อวี้เหว่ยลอบถอนใจเบา ๆ รู้สึกเห็นใจแม่นางผู้น่าสงสาร 

 

 

ตามปกติแล้ว แม่นางทั้งหลายเห็นเหตุการณ์ พบบุรุษหล่อเหลาเอ่ยวาจาเช่นนี้ ต้องทำท่าเอียงอาย เอ่ยไม่ตรงกับใจว่าไม่อยากมองเตี้ยนเซี่ยถอดผ้า ทว่าสีหน้าแสดงความอยากชมต่ออย่างที่สุด แทบอยากพุ่งเข้ามาช่วยเตี้ยนเซี่ยถอดด้วยซ้ำไป 

 

 

จากนั้นเตี้ยนเซี่ยก็จะอาศัยเหตุผลว่าพวกนางปฏิบัติตนไม่จริงใจ ปากไม่ตรงกับใจ หลอกลวงคนมีเมตตาอย่างเขาด้วยความชั่วร้าย สังหารคนทิ้ง 

 

 

แม่นางผู้นี้เคราะห์ร้าย บังเอิญพบเตี้ยนเซี่ยที่เพิ่งกำจัดคนสองคนที่คล้ายแมลงวันน่ารำคาญ จิตสังหารยังไม่ทันสงบลงเข้าพอดี 

 

 

อวี้เหว่ยใคร่ครวญเช่นนี้ ใช้สายตาสงสารเวทนามองไปที่เยี่ยเม่ย  

 

 

เยี่ยเม่ยได้ยินคำพูดนี้ก็ชะงักไป 

 

 

ยามนี้ร่างของเธอร่วงหล่นจากอากาศ หันมองด้านข้างเป็นยอดเขา ด้านหน้ายังมีระยะอีกหกเมตรถึงตกพื้น หากร่วงลงไปเช่นนี้ต้องตายแน่ 

 

 

สายตาทอประกาย รีบล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อ ปักลงที่หน้าผาด้านข้างอย่างแรง 

 

 

 ฉึก! เสียงดังออกมา นั่นคือมีดสั้นกระทบหิน 

 

 

มีดสั้นกรีดลงไปในเนื้อหินอย่างแรง ร่วงกรูลงมาพร้อมกับร่างคน ถึงแม้เธอยังตกลงมา ทว่าเช่นนี้ลดแรงกระแทกยามตกถึงพื้นได้มาก 

 

 

ห่างจากพื้นครึ่งเมตร เธอดีดตัว จากนั้นร่อนลงพื้นอย่างมั่นคง นอกจากมือที่กุมมีดสั้นมีเลือดออก ปากแผลชาแล้ว ร่างกายไม่บาดเจ็บเลยสักน้อย 

 

 

ตวัดมือเพียงครั้งเดียว มีดสั้นเก็บกลับไปที่เดิม สีหน้ายังสงบนิ่งเหมือนเคย ไม่มีความประหวั่นหวาดกลัวหลังจากรอดชีวิตเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าที่เกือบตกลงมาตายเมื่อครู่ ในสายตาเธอไม่ใช่เรื่องอันตราย 

 

 

คราวนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังชะงักงันชั่วครู่ ใบหน้าทรงเสน่ห์นั้นเปื้อนรอยยิ้มชวนมอง มองอีกฝ่ายอย่างสนใจ ดวงตาที่ทั้งมีเสน่ห์และดูร้ายกาจคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกยากจับได้  

 

 

… 

 

 

น่าสนใจ การช่วยเหลือตัวเองเช่นนี้ ทั้งยังมีท่าทีไม่หวั่นกลัวต่ออันตรายคล้ายบุรุษ ในยุทธภพมีไม่น้อย ทว่าสตรีเช่นนี้ รับรองได้ว่าหาได้ไม่มาก 

 

 

หลังจากลงพื้นอย่างปลอดภัย เยี่ยเม่ยมองเขาทันที ซ้ำร้ายเธอยังมองเขาเป็นอย่างแรก ผู้ชายคนนี้โดดเด่นมาก ความหล่อเหลือร้ายนั้นทำให้คนไม่อาจคลาดสายตาจากไป 

