภายในก้นบึ้งของหัวใจเขานั้นกลับบังเกิดอารมณ์ความรู้สึกที่ยากจะทานทนได้ และแทบอยากจะกระโจนออกไปจับตัวนางไว้ไม่ให้จากไป..
  แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้ทำตามอย่างที่ใจต้องการเขาเพียงแค่อ้าปากค้าง และมือก็ยกขึ้นโบกร่ำลาเย่ซิงเฉินที่เดินหันหลังให้อย่างลืมตัว..
  “อะไรของข้ากันนี่..”
  หลิงหยุนเกิดความรู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นกำลังสูญเสียสิ่งล้ำค่าทางใจไปและรู้สึกว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก..
  หากจะพูดว่าหลิงหยุนไม่เคยประสบกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนก็คงไม่ผิดนัก! เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเย่ซิงเฉินกันแน่.. ไม่รู้จริงๆ!
  เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้นมีหญิงงามมากมายที่ติดตามเขาไปยังที่ต่างๆ และท้ายที่สุดพวกนางก็จากเขาไป แต่เขากลับไม่เคยรู้สึกเหมือนเช่นวันนี้มาก่อน และยังคงสามารถมีจิตใจที่สงบนิ่งเป็นปกติได้..
  อาจเป็นเพราะเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะนั้นหลิงหยุนไม่ได้ฝึกวรยุทธ แต่มุ่งเน้นที่การฝึกตนตามแนวทางแห่งเต๋า เพื่อมุ่งสู่การมีชีวิตที่เป็นอมตะนิรันด์กาลเท่านั้น
  แต่เมื่อมาอยู่ในโลกใบนี้หลิงหยุนต้องเริ่มฝึกฝนตั้งแต่จุดที่ต่ำสุด และค่อยๆ ไต่ขึ้นไปทีละขั้น แม้ว่าจะเป็นการฝึกบ่มเพาะตนเช่นกัน แต่ก็นับว่าเป็นเส้นทางการบ่มเพาะในอีกเส้นทางหนึ่ง
  ในโลกที่ไม่เหมือนกันสิ่งแวดล้อมจึงแตกต่างกัน จุดเริ่มต้นก็ต่างกัน ทำให้เส้นทางการบ่มเพาะแตกต่างกัน สภาพจิตใจจึงมีความมั่นคงแตกต่างกันไปด้วย!
  หลิงหยุนยอมรับว่าความรู้สึกเช่นนี้รบกวนตนเองอย่างมาก!
  หญิงสาวแต่ละคนที่เข้ามาในโลกในชีวิต และในเส้นทางบ่มเพาะของเขานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีอุปนิสัยแตกต่างกัน แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกนางมีเหมือนกัน นั่นก็คือความรักที่มีให้หลิงหยุนอย่างสุดหัวใจ
  และหลิงหยุนเองก็ชื่นชอบพวกนางทุกคนด้วยใจจริงและไม่ว่าหญิงสาวคนใหนจะถูกจับตัวไป หรือหายไปจากชีวิตของเขา หลิงหยุนก็จะรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเช่นกัน เพราะหัวใจของเขาก็เป็นเพียงก้อนเนื้อก้อนหนึ่งเท่านั้น..
  แต่ถึงกระนั้น..ความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านั้น ก็ยังไม่รุนแรง และหนักหนาเหมือนกับเวลานี้ที่เย่ซิงเฉินเดินหันหลังจากเขาไป!
  แต่หลิงหยุนเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าความรู้สึกพิเศษที่เกิดขึ้นนี้คืออะไรกันแน่ เขาบอกได้เพียงแค่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับทุกครั้ง!
  หลิงหยุนรู้เพียงแค่ว่าภาพของหญิงสาวชุดดำในรถหรูที่ปรากฏตัวพร้อมกับกลุ่มมือสังหารขององค์กรนักฆ่าในคืนนั้น ได้ประทับลงไปในจิตใจของเขาตั้งแต่นั้นมา..
  หรืออาจจะเป็นเพราะผ้าคลุมหน้าสีดำที่ไม่เคยเปิดออกเลยสักครั้งทำให้เย่ซิงเฉินดูลึกลับ หรืออาจจะเป็นเพราะดวงตาที่มีเสน่ห์เย้ายวนคู่นั้นก็เป็นได้
  นอกเหนือจากดวงตาที่ไม่เหมือนใครแล้วยังมีกลิ่นหอมประหลาด และน้ำเสียงที่ไพเราะ และกังวานใสราวกับเสียระฆังนั้นด้วย..
  ความจริงแล้ว..คืนนี้เป็นเพียงครั้งที่สามเท่านั้นที่คนทั้งคู่ได้พบเจอกัน แต่เพียงแค่สามครั้งก็นับว่ามากพอแล้ว!
  “เฮ้อ..นี่มันอะไรกัน!”
  เย่ซิงเฉินเดินจากไปนานแล้วแต่หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ และกำลังจ้องมองไปตามทางที่นางหายลับตาไป หลิงหยุนสะบัดศรีษะอย่างแรงพร้อมกับยิ้มขมขื่น..
  “สิ่งที่ข้าต้องการมอบให้เจ้าจริงๆข้ากลับไม่ได้มอบให้! และเจ้าเองก็จากไปแล้ว..!”novel-lucky
  หลิงหยุนยังคงต้องการมอบสิ่งใดให้เย่ซิงเฉินอีกอย่างนั้นหรือ
  หลิงหยุนตั้งใจที่จะมอบยันต์บำบัดยันต์เทวะเหิน ยันต์เกราะ ยันต์เพชร และอีกหลายสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตในนาทีวิกฤตระหว่างต่อสู้ได้ รวมทั้งน้ำลายมังกร สมุนไพรต่างๆ ที่สามารถช่วยให้การฝึกฝนก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น!
  แม้ว่าเย่ซิงเฉินจะมีองค์กรนักฆ่าอยู่ในมือและตำแหน่งธิดาพรรคมาร ที่ทำให้นางมีอำนาจในการควบคุมสั่งการที่เหนือกว่าหลิงหยุนในเวลานี้อย่างแน่นอน แต่นางเองก็ต้องเผชิญกับการเข่นฆ่าในยุทธภพเช่นนี้ หลิงหยุนจึงอดที่จะเป็นห่วงนางไม่ได้
  แต่เมื่อหลิงหยุนหายใจลอยและก้มมองดูที่มือของตนเอง ก็พบว่าผ้าแพรสีม่วงซึ่งมีกลิ่นหอมนั้นได้มาอยู่ในมือของเขาแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
  หลิงหยุนจึงหลับตาพร้อมกับยกผ้าแพรผืนนั้นขึ้นสูดดมกลิ่นหอมพร้อมกับยิ้มและพึมพำออกมา
  “ธิดาพรรคมาร..ข้าจะต้องทำให้เจ้ายินยอมเป็นผู้หญิงของข้าให้ได้!”
  หลังจากที่สูดดมกลิ่นหอมจากผ้าแพรสีม่วงเข้าไปแล้วหลิงหยุนก็บรรจงพับ และเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่อย่างระมัดระวัง..
  ท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืนเมื่อพบว่าเย่ซิงเฉินจากไปแล้ว เจสเตอร์ในร่างมนุษย์จึงกล้าที่จะมาปรากฏตัวต่อหน้าหลิงหยุนพร้อมกับแสดงความเห็นว่า..
  “เจ้านายที่เคารพ..ผู้หญิงคนนี้ดูมีพลัง และพิเศษมาก!” ขณะที่พูดถึงเย่ซิงเฉินมันก็ทำคอหดด้วยความหวาดกลัวไปด้วย..
  หลิงหยุนเหลือบตามองเจสเตอร์แล้วตอบกลับยิ้มๆ “ผู้หญิงคนนี้อะไรกันเล่า เจสเตอร์.. เจ้าจำไว้ให้ดี วันข้างหน้านางจะมาเป็นภรรยาของข้า แล้วก็เป็นนายหญิงของเจ้า!”
  “ห๊ะ..อะไรนะ”
  ทันทีที่ได้ยิน..หน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วของเจสเตอร์ก็ถึงกับซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างหวาดกลัว..
  หลิงหยุนไม่ใส่ใจกับท่าทางของเจสเตอร์และเรียกโทรศัพท์มือถือออกมา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหยุนจึงกดพิมพ์ข้อความส่งให้กับหนิงหลิงยู่ ถังเมิ่ง ถังเทียนห่าว และอาปิง..
  –พบหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่แล้วทั้งคู่ปลอดภัยดี หยุดการค้นหาได้!-
  หลังจากส่งข้อความออกไปเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็เก็บโทรศัพท์มือถือเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่ทันที เขาเชื่อว่านอกจากถังเมิ่งที่คงจะกำลังนอนหลับเป็นตายนั้น อีกสามคนคงจะได้อ่านข้อความของตนแล้วอย่างแน่นอน
  “เจสเตอร์..เจ้ากลับไปบ้านเลขที่-1 ก่อน และบอกทุกคนว่าข้าสบายดี!”
