ส่วนที่ 4 ตอนที่ 75 แหล่งสินค้าของเถ้าแก่โจว (1)

ความลับแห่งจินเหลียน

ครั้งแรกที่ซีเหมินจินเหลียนเดิมพันหยกก็คือที่ร้านเถ้าแก่โจว อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกในการเดิมพันที่กอบโกยเงินมาได้อย่างมหาศาล เปอร์เซ็นต์การปรากฏสีเขียวให้เห็นของร้านเถ้าแก่โจวก็มีสูงมาก

 

รวมถึงหยกสีแดงลายทองคำก้อนนั้นก็ได้มาจากการเดิมพันจากร้านเขาเช่นกัน เดิมทีซีเหมินจินเหลียนคิดว่า ถ้าอยากจะขายหินหยกก็ต้องหาหยกที่มีคุณภาพสูงน้ำงาม แต่เมื่อกลับมาจากเจียหยาง เธอถึงได้รู้ว่า ถึงจะอยู่ในงานประมูลหยกที่เจียหยาง แต่หยกเนื้อแก้วก็หาพบได้ยาก การที่เธอสามารถเดิมพันได้หยกเนื้องามๆ มา นอกจากจะต้องอาศัยความสามารถในการมองทะลุผ่านแล้ว ยังต้องพึ่งพาดวงล้วนๆ

 

ไม่เช่นนั้นถ้าหากหินหยกมีแต่หินล้วนๆ หรืออาจจะมีเผยให้เห็นสีเขียวบ้าง แต่สีไม่มีคุณภาพก็ไม่เรียกว่าเป็นของชั้นดี ถึงจะเดิมพันชนะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าภูมิใจ

 

ตอนอยู่ที่เจียหยาง ร้านที่ออกมาจำหน่ายหยกก็ถูกเธอแสกนมาหมดแล้ว แต่เธอยังไม่เคยเจอหยกแดงลายทองคำลักษณะดีแบบนั้นอีกเลย อีกทั้งยังหาหยกแก้วโบราณสีเขียวสดไม่เจอ

 

เพราะอย่างนั้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เถ้าแก่โจวพูดแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็รีบพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “ฉันไปแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ไม่ทราบว่ากี่โมงคะ”

 

“อาจจะดึกไปสักหน่อยนะครับ น่าจะประมาณสักตีหนึ่งได้” เถ้าแก่โจวพูดขึ้น “ผมยังนัดคนอื่นๆ อีกสองสามคนมาดูสินค้าด้วย ถ้าหากคุณซีเหมินคิดว่าดึกไป พรุ่งนี้ค่อยมาดูก็ได้นะครับ”

 

ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าเงียบๆ อยู่ในใจว่า ถ้ารอให้ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยไป ก็ไม่เท่ากับว่าดูของเหลือจากคนอื่นอย่างนั้นเหรอ? แม้ว่าจะพึ่งความสามารถพิเศษ แต่เธอก็มีโอกาสที่จะได้แต่ของเหลือจากคนอื่น แต่ว่าถ้าสามารถแย่งได้ต่อหน้าคนอื่น มันก็ดีกว่าเก็บของเหลือไม่ใช่หรืออย่างไร

 

“ไม่ดึกค่ะ อย่างนั้นตอนตีหนึ่ง ฉันจะไปตรงตามเวลานะคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

“ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่รบกวนคุณแล้ว!” เถ้าแก่โจวพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ ก่อนจะตัดสายไป

 

ซีเหมินจินเหลียนโยนมือถือไปไว้อีกฝั่ง เตรียมตัวจะกลับห้องขึ้นไปนอน ช่วงนี้วันเวลาของเธอสลับสับเปลี่ยนกันไปหมด เธอมักจะชอบนอนตอนกลางวันแล้วตื่นตอนกลางคืน

 

