ตอนที่ 483 ห้ามเข้า

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 483

ห้ามเข้า

“ถึงแล้วเจ้าค่ะ”ซีหยวนพูดพลางชี้ลงไปยังภูเขาเบื้องล่างที่อยู่ห่างออกไปไม่มาก โดยระหว่างทางที่มาซีหยวนได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกไป๋จูล่งได้ฟังแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยนางตอนนี้ดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักร้อนบุปผา พวกนางเป็นสำนักที่รับแต่ศิษย์หญิงเท่านั้นโดยสำนักจะตั้งอยู่บนยอดเขาทางเหนือของเมืองที่น้าไก่ฟ้ากำลังจะไปถึงนี่เอง ส่วนสาเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากสำนักผลาญสุริยันที่เป็นคู่อริกันมาตั้งแต่เจ้าสำนักหลายรุ่นก่อน พวกมันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่มักจะมาหาเรื่องศิษย์ของซีหยวนอยู่ตลอด บางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว

แต่คราวนี้มันเลวร้ายกว่าเดิมมาก เพราะคนของสำนักผลาญสุริยันถึงขั้นลอบโจมตีซีหยวนผู้เป็นเจ้าสำนักด้วยอาวุธอาบพิษ หลังจากนางจัดการพวกที่ลอบโจมตีนางจนเสร็จนางก็เดินทางไปพบหมอที่นางรู้จักทันทีโดยไม่ได้บอกศิษย์ที่สำนัก และก็เป็นอย่างที่เห็น นางเดินทางไปหาหมอหลายต่อหลายคนเพื่อรักษาพิษในร่างกายตนเองจนไปถึงมือของหลี่เย่นั่นเอง

“ท่าทางที่น้องจูล่งบอกจะเป็นความจริงนะ สภาพประตูหน้าดูไม่ได้เลย”ต้าเฉียนพูดพลางมองลงไปที่สำนักร้อยบุปผาที่ตั้งอยู่บนภูเขา ที่หน้าสำนักมีร่องรอยการต่อสู้เป็นจำนวนมาก มีทั้งร่องรอยความเสียหายและเลือดที่เหมือนจะยังใหม่ๆอยู่เต็มไปหมด

“ท่านซีหยวน ท่าทางจะมีผู้บาดเจ็บให้ข้าเข้าไปรักษาคนได้หรือไม่”หลี่เย่เห็นร่องรอยเช่นนี้ก็เดาได้ทันทีว่าต้องมีผู้บาดเจ็บในสำนักแน่ๆ นางเป็นหมอไม่อาจทนมองได้จริงๆ

“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะท่านหมอ”ซีหยวนว่าพลางประสานมือคารวะหลี่เย่อย่างจริงใจ นางอายุมากกว่าหลี่เย่มาก แม้ภายนอกจะยังสาวแต่เพราะเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอายุจริงๆของนางจึงมากกว่าที่เห็นภายนอกมาก แต่นางก็ยินดีที่จะคารวะหลี่เย่เพราะนางเองก็อยากจะขอร้องให้หลี่เย่ลงไปช่วยดูอาการของเหล่าศิษย์ของนางหน่อย

“เช่นนั้นเราก็เข้าไปกันเถอะ”จูล่งว่าพลางเตรียมตัวจะกระโดดลงไปจากหลังของท่านน้าไก่ฟ้า ตัวมันเองก็มีความสามารถช่วยรักษาผู้คนได้ย่อมช่วยได้อยู่แล้ว

“น้องจูล่ง ช้าก่อน”ซีหยวนพูดเพื่อหยุดจูล่งเอาไว้ ท่าทางนางจะลำบากใจมากทีเดียวที่เห็นจูล่งทำท่าจะเข้าไป

“มีอะไรหรือขอรับ”จูล่งถามพลางเลิกคิ้วสงสัย

“สำนักของข้าห้ามผู้ชายเข้าเจ้าค่ะ มันเป็นกฎมาตั้งแต่เจ้าสำนักรุ่นแรก ต่อให้ข้าเป็นเจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันก็ไม่อาจปล่อยผ่านได้เจ้าค่ะ”ซีหยวนตอบด้วยท่าทีลำบากใจ อีกฝ่ายมาช่วยพวกตนแท้ๆ แต่คำสั่งนี้มีผลมาตั้งแต่ก่อนนางเกิดอีก ทำให้นางไม่อาจทำผิดกฎได้

“ทำไมถึงห้ามผู้ชายเข้าล่ะขอรับ”จูล่งถามด้วยท่าทีงงๆ เรื่องการห้ามนี้จูล่งไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรกับชาวบ้านอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องสำนักหญิงล้วนห้ามผู้ชายเข้ามันยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่

“มันเป็นกฎของสำนัก เจ้าอย่าฝืนเลยนะจ้องจูล่ง”ต้าหวานว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา จะว่าไปตอนไปสำนักพวกนางมันก็บุกเข้าสวนพวกนางหน้าตาเฉยนี่นา แต่เรื่องนี้ท่าทางจะละเอียดอ่อนกว่าการห้ามของพวกนางมาก หากฝ่าฝืนเกรงว่าจูล่งจะโดนคนในสำนักโกรธเอา

“แต่ถ้าข้าเข้าไปช่วยจะไม่ดีกว่าหรือขอรับ”จูล่งถามด้วยท่าทีงุนงง หากมันเข้าไปช่วยหลี่เย่รักษาอีกแรงย่อมสามารถรักษาได้อย่างรวดเร็วเป็นแน่

“แต่ถ้าทำแบบนั้นท่านซีหยวนก็คงต้องลำบากใจแน่ๆ แต่ข้าพอจะมีวิธีทำให้เจ้าเข้าไปได้โดยไม่ถูกคนอื่นโกรธนะ”ต้าเฉียนว่าพลางยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ พวกนางโดนกำชับให้ระวังเรื่องจูล่งจะไปก่อเรื่องเอาไว้แล้ว ไม่ยอมให้จูล่งทำผิดกฎสำนักตั้งแต่วินาทีแรกที่มาถึงหรอก

“วิธีอะไรหรือขอรับ”จูล่งถามพลางหันไปมองทางต้าเฉียน

“ก็ง่ายๆ เจ้าเปลี่ยนมาสวมชุดนี้ซะ ใบหน้าเจ้าได้ท่านเหม่ยหลินมาไม่น้อยถ้าสวมชุดนี้ต้องดูไม่ออกแน่ว่าเป็นผู้ชาย”ต้าเฉียนยิ้มกว้างพลางเอาชุดสำรองของนางออกมาชุดหนึ่ง แน่นอนว่ามันต้องเป็นชุดของผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย

“นั่นสิ ถ้าแต่งตัวแบบนี้เจ้าก็ไม่ถูกสงสัยแล้ว แถมน่าจะสวยมากด้วย”ชางซีที่นั่งอยู่ด้านหลังพลันยิ้มออกมาอย่างเห็นด้วยทันที ส่วนเรื่องที่บอกจูล่งใส่แล้วน่าจะสวยนางพูดจากใจเชียวนะ

“มะ ไม่เอาขอรับ…”จูล่งส่ายหน้าช้าๆ แม้สามัญสำนึกมันจะผิดเพี้ยนอย่างไร แต่เรื่องผู้ชายไม่สวมกระโปรงมันย่อมรู้ดี แค่คิดว่าต้องสวมชุดผู้หญิงมันก็ทำหน้าเบ้แล้ว

“งั้นเจ้าก็ต้องทำตัวเป็นเด็กดีรอพวกเราอยู่ข้างนอกนะ”ต้าหวานว่าพลางยิ้มออกมา

“พวกเราจะไปช่วยท่านซีหยวนหน่อย เจ้ากับท่านน้าไปรอที่เมืองสักวัยสองวันก็แล้วกัน”พูดจบต้าเฉียน ต้าหวาน หลี่เย่ ซีหยวน รวมถึงชางซีเองก็พลันลงจากหลังของน้าไก่ฟ้าไปทันที สำนักของซีหยวนเป็นสำนักหญิงก็คงต้องยืมมือพวกนางเสียแล้ว

“ไปกันเถอะจูล่ง เราไปเที่ยวในเมืองกันดีกว่า”ไก่ฟ้าหงอนทองหัวเราะพลางพาหลานชายกลับเข้าไปในเมืองที่อยู่ทางใต้ของสำนักร้อยบุปผาทันที นับว่าครั้งนี้ต้าเฉียนทำได้ดีทีเดียวถึงขั้นสามารถหยุดจูล่งไม่ให้บุกเข้าสำนักร้อยบุปผาหน้าตาเฉยได้เลยทีเดียว

“แบบนี้ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสิขอรับ”จูล่งบ่นพลางทำแก้มป่องอยู่บนหลังของน้าไก่ฟ้า มันเองก็อยากจะช่วยซีหยวนเหมือนกัน

“ใครบอกว่าเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลยเล่าหากไม่ได้เจ้ากว่านางจะกลับมาถึงที่นี่สถานการณ์คงแย่กว่านี้ไปแล้ว”ไก่ฟ้าหงอนทองตอบด้วยท่าทีเอ็นดู แต่สภาพสำนักร้อยบุปผาก็เป็นอย่างที่ไก่ฟ้าหงอนทองว่าจริงๆ สำนักของพวกนางเกือบจะต้านไม่ไหวอยู่แล้ว ดูจากสภาพการต่อสู้ท่าทางศิษย์สำนักร้อยบุปผาจะออกมาสู้กันเต็มแรงจนสามารถต้านเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด แต่จำนวนเลือดที่อยู่หน้าสำนักก็ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีผู้บาดเจ็บมากแค่ไหน เกรงว่าหากมีการต่อสู้อีกครั้งหรือสองครั้งสำนักร้อยบุปผาคงแตกพ่ายอย่างแน่นอน

“ทำไมสำนักผลาญสุริยันถึงได้มีเรื่องกับสำนักร้อยบุปผาล่ะขอรับ”จูล่งถามด้วยท่าทีสงสัย จากที่ซีหยวนเล่าสำนักของพวกนางกับสำนักผลาญสุริยันเป็นอริกันมาหลายต่อหลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้ฟังเลยว่าทำไมพวกมันถึงเป็นอริกัน ทำเอาไป๋จูล่งคาใจไม่น้อย แถมชื่อสำนักผลาญสุริยันยังคุ้นๆในหัวมันแปลกๆ แต่ถึงจะมีความสามารถจดจำเหนือมนุษย์แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าไปได้ยินชื่อนี้มาจากไหนกัน หรือจะเป็นชื่อที่แว่วเข้าหูระหว่างเดินตลาดกันไป๋จูล่งถึงไม่ได้สนใจจะจำขนาดนั้น

“ท่านน้า สำนักผลาญสุริยันนี่ห้ามผู้ชายเข้าหรือไม่ขอรับ”จูล่งถามด้วยใบหน้าครุ่นคิด ในเมื่อมันเข้าไปในสำนักร้อยบุปผาไม่ได้ มันก็จะเข้าไปในสำนักผลาญสุริยันแทนก็แล้วกัน มันอยากจะรู้ว่าทำไมสำนักผลาญสุริยันถึงได้จ้องจะโจมตีสำนักร้อยบุปผานัก

.

.

“เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ”หลี่เย่ที่ลงมารักษาอาการบาดเจ็บของศิษย์สำนักร้อยบุปผาพูดหลังจากช่วยรักษาบาดแผลบนร่างของหนึ่งในลูกศิษย์ของซีหยวนจนพ้นขีดอันตราย

ภายในสำนักร้อยบุปผายามนี้แทบไม่ต่างจากที่น้าไก่ฟ้าบอกเอาไว้เลย ศิษย์ที่มีฝีมือของสำนักร้อยบุปผาต่างบาดเจ็บ เกรงว่าจะฝืนสู้อีกได้ไม่กี่ครั้งแล้ว แถมฟังจากปากของพวกนางดูเหมือนเจ้าสำนักของอีกฝ่ายยังไม่ได้มาด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ หากมันมาเองรับรองว่าพวกนางรับมือไม่ไหวแน่ๆ

“ท่านซีหยวน พอจะมีชุดของสำนักท่านสัก 3 ชุดหรือไม่”ต้าหวานถามพลางเดินเข้าไปหาซีหยวนที่กำลังปลอบใจเหล่าศิษย์ของตนไม่ให้กังวลจนเกินไป ยามนี้ต่อให้ซีหยวนกลับมาแล้วก็ไม่แน่ว่าจะสามารถต้านกำลังของสำนักผลาญสุริยันไหวหรือไม่