 

 

เขามีความงามราวกับเทพเทวดา ทว่ามีกลิ่นอายชั่วร้ายเฉกเช่นปีศาจ ทุกท่วงท่า ทุกสีหน้า ทุกมุมมอง ไม่มีส่วนไหนไม่น่าชม คลับคล้ายกับปีศาจที่รอดชีวิตจากวิบากกรรมในนรก เหมือนยาพิษแรงรุกรานเข้าสู่หัวใจแม้กระทั่งลมหายยังมีกลิ่นอายล่อลวงใจคน เขาสวมชุดดำตลอดทั้งร่าง ชุดยาวไหวลู่ตามสายลม ดูวิจิตรงามดั่งภาพวาด 

 

 

เห็นเขากำลังคลายเสื้อออก ริมฝีปากบางดูเย็บเยียบแฝงรอยยิ้ม นิ้วเรียวยาวแกะสายคาดเอวออกด้วยท่วงท่างดงามแช่มช้าให้ความรู้สึกราวกับแมวเปอร์เซียปลุกเร้าความปรารถนาจากเบื้องลึกในใจคน 

 

 

เยี่ยเม่ยถอนใจให้ภาพงดงามเบื้องหน้านี้ เธออารมณ์พลุกพล่านทว่าใบหน้ายังคงนิ่งสงบเช่นเดิม “สหาย! ฉันรู้ว่าตัวเองรูปงามทำให้คุณหลงใหล ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี คุณก็ตั้งใจแต่งองค์ทรงเครื่อง สวมชุดแปลกประหลาดแบบนี้มาเปลื้องผ้ายั่วยวนฉัน แต่ว่าคุณผู้ชาย พวกเราไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน คุณทำตัวสนิทสนมเกินไปออกจะไม่ดีนัก ดังนั้น…เอาอย่างนี้ดีหรือเปล่า คุณถอดกางเกงเสียก่อน”  

 

 

หลายปีมานี้พบชายหนุ่มรูปงามมาไม่น้อย แต่คนเบื้องหน้านี้สามารถสยบบรรดาหนุ่มหล่อเธอพบมาตลอดครึ่งชีวิตในวินาทีเดียว แต่ไรมาเธอไม่ค่อยสนใจรูปโฉมเกินไปนัก แต่ว่าชมเสียหน่อยก็ไม่เลว 

 

 

อวี้เหว่ย “…”  

 

 

นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม 

 

 

เตี้ยนเซี่ยโผล่มายั่วยวนนางแต่เช้าตรู่ ซ้ำยังพูดว่าอะไรนะ…อะไรนะ…ให้เขาถอด…. 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟัง รอยยิ้มที่มุมปากพลันแข็งทื่อ สายตาที่มองเยี่ยเม่ยพลันเปลี่ยนไปเป็นแปลกใจ นัยน์ตานั้นคล้ายกับระลอกคลื่นบนพื้นทะเลสาบที่หินตกลงไปเกิดเป็นวงน้ำ ภาพงดงามมีมนต์เสน่ห์ ยิ่งทำให้คนเคลิบเคลิ้ม 

 

 

เห็นใบหน้าไร้วี่แววล้อเล่นของนาง ยิ่งทำให้เขาอยากเล่นสนุกมากขึ้น คล้ายพบของเล่นชิ้นใหม่ที่ร้อยปียากหาได้สักครั้งหนึ่ง มือที่กำลังคลายเสื้อออกหยุดลง 

 

 

ความเงียบสงบปกคลุมชั่วครู่ พลันจ้องนาง เหยียดยิ้มงาม “แม่นางผู้นี้ เจ้ามีนามว่าอะไร” 

 

 

น้ำเสียงไพเราะน่าฟังประดุจเสียงกู่ฉินบรรเลงนุ่มลื่น ซ้ำทำให้คนฟังคาดเดาความรู้สึกไม่ออก 