“เสี่ยวป๋าย ถ้าคุณไม่มีอะไรก็นอนพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ประมาณตีหนึ่ง พวกเราจะไปดูสินค้าที่ร้านเถ้าแก่โจวกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

“ผมต้องไปหาทนายจาง ไม่อย่างนั้นเรื่องการซื้อหุ้นของบริษัทตระกูลหลินจะมีปัญหา” จ่านป๋ายส่ายหัวแล้วพูดขึ้น เขาไม่ได้มีชีวิตที่ดี เดิมทีแค่อยากจะซื้อหุ้นของบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ เล่นหยก แล้วใช้ชีวิตไปวันๆ อยู่อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอะไรกับซีเหมินจินเหลียนเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้ดูจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ แค่เพียงอยากจะซื้อหุ้นตระกูลหลิน แต่ก็ยังสามารถสร้างคดีความวุ่นวายเอาชีวิตคนได้…

 

ซีเหมินจินเหลียนเกาะราวบันไดไว้ เตรียมจะขึ้นไปชั้นบน แต่ทันใดนั้นในใจของเธอก็เหมือนกับมีแสงสว่างวาบขึ้นมา “ไม่ต้องหาแล้ว ฉันรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน”

 

“เขาอยู่ที่ไหนครับ?” จ่านป๋ายถามอย่างไม่เข้าใจ

 

“คลับหยก!” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

จ่านป๋ายนิ่งอึ้ง แต่เพียงไม่นานก็เข้าใจ ทนายจางคนนั้นคงถูกฉินซินและจ่านมู่ฮวาเก็บซ่อนตัวเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นสถานที่ที่ดีที่สุดก็ย่อมเป็นคลับหยก

 

“คุณให้ฉินเฮ่าไปหาคนที่ฉินซินก็ได้แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือเป็นการตอบแทนคุณปู่หลินแล้ว แน่นอนว่าถ้าหาทนายจางไม่เจอ นอกจากนี้ยังมีวิธีที่จะทำให้หลินเจิ้งสับสนได้”

 

จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้น จู่ๆ ก็ปรบมือดีใจ “จินเหลียน คุณนี่ฉลาดจริงๆ ขอแค่ทำให้หลินเจิ้งรู้ว่าลูกในท้องของหวังเซียงฉินไม่ใช่ลูกของเขา เขาคงจะต้องสับสนวุ่นวายแน่”

 

ซีเหมินจินเหลียนวางคางพาดกับราวบันได ก่อนจะยิ้มออกมา ดูราวกับอยู่ในห้วงของความรัก

 

“ผู้หญิงอย่างหวังเซียงฉินนั่น ปากคงเก็บความลับอะไรไว้ไม่อยู่แน่ ถ้าหากหลินเจิ้งรู้ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา เขาคงจะปฏิบัติต่อเธอหน้ามือเป็นหลังมือ เรื่องที่เหลือก็คงจะจัดการง่ายขึ้น ขอแค่ข้อมูลของคุณไม่ผิดว่าหลินเจิ้งเป็นคนวางยาจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนพูดวิเคราะห์ขึ้น เพราะจ่านมู่ฮวาบอกเธอว่าเขาใช้ให้สถานีตำรวจกุมจับหลินเสวียนหลานเมื่อวาน เธอเลยได้ผลสรุปออกมา

 

“แต่ในระหว่างที่เด็กในท้องยังไม่ได้คลอดออกมา ถ้าหากอยากจะพิสูจน์ว่าในท้องนั่นเป็นลูกของหลินเจิ้งจริงหรือเปล่า คงมีปัญหานิดหน่อย”จ่านป๋ายขมวดคิ้ว