“มีเจ้าค่ะ แต่พวกท่านจะเอาไปทำไมหรือ”ซีหยวนถามด้วยท่าทีงุนงง

“ศิษย์ของท่านต่างได้รับบาดเจ็บ เห็นแก่นายน้อยของพวกเราอยากช่วยเหลือพวกท่านข้าจะให้พวกท่านยืมมือเสียหน่อย”ต้าหวานตอบพลางยิ้มออกมา แม้สำนักผลาญสุริยันจะเป็นสำนักใหญ่ แต่ก็เป็นแค่สำนักใหญ่ในอาณาจักรทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ห่างจากอาณาจักรไป๋มากเท่านั้น ต่อให้ยกมาทั้งสำนักก็ไม่อาจทำอะไรต้าเฉียนหรือต้าหวานคนใดคนหนึ่งได้หรอก

“พี่ต้าหวาน ทำไมถึงเอามา 3 ชุดล่ะเจ้าคะ”ชางซีถามพลางมองไปทางหลี่เย่ นางเป็นหมอมีงานต้องรักษาคนในสำนักอยู่แล้ว แถมดูนางจะสู้ไม่ได้เสียด้วย

“ก็ชุดของเจ้าไง”ต้าหวานตอบพลางชี้มาทางชางซี

“เอ๊ะ!”ชางซีใช้นิ้วชี้มาที่ตนเองด้วยท่าทีตกใจ นางเป็นเพียงนักร้องจะไปร่วมต่อสู้ในศึกระหว่างสำนักใหญ่ได้อย่างไร

“เจ้าปิดพลังวิญญาณได้ แต่ปิดวิชาที่ฝึกมาไม่ได้หรอกนะ”ต้าเฉียนยิ้มพลางเดินไปรับชุดมาจากซีหยวน ก่อนจะเอาชุดหนึ่งมาให้ชางซีเสีย

“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดสักหน่อย…”ชางซีทำหน้ามุ่ยพลางรับชุดมาอย่างช่วยไม่ได้ วิชาที่ชางซีฝึกฝนเป็นวิชาของมือลอบสังหาร การที่นางจะมีวิชาปกปิดพลังวิญญาณถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่วิชาของนางไม่ได้ปกปิดได้จนหมดจดเหมือนของจูล่งก็เลยยังเหลือพลังวิญญาณอยู่ในระดับต่ำเท่านั้น

ตัวนางปกปิดพลังวิญญาณเอาไว้เพราะทำเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ไม่ได้คิดจะหลอกลวงพวกจูล่งแต่อย่างไร แถมใจนางยังคิดจะฝึกฝนการร้องเพลงอย่างจริงจังดูเสียด้วยซ้ำ เรื่องที่นางไม่ได้เป็นนักลอบสังหารแล้วเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน

“ถึงอย่างไรเจ้าก็มีฝีมือไม่ใช่หรือ เอามันมาช่วยน้องจูล่งหน่อยก็ไม่เลวนี่”ต้าเฉียนว่าพลางหัวเราะออกมา การเดินของชางซีแทบไร้เสียง การเคลื่อนไหวไม่มีความสะดุดตา ต่อให้เดินอยู่ข้างๆบางทีพวกนางก็แทบไม่รู้สึกตัว วิชาลอบสังหารของชางซีเกรงว่าจะไม่ใช่วิชากระจอกเป็นแน่

“งั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าคงทำได้ไม่เท่าพวกพี่ๆหรอกนะ”ชางซีว่าพลางยิ้มออกมา พอบอกว่าทำเพื่อจูล่งแล้วชางซีก็ยอมง่ายๆเสียอย่างนั้น แถมยังเกิดความรู้สึกยินดีอีกต่างหาก น่าเสียดายที่คนอยากช่วยตั้งแต่ต้นอย่างจูล่งไม่สามารถเข้าสำนักมาได้

“คิกๆ”อยู่ๆชางซีก็หัวเราะออกมาหลังจากนึกถึงจูล่งขึ้นมา ทำเอาต้าเฉียนและต้าหวานหันมามองด้วยท่าทีสงสัย

“ถ้าน้องจูล่งยอมสวมชุดนี้คงสวยมากแน่ๆ”ชางซีหัวเราะพลางมองชุดของสำนักร้อยบุปผาพลางจินตนาการว่าจูล่งสวมชุดนี้จะเป็นอย่างไร ทำเอาทั้งต้าเฉียน ต้าหวาน รวมทั้งหลี่เย่ที่รักษาคนอยู่หลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน