บทที่ 1487 เก็บเกี่ยวสมบัติ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1487 เก็บเกี่ยวสมบัติ

แปลโดย iPAT

 

ด้วยแสงอันเจิดจ้า มังกรดาบบรรพกาลกลับคืนสู่ร่างมนุษย์

 

โหยว่ชานและฉินไป่อี้ตายไปแล้ว จากนี้ไปทะเลตะวันออกเหลือจะเทพธิดาที่งดงามเพียงสี่จากหกคน

 

ฟางหยวนใช้วิธีการของเขาและผนึกมิติช่องว่างของผู้อมตะหญิงทั้งสองเอาไว้เป็นการชั่วคราว

 

ด้วยมรดกของนิกายเงา ฟางหยวนได้รับวิธีดึงมิติช่องว่างออกจากร่างของผู้อมตะและวิธีการอื่นๆที่มีประโยชนย์อีกมากมาย

 

เขาเก็บเขตแดนอมตะและนำอิงอู๋เซี่ย ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆออกมา

 

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

 

เดิมทีค่ายกลวิญญาณนี้มีข้อบกพร่องและไม่เป็นประโยชน์มากนัก แต่ฟางหยวนแก้ไขมันแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถใช้มันเดินทางมาที่ทะเลปลามังกรและเดินทางไปยังทะเลกระเรียนขาวได้ในพริบตา

 

ทะเลกระเรียนขาวเป็นทะเลที่สงบนิ่งและสามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าได้อย่างชัดเจน นกกระเรียนขาวจำนวนนับไม่ถ้วนบินไปมาและพักผ่อนอยู่บนเกาะเล็กๆ

 

ฟางหยวนไม่ได้หยุดชื่นชมความงามของมันแต่กระโจนลงไปใต้สมุทร

 

สำหรับสมาชิกนิกายเงา พวกเขาทำตามคำสั่งของฟางหยวนและเริ่มจับนกกระเรียนขาวในพื้นที่

 

ฟางหยวนไปที่ก้นทะเลและพบกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะอยู่ที่นั่น

 

ปรากฏว่าเขาละทิ้งปลามังกรบางส่วนและรีบมายังทะเลกระเรียนขาวเพื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหกวังไป่อี้ของฉินไป่อี้หลังนี้

 

ฉินไป่อี้ไม่ได้นำคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไป ด้านหนึ่ง นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานานเกินไป นางประมาท อีกด้านหนึ่ง นางทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะไว้ปกป้องทะเลกระเรียนขาว

 

ฟางหยวนเข้าไปหาวังไป่อี้โดยตรง

 

ประตูเปิดออก มันอนุญาตให้ฟางหยวนเข้าไปได้จริงๆ!

 

นั่นเป็นเพราะเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นฉินไป่อี้และมีเพียงเจตจำนงของฉินไป่อี้เท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้

 

ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการเข้าสู่วังไป่อี้และเก็บเจตจำนงของฉินไป่อี้

 

เจตจำนงของนางไม่สงสัยสิ่งใดเลยกระทั่งมันเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน

 

แต่ฟางหยวนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ด้วยการใช้จิตใจเป็นสนามรบ เขารีบคว้าเจตจำนงนี้เอาไว้และใช้งานมันเพื่อเข้าครอบครองวังไป่อี้

 

อย่างไรก็ตามเขายังต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนก่อนจะประสบความสำเร็จในการยึดครองวังไป่อี้อย่างสมบูรณ์

 

ในที่สุดฟางหยวนก็มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะในการครอบครอง!

 

“วังไป่อี้ยังไม่สมบูรณ์ มันขาดหลายสิ่งอย่างอย่าง มันใช้วิญญาณอมตะระดับหกเพียงสองดวงเป็นแกนกลาง มันได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของนางบำเรอของฉินไป่อี้”

 

วังไป่อี้ค่อนข้างเปราะบางและอ่อนแอ มันยังด้อยกว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬของเผ่าไห่อยู่มาก

 

ฟางหยวนจดจำรายละเอียดของมันเอาไว้ก่อนจะแยกส่วนมันออก มีวิญญาณอมตะระดับหกจำนวนสองดวง หนึ่งเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ อีกหนึ่งเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางอาหารที่เรียกว่ากลิ่นอาหาร