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกว้างและพูดขึ้นว่า “ทำไมวันนี้คุณถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้นะ พวกเราไม่จำเป็นต้องยืนยันเรื่องของเด็ก ถึงแม้จะเป็นลูกของหลินเจิ้งจริงก็ไม่เห็นเป็นไร ขอเพียงแค่หาชู้ของหวังเซียงฉินได้ก็พอ…แต่ว่าฉันก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง หลินเจิ้งปฏิบัติต่อหวังซียงฉินดีขนาดไหนนั่นไม่ต้องพูดถึงเลย อีกอย่างหลินเจิ้งก็สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นจะต้องหาเรื่องใส่ตัวอีกนะ?” เธอพูดมาถึงตอนนี้ ใบหน้าก็เริ่มซับสีแดงอ่อนๆ ขึ้นมา

 

“ผมได้ยินมาว่า เรื่องนั้นหลินเจิ้งไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่” จ่านป๋ายฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

 

“อ่อ…” ซีเหมินจินเหลียนเองก็รู้สึกอึดอัด เธอไม่สนใจจ่านป๋ายอีก หันหลังขึ้นไปด้านบน พระเจ้า! เธอแค่เด็กผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมาหารือเกี่ยวกับปัญหานี้กับผู้ชาย

 

จ่านป๋ายมองไปที่เงาด้านหลังของเธอแล้วยิ้มออกมา ความจริงซีเหมินจินเหลียนนั้นฉลาดมาก สิ่งที่ซับซ้อนเช่นนี้เธอก็ใช้วิธีการที่ง่ายที่สุดในการแก้ไขปัญหา แต่ตัวของเธอเอง มันช่างใสซื่อบริสุทธิ์เกินไป

 

ตอนนี้ก็นับว่าเธอเฉลียวฉลาดและมีเล่ห์เหลี่ยมแล้ว นับว่าโตขึ้นแล้วสินะ?

 

เมื่อคิดถึงซีเหมินจินเหลียนที่ใบหน้าเป็นสีแดงระเรื่อ ดูราวกับผมสตรอเบอรี่ที่สุกเต็มที่ มันก็ช่างเป็นเสน่ห์ที่แสนเย้ายวน จ่านป๋ายอดไม่ได้ที่จะใจเต้นเร็ว เขาโทรไปหาฉินเฮ่าให้เขาไปหาคนจากฉินซิน ส่วนเขาจะมีหนทางอย่างไร จะหาเจอหรือเปล่า นั่นก็ค่อยว่ากัน

 

จากนั้นเขาก็ต่อสายหาหลินเสวียนหลาน อธิบายเรื่องหวังเซียงฉินให้เขาฟังสั้นๆ รวมถึงเรื่องชู้รักของเธอคนนั้นด้วย หลินเสวียนหลานที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์นั้นดูสงบนิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ในน้ำเสียงเหนื่อยล้าอยู่บ้างนั้นมีความเรียบนิ่งที่ทำให้คนใจสั่น

 

“รู้แล้ว ผมรู้แล้วว่าต้องทำยังไง พรุ่งนี้จะฝังคุณปู่ ผมหวังว่าคุณกับจินเหลียนจะมาร่วมในพิธีฝังศพ”

 

หลินเสวียนหลานพูดขึ้น เมื่อผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนไป เกรงว่าเขาคงไม่ใช่คุณชายหลินที่สุภาพอ่อนโยนอีกต่อไปแล้วสินะ

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ผมรอฟังข่าวดีจากคุณ” จ่านป๋ายวางสายแล้วปิดประตู เขาเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อพักผ่อนสักหน่อย กลางคืนค่อยไปเดิมพันหินเป็นเพื่อนกับซีเหมินจินเหลียน ในเมื่อพรุ่งนี้หลินเสวียเหวินจะถูกฝัง ถ้าอย่างนั่นก็หมายความว่าหลินเสวียนหลานจะสามารถจัดการทุกอย่างได้ภายในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพ้นวันที่ยากลำบาก เขาก็ได้ผ่อนคลายใจลง

 

สำหรับเรื่องราชาหยก จ่านป๋ายยังรู้สึกใจเต้นแรง แต่รอให้ฝังหลินเสวียเหวินให้เสร็จก่อน หลังจากนั้นจะให้หลินเสวียนหลานตรวจสอบบัญชีเริ่มแรกของตระกูลหลิน บางทีอาจจะมีอะไรคืบหน้า