 

 

อวี้เหว่ยผู้ตั้งใจใคร่ครวญคำพูดของเยี่ยเม่ยรู้สึกปวดหัวขึ้นอย่างแรงในฉับพลัน ยิ่งเห็นใจแม่นางผู้นี้ขึ้นมาก เตี้ยนเซี่ยเริ่มถามชื่อแล้ว ตามนิสัยโหดเ**้ยมราวปีศาจของเตี้ยนเซี่ย เกรงว่าจะทำร้ายผู้อื่น สืบค้นตระกูลของแม่นางผู้นี้และกำจัดทิ้งเสียให้สิ้นซาก 

 

 

เยี่ยเม่ยใจกระตุก แม่นางหรือ นี่มันคำเรียกขานของยุคสมัยไหนกัน ทว่าเธอไม่ใส่ใจแล้ว 

 

 

เมื่อเห็นผู้ชายรูปงามหยุดคลายเสื้อผ้า เธอค่อยรั้งสายตาสำรวจชายงามนี้กลับมา ทั้งได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรง  

 

 

ครั้นหันกลับไปดูถึงได้พบว่าในระยะห้าเมตร มีศพเกลื่อนพื้นไปหมด 

 

 

สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือ ศพส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกอาวุธแหลมคมเสียบอยู่ แต่ว่าเป็นกิ่งไม้ 

 

 

วิธีการฆ่าคนเช่นนี้ เยี่ยเม่ยเองยังนึกชื่นชมอยู่ในใจ ชายคนนี้ฆ่าคนมากมายภายในครั้งเดียว แปดส่วนแล้วต้องเป็นสุดยอดนักฆ่า! 

 

 

เยี่ยเม่ยหันหลับมามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ตกตะลึงในความงามของชายผู้นี้อีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว  

 

 

แต่ว่าเธอยังไม่ตอบคำถามเขา เพียงใช้เสียงเย็นชาเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นเพื่อนร่วมสายงาน ฝีมือฆ่าคนไม่เลว หมดจดมาก” 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟังก็มองใบหน้าสงบนิ่งของนาง ดวงตาทอประกายใสกระจ่างราวน้ำในฤดูใบไม้ผลิ “แม่นางกำลังชมเยี่ยนอย่างนั้นหรือ”  

 

 

ไม่เพียงแต่เห็นศพแล้ว กลับไม่แตกตื่นตกใจ หรือชี้หน้าด่าว่าเขาเป็นปีศาจฆ่าคน 

 

 

ซ้ำยังบอกว่าเป็น…เพื่อนร่วมสายงาน? 

 

 

เยี่ยเม่ยพยักหน้า รักษาสีหน้าสงบไว้ “ไม่เลว แต่ว่าดูจากวิธีการฆ่าคนก็มองออกว่า คุณกับฉันไม่ใช่สายเดียวกัน ฉันถนัดฆ่าโหด ยังไงในหลายๆ ครั้ง ความโหดเ**้ยมเป็นวิธีที่ดีในการระงับปัญหา สรุปแล้วคุณจะถอดไม่ถอด ไม่ถอดฉันขอตัวไปล่ะนะ” 

 

 

เธอตกลงทะเลพร้อมกับลูกพี่ ทั้งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปไหนแล้ว ร่วงลงมาที่เดียวกับเธอหรือเปล่า ถึงรู้จักความสามารถของผู้หญิงคนนั้นดีว่าไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นกับอีกฝ่ายแน่ ทว่าก็อดกังวลใจไม่ได้ หากมิใช่เพราะผู้ชายคนนี้หน้าตาดีเกินไป ทำเธอเกิดความปรารถนาชื่นชมเรือนร่างงดงามนั้นเป็นครั้งแรก เธอไม่มีทางหยุดรั้งอยู่แน่ 

 

 

จริงสิ เดี๋ยวนะ ตอนนั้นพวกเธอตกน้ำไม่ใช่หรือ ทำไมพริบตาเดียวถึงเป็นยอดเขา เธออยู่ที่ไหนกันแน่ ความคิดเริ่มสับสนขึ้นมา 

 

 

ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังคำพูดแปลกประหลาดของอีกฝ่าย มุมปากกลับยกยิ้มจาง ความโหดเ**้ยมเป็นวิธีที่ดีในการกำจัดปัญหาจริงๆ  

 

 

ริมฝีปากบางของเขายิ้ม หลังจากได้ฟังประโยคนั้นของนาง พลันพุ่งกายเข้ามาประชิด ถามเสียงเนิบว่า “เยี่ยนกับแม่นางมิใช่คนสายเดียวกันหรือ ที่ว่าสายเดียวกันนั้นเป็นอย่างไร” 

 

 

แรงกดดันจากกายเขาตามมาพร้อมกับฝีก้าวที่บีบคั้นเข้ามา คล้ายลำแสงปีศาจชวนให้คนหวาดกลัว 

 

 

เยี่ยเม่ยหน้าไม่เปลี่ยนสี ในใจกลับเครียดขึง  

 

 

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรับรู้ถึงแรงกดดัน ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้คนไม่สบายตัว มือเคลื่อนไปจับมีดสั้นอย่างไม่รู้ตัว นี่คือสัญชาตญาณนักฆ่า  

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มบาง ชุดดำไหวไปตามลม สายตามองมือที่กุมมีดสั้นซ่อนในแขนเสื้อของเธอช้าๆ แต่ก็ไม่ใส่ใจนัก 

 

 

เขาเดินมาถึงด้านหน้าของอีกฝ่าย จนกระทั่งสองคนจ้องหน้ากัน สายตาของเขาพลันอ่อนโยนคล้ายกับพบพานคนรัก น้ำเสียงไพเราะ “แม่นางรู้หรือไม่ว่าเยี่ยนคือใคร” 

 

 

อวี้เหว่ยเห็นภาพเบื้องหน้า มองใบหน้าด้านข้างของเตี้ยนเซี่ยอย่างไม่เชื่อสายตา เตี้ยนเซี่ยคิดทำอะไรกันแน่ 

 

 

ท่าทางสนิทชิดเชื้อเช่นนี้ กลับทำให้คนไม่สงบ เยี่ยเม่ยไม่ค่อยพอใจ ชั่วเวลานั้นไม่อยากพูดคุยกับผู้ชายคนนี้อีก ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนี้เธออยู่ไหนนั้น คงต้องไปถามจากคนอื่น  

 

 

เมื่อคิดได้เธอก็ปรายตามองผู้ชายคนนั้น ดูไปแล้วก็ไม่เหมือนกับกำลังจะถอดผ้าให้เธอชม ในที่สุดก็หมดความอดทน ถอยหลังไปสองก้าว เสียงนิ่งเอ่ยว่า “ขอตัวก่อน”  

 

 

เธอพูดจบก็หมุนกายจากไป  

 

 

เขาพลันหัวเราะเสียงเบา มองเงาหลังเธอ นัยน์ตาเวลานี้ปรากฏแววเย็นเยียบคล้ายมีโทสะเลือนราง ถึงจะไม่ยินดี น้ำเสียงของเขาก็ยังคงน่าฟังเหมือนเดิม 

 

 

กำลังภายในกดดันคนสายหนึ่งถูกผนึกไว้กลางฝ่ามือ ไอสังหารแผ่ซ่านทั่วสารทิศ น้ำเสียงจากปากเขากลับเนิบมาก “คำถามสามข้อของเยี่ยน แม่นางยังไม่ตอบเลยก็คิดจากไปแล้วหรือ แม่นางทำเช่นนี้ เยี่ยนเสียใจเหลือเกิน เพราะว่าเยี่ยนช่างอ่อนไหว ดวงใจที่ทั้งอ่อนแอและอ่อนไหวเช่นนี้ ไม่อาจถูกทำร้ายได้สักน้อย!”