 

สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของฟางหยวน

 

ฉินไป่อี้และโหยว่ชานไม่ได้ทิ้งวิญญาณอมตะเอาไว้เบื้องหลัง

 

ดังนั้นวิญญาณจากวังไป่อี้จึงเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับฟางหยวนในครั้งนี้

 

วิญญาณอมตะกลิ่นอาหารอยู่ในรูปลักษณ์ของกล่องไม้ขนาดเล็ก ความสามารถของมันอาจกล่าวได้ว่าไร้ประโยชน์ มันช่วยให้ผู้อมตะสามารถกินกลิ่นอาหารเพื่อเติมเต็มความอยากอาหารของพวกเขา

 

“แต่ในโลกใบนี้ไม่มีวิญญาณที่ไร้ประโยชน์มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่ไร้ประโยชน์” ฟางหยวนมีมรดกบนเส้นทางอาหาร เขามีหลายวิธีที่สามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณอมตะกลิ่นอาหาร

 

แม้วิญญาณอมตะเหล่านี้จะไร้ประโยชน์เมื่อใช้มันเพียงลำพัง แต่มันสามารถจับคู่กับวิญญาณดวงอื่นเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์และคุ้มค่าที่จะคาดหวัง

 

ปัจจุบันฟางหยวนมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางอาหารเพียงดวงเดียว นั่นคือวิญญาณอมตะอาหารว่าง หากเพิ่มวิญญาณอมตะกลิ่นอาหารเข้าไป มันจะช่วยสนับสนุนเขาได้ในระดับหนึ่ง

 

นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและไม่คาดคิดสำหรับฟางหยวน

 

ฟางหยวนทำลายวังไป่อี้และสังหารนางบำเรอทั้งหมดที่อยู่ภายใน เหลือเพียงดวงวิญญาณของพวกนางเท่านั้นที่ถูกเก็บไว้

 

สมาชิกนิกายเงาเก็บเกี่ยวทรัพยากรอย่างเร่งรีบโดยแข่งขันกับเวลา

 

มีนกกระเรียนขาวอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก

 

ท่ามกลางพวกมันมีนกกระเรียนทั่วไปนับไม่ถ้วน มีนกกระเรียนเดียวดายยี่สิบเอ็ดตัว และมีนกกระเรียนบรรพกาลสี่ตัว

 

หลังจากใช้ความพยายามไปบ้าง ฟางหยวนและคนอื่นๆก็สามารถจับนกกระเรียนขาวรวมถึงเก็บเกี่ยวทรัพยากรทั้งหมดในทะเลแห่งนี้ มีทรัพยากรสองประเภทอยู่ในทะเล หนึ่งคือเหล็กไหลบรรพกาล มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งโลหะและเส้นทางแห่งปัญญา อีกหนึ่งคือผลึกหินไข่ มันเป็นแก่นกลางของมนุษย์ไข่

 

มีผลึกหินไข่อยู่เป็นจำนวนมาก นี่หมายความว่าในอดีตเคยมีเผ่ามนุษย์ไข่อาศัยอยู่ที่นี่

 

หลังจากเก็บเกี่ยวทรัพยากร ฟางหยวนก็ใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศกลับไปยังทะเลปลามังกร

 

ยังมีปลามังกรเหลืออยู่ที่นี่ จำนวนของมันมากกว่าปลามังกรที่ฟางหยวนครอบครองอยู่มาก

 

ฟางหยวนเก็บปลามังกรทั้งหมดไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ นั่นทำให้ฝูงปลามังกรของเขาเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า

 

โหยว่ชานเป็นผู้ขายอันดับหนึ่งในธุรกิจปลามังกร รากฐานของนางลึกมาก กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกตกใจ

 

หลังจากกวาดล้างทะเลปลามังกร ฟางหยวนมองท้องฟ้าและไม่พบการมาถึงของผู้ใด

 

‘วังสวรรค์ยังไม่เคลื่อนไหว ข้าควรรอสักครู่เพื่อล่อลวงให้วังสวรรค์ส่งบางคนออกมา’ ฟางหยวนคิดด้วยการแสดงออกที่เย็นชา

 

เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ แม้ผู้อมตะระดับแปดจะมา เขาก็ไม่กลัว

 

วังสวรรค์สามารถคาดเดาตัวตนของฟางหยวนและช่วยโหยว่ชาน ในทำนองเดียวกันฟางหยวนก็สามารถอนุมานว่าวังสวรรค์อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

 

ฟางหยวนอาจดูเหมือนมาที่นี่เพื่อโจมตีโหยว่ชานและฉินไป่อี้แต่ในความเป็นจริงเขาต้องการตรวจสอบวังสวรรค์

 

อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้วังสวรรค์ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ

 

นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเล็กน้อย

 

‘วังสวรรค์จะไม่ส่งผู้ใดมาจริงๆงั้นหรือ? เทพธิดาจื่อเว่ยล้มเหลวในการอนุมานสิ่งนี้และไม่สามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงทีงั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่า…วังสวรรค์กำลังขาดแคลนกำลังรบ’

 

สายตาของฟางหยวนสั่นไหว ในฐานะนักวางแผนที่มีประสบการณ์ เขาเดาได้ว่าวังสวรรค์กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใดอยู่ในเวลานี้

 

วังสวรรค์กำลังขาดคน!

 

ฟางหยวนรู้สึกเช่นนี้ในช่วงเวลาที่หลบหนีไปยังทะเลทรายตะวันตก แต่ตอนนี้เขาสามารถยืนยันการคาดเดานี้แล้ว

 

เนื่องจากผู้อมตะวังสวรรค์ไม่มา ฟางหยวนก็จะไม่รออย่างไร้ประโยชน์ เขาใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศไปยังทะเลไร้นามแห่งหนึ่ง

 

ฟางหยวนวางมิติช่องว่างของโหยว่ชานและฉินไป่อี้ลง

 

เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวขึ้น เข้ารีบเข้าไปข้างใน

 

เงื่อนไขในการเป็นเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์โหยว่ชานคือการฆ่าฟางหยวน แน่นอนว่าตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ปลอม

 

ท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตปราบวิญญาณ!

 

จิตวิญญาณแผ่นดินของโหยว่ชานถูกฟางหยวนกำหราบขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกฟางหยวนกลืนกินเข้าไป

 

สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ของฉินไป่อี้ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตปราบวิญญาณกำหราบจิตวิญญาณแผ่นดินทันที

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้และทำได้เพียงทิ้งมันไว้ที่นี่เท่านั้น

 

เป็นไปตามความคาดหมาย ไม่มีวิญญาณอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งทรัพยากรยังถูกทำลายทั้งหมด

 

โหยว่ชานและฉินไป่อี้ไม่ต้องการทิ้งสิ่งใดไว้ให้ฆาตกรผู้นี้

 

โชคดีที่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเรียกลมมรณะ

 

หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้ ฟางหยวนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในทะเลตะวันออกอีกต่อไป เขาจากไปทันที

 

ในไม่ช้าอาชญากรรมที่เขาก่อขึ้นในครั้งนี้ก็ถูกเปิดเผยและสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก

 

มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริง

 

ไม่ว่าจะเป็นฉินไป่อี้หรือโหยว่ชาน พวกนางต่างเป็นคนมีชื่อเสียงและทรงอิทธิพล

 

เนื่องจากโลกของผู้อมตะสงบสุขมานานเกินไป มันจึงทำให้เกิดความตื่นตระหนกกับการเสียชีวิตของสองผู้อมตะระดับเจ็ด โลกผู้อมตะแห่งทะเลตะวันออกเริ่มรู้สึกกังวลกับความปลอดภัยของตนเอง

 

นอกจากนี้ยังมีผู้อมตะจำนวนมากที่เอ่ยอ้างถึงทฤษฎีต่างๆเช่น มันเป็นการแก้แค้นโหยว่ชานและฉินไป่อี้เพื่อทวงคืนความยุติธรรม ความโลภในทรัพย์สินของพวกเขา หรือเพื่อสร้างชื่อเสียง

 

ผู้อมตะจำนวนมากกำลังค้นหาตัวผู้ร้าย

 

เช่นนี้แล้วมีเหตุผลใดที่เขาจะไม่จากไป?

 

แม้ฟางหยวนจะมีความกล้าหาญและพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เขาก็ไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับเรื่องยุ่งยากเหล่านี้