 

หลินเสวียเหวินไม่ใช่ผู้อาวุโสหู เขาคงจะไม่ได้ซ่อนหยกชั้นดีเอาไว้ในมือโดยไม่ได้ทำอะไรแน่ ในเมื่อเขาชดใช้ไม่ได้ สิ่งที่มีความเป็นไปได้ก็คือราชาหยกนั่นน่าจะถูกขายออกไปแล้ว

 

ค่ำคืนได้เข้ามาปกคลุมพื้นที่อีกครั้ง ปกคลุมแสงไฟในยามค่ำคืนจนหมดสิ้น

 

ซีเหมินจินเหลียนพิงกายเข้ากับโซฟา พลิกหนังสือพิมพ์ในช่วงสองวันนี้อย่างเกียจคร้าน สายตายังคงตกไปอยู่ที่กล่องกำมะหยีบนโต๊ะ ข้างในกล่องนั่นมีเพชรหกสีที่มูลค่ามหาศาล ถามอย่างสงสัยว่า “เสี่ยวป๋าย พรุ่งนี้จ่านมู่ฮวาจะไปร่วมงานเลี้ยงอะไรเหรอ”

 

“ครับ?” จ่านป๋ายมึนงง ไม่นานถึงพูดขึ้นมาว่า “ถ้าหากผมจำไม่ผิด เหมือนพรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดของคุณพ่อ”

 

“เหมือน?” ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้มออกมา แม้แต่วันเกิดคุณพ่อของเขายังจำไม่ได้ เขาก็เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่กลับไปด้วยเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถามหยั่งเชิงขึ้น

 

“กลับไปทำไมครับ ผมก็ถูกไล่ออกจากบ้านเรียบร้อยแล้ว” จ่านป๋ายพูด “พูดไปคุณอาจจะไม่เชื่อ คุณแม่ของผมพกทรัพย์สมบัติติดตัวเข้ามาแต่งงาน และเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณพ่อ แต่กับผม เขาก็ไม่อยากจะเจอด้วยซ้ำ”

 

ซีเหมินจินเหลียนหลุบตาลง ก่อนจะร้อง “อ้อ” ออกมาเบาๆ แต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติมากมายเหมือนกัน จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็มีเมียน้อยอยู่ข้างนอก ทรัพย์สมบัติถูกครอบครอง ภรรยาตามกฎหมายก็ตกกระป๋องสินะ?

 

“จ่านมู่ฮวากับคุณเป็นพี่น้องคนละแม่ใช่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น

 

จ่านป๋ายพยักหน้า นี่ก็เป็นคำถามที่ไม่ต้องสงสัยเลย ทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

 

“พ่อของคุณชอบเขามากกว่าเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถามอีกครั้ง

 

“ครับ…” จ่านป๋ายพยักหน้าอีกครั้ง ธุรกิจมรดกตกทอดมากมาย ตอนนี้ก็เป็นชื่อของจ่านมู่ฮวาทั้งหมด ผู้ชายคนนั้นไม่เพียงแต่มีลักษณะที่ดี แต่ยังมีความสามารถทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง นิสัยก็กล้าได้กล้าเสีย

 

“เขาอายุเท่าไหร่” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น เมื่อคิดถึงใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาแล้ว เธอก็รู้สึกสงสัยขึ้น อายุเขาก็คงไม่น้อยแล้ว แต่รูปร่างหน้าตากลับดูเหมือนเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดสิบแปด

 

“เขาเกิดปีเดียวกันกับผม แต่แค่แก่กว่าผมสองเดือน!” จ่านป๋ายพูด

 

“ฉันก็รู้นะว่าคุณอายุเท่าไหร่” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นยิ้มๆ

 

“ผมเหมือน ดูเหมือนจะราวๆ ยี่สิบแปดนะ” จ่านป๋ายยิ้ม

 

 ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะเสียงแข็ง ใบหน้าของจ่านมู่ฮวานั่นก็หลอกลวงเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะอายุยี่สิบแปดแล้ว หน้าตาของเขาราวกับเด็กอายุสิบแปด แต่ปัญหาก็คือ ตอนที่คุณแม่ของจ่านป๋ายยังไม่ได้แต่งงานเข้ามา คุณพ่อของเขาก็รับเลี้ยงผู้หญิงอื่นตั้งหลายคน ไม่เช่นนั้นจ่านมู่ฮวาคงไม่แก่กว่าจ่านป๋าย

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นเรื่องน่าเศร้า คุณพ่อของจ่านป๋ายมองเห็นแค่ทรัพย์สมบัติในตัวของคุณแม่จ่านป๋าย เมื่อรอให้ครอบครองทรัพย์สมบัติไปจนหมดก็ทอดทิ้งเธอ แม้กระทั่งลูกก็ไม่ต้องการ ไม่เช่นนั้นจ่านป๋ายคงไม่ถูกทำร้ายจนเลือดเต็มตัว แล้วมาหลบที่ข้างในรถของเธอจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนั้น…

 

ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่เพราะคุณแม่ของจ่านป๋ายทำให้เธอคิดถึงตัวเองขึ้นมา พร้อมถอนหายใจอ่อนแรง ผู้หญิงพอไม่มีเงินก็มักจะถูกคนดูถูก ถ้าผู้หญิงมีเงินแล้วมองคนผิด นั่นก็ไม่เหลืออะไรเหมือนกัน

 

ลุกขึ้นมาจากโซฟา ซีเหมินจินเหลียนก็เดินลงไปที่ห้องใต้ดิน “ฉันจะทำแท่นหยกนำโชค ปัดเป่าความโชคร้าย ถ้าตีหนึ่งแล้วคุณค่อยมาเรียกฉันนะ”

 

“ตกลงครับ” จ่านป๋ายหยักหน้าและเดินตามเธอลงไปที่ห้องใต้ดิน ในระหว่างที่กำลังเบื่อไม่มีอะไรทำนั้น เขาก็ใช้โอกาสนี้ทำการทดลองหยกราชางู

 

เพราะว่าซีเหมินจินเหลียนปฏิเสธไม่ให้เขาใช้ไฟฟ้าทดสอบราชางู เขาจึงได้แต่ทำผ่านกระจกใส มองหยกไร้สีเท่านั้น

 

เวลาตีหนึ่งพอดี ทั้งคู่ก็เตรียมตัวออกจากย่านหลานกุ้ย ขับรถไปที่ถนนโบราณที่เป็นที่ตั้งของร้านเถ้าแก่โจว

 

พวกเขาเคาะประตูร้านของเถ้าแก่โจว เถ้าแก่โจวก็ยังคงเหมือนเดิม เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนแล้วก็ยิ้มออกมา “ทั้งสองท่านมาเร็วไปหน่อยนะครับ รถยังมาไม่ถึงเลย พวกคุณน่าจะรู้ว่าถ้าอยากจะขนย้ายของในเมืองเซี่ยงไฮ้ มันก็ออกจะยุ่งยากสักหน่อย”

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าลง แน่นอนว่าเธอรู้ดี หลายครั้งที่อยากจะขนสินค้าเข้ามาในเมือง มักจะเลยเที่ยงคืนตลอด โดยปกติในเมืองจะไม่อนุญาตให้รถขนส่งขนาดใหญ่เข้ามา แถมยังมีการควบคุมเวลาที่เข้มงวด

 

“เชิญทั้งสองท่านเข้ามานั่งก่อนครับ” เถ้าแก่โจวพูดขึ้นอย่างเกรงใจ พลางเดินนำทั้งสองคนเข้าไปข้างใน