  เจสเตอร์พยักหน้าพร้อมกับตอบ“รับทราบเจ้านาย!”
  หลิงหยุนไม่ลืมที่จะย้ำกับเจสเตอร์“อย่าเผลอเล่าเรื่องนายหญิงคนใหม่ของเจ้าล่ะ.. เจ้าควรรู้ว่าเรื่องใดควรพูด และเรื่องใดไม่ควรพูดสินะ!”
  เจสเตอร์รีบตอบกลับทันที“ข้าทราบดีเจ้านาย!”
  จากนั้นเจสเตอร์ก็กลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็กสีดำบินจากไปทันที..หลังจากเจสเตอร์ไปแล้วหลิงหยุนก็ถึงกับถอนหายใจยาว ก่อนจะหันหลังเดินตรงเข้าไปที่ประตูบ้าน
  ………..
  ภายในบ้านที่เปิดไฟสว่างไสว..
  ทั้งหลินเมิ่งหานและเหยาลู่ยังคงอยู่ในชุดที่ถูกลักพาตัวมาในคืนนั้นเรือนร่างบอบบางของหญิงสาวทั้งสองคนนั้นดูอ่อนล้า และกำลังนั่งกอดคอกันร้องไห้อยู่ที่โซฟา
  เพราะหญิงสาวทั้งสองคนนั้นต่างก็อยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-9เย่ซิงเฉินจึงต้องทำการสกัดจุดพวกนางไว้ พวกนางไม่ได้ดื่มน้ำ และทานอาหารมาถึงสองวันสองคืนแล้ว..
  ระหว่างเหยาลู่กับหลินเมิ่งหานนั้นเหยาลู่ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่สามารถทนทานต่อความทุกข์ยากได้ดีกว่าหลินเมิ่งหาน เพราะเธอมาจากครอบครัวที่ยากจน อีกทั้งยังเข้าใจดีว่าในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะติดตามหลิงหยุนแล้ว ชีวิตของเธอก็จะไม่ใช่ชีวิตที่เป็นปกติทั่วไปอีก!
  เธอคาดเดาอยู่แล้วว่าสักวันคงต้องเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจ..
  แต่ถึงแม้หลินเมิ่งหานจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยกว่าเหยาลู่หลายร้อยเท่าแต่เธอเองก็มาจากครอบครัวทหาร และเคยเป็นตำรวจ จึงแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังน้อยกว่าเหยาลู่..
  “น้องเหยาลู่..ฉันทำร้ายเธอแท้ๆ! ถ้าคืนนั้นฉันไม่อิจฉาจนขาดสติ พวกเราก็คงไม่ต้องถูกนังแม่มดนั่นจับตัวมา!”
  หลินเมิ่งหานไม่ได้ดื่มน้ำและรับประทานอาหารมาถึงสองวันร่างกายของเธอจึงค่อนข้างอ่อนล้า และใบหน้าซีดเซียว อีกทั้งยังร้องไห้จนดวงตาทั้งสองข้างบวมและแดง ริมฝีปากก็แห้งผาก น้ำเสียงก็แหบแห้ง
  เหยาลู่เองก็ไม่ต่างกันเธอตอบหลินเมิ่งหานไปด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งไม่แพ้กัน “พี่หลินคะ.. อย่าพูดแบบนั้นอีก! ฉันเชื่อว่าสามีจะต้องมาช่วยเราสองคนแน่ๆ!”
  ตลอดสองวันที่ผ่านมานั้นหลินเมิ่งหานเอาแต่โทษตัวเอง และตำหนิตัวเองเช่นนี้ ส่วนเหยาลู่ก็ได้แต่ปลอบโยนนาง
  หลินเมิ่งหานยังคงร้องไห้และรำพึงรำพันว่า“แต่.. จากที่ฟังยายแม่มดนั่นพูด จะมียอดฝีมือสูงส่งมาที่จิงฉูอีกมากมาย พวกเขาล้วนแล้วแต่มาเพื่อจัดการกับสามีของเรา ได้ยินว่าคลินิกสามัญชนก็ถูกวางระเบิดแล้ว.. เวลานี้สามีคงอยู่ในอันตรายน่ะสิ!”
  เหยาลู่ได้แต่นั่งกัดริมฝีปากนิ่งไม่พูดไม่จาฟันขาวนั้นกดแน่นลงบนริมฝีปากบอบบางจนห้อเลือด แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